ผู้ใหญ่จับเด็กชายทุ่มพื้นไม่เคารพเพลงชาติอ้างทำตามทรัมปสั่ง

เคิร์ท บร็อกเวย์ อดีตทหารวัย 39 ปี ถูกกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้เยาว์ ซึ่งเป็นความผิดมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับ 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ  หลังก่อเหตุทำร้ายเด็กวัย 13 ปี บาดเจ็บกะโหลกศีรษะร้าว เพราะไม่ยอมถอดหมวกขณะบรรเลงเพลงชาติ ในงาน มิเนอรัล เคาน์ตี แฟร์ ในรัฐมอนทานา เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ส.ค. 

 

 

 

 

เมื่อไปขึ้นศาลเมื่อวันอังคาร บร็อกเวย์ บอกอัยการว่า ขณะเสียงเพลงชาติดังขึ้นก่อนการแสดงขี่ม้าในงาน เขาสังเกตว่า เด็กชายยังสวมหมวกอยู่ จึงขอให้ถอดออกเพื่อแสดงความเคารพ แต่อีกฝ่ายสบถใส่  เขาเข้าขยุ้มคอเด็ก ยกจนตัวลอย ก่อนฟาดกับพื้น เด็กได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองและกะโหลกศีรษะร้าว แต่แม่เด็กยืนยันว่าไม่มีการโต้เถียงใดๆก่อนบร็อกเวย์ลงมือ 

 

ต่อมา แลนซ์ แจสเปอร์ ทนายของเขา บอกสื่อท้องถิ่น Missoulian ว่า วาทะของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีส่วนให้ทหารผ่านศึกรายนี้ลงมือทำร้ายเด็ก  

 

เมื่อปีที่แล้ว ทรัมป์เคยเรียกร้องให้เจ้าของทีมอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล ไล่หรือลงโทษผู้เล่นที่คุกเข่า หรือแสดงออกใดๆที่เป็นการประท้วงระหว่างบรรเลงเพลงชาติ  ในช่วงที่มีการประท้วงตำรวจปฏิบัติกับคนผิวดำ แจสเปอร์กล่าวว่า จริงที่ทรัมป์ไม่เคยบอกให้ไปทำร้ายใคร แต่สารที่ส่งมานั้นชัดเจน และเขามั่นใจว่า บร็อกเวย์ทำด้วยความเชื่อว่าได้รับคำสั่งจากทรัมป์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด 

 

บร็อกเวย์เคยเป็นทหารที่ฟอร์ทลูอิส รัฐวอชิงตัน  ได้รับบาดเจ็บทางสมอง จากอุบัติเหตุรถยนต์ ขณะขับรถกลับไปเยี่ยมบ้านช่วงวันหยุด เมื่อปี 2543 และต้องออกจากกองทัพเพราะทุพพลภาพ  เขาบาดเจ็บสมองส่วนหน้าที่ควบคุมการเรียนรู้ อย่างการแก้ปัญหาและวิจารณญาณ ประกอบกับปูมหลังทางทหารของเขาเป็นอัตลักษณ์ของเขา เมื่อทรัมป์เรียกร้องให้จัดการกับคนที่ประท้วงเพลงชาติ หรือวิจารณ์ประเทศชาติ  บร็อกเวย์จึงไม่คิดอะไรนอกจากขานรับคำสั่งและไม่เข้าใจว่านั่นคืออาชญากรรม  

 

 

แจสเปอร์ กล่าวว่า บร็อกเวย์ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นหลัก แต่แน่นอนว่ามีปัจจัยอื่นที่มีส่วนด้วย เขาจะกำหนดแนวทางสู้คดีโดยใช้ประเด็นนี้มาโต้แย้ง หลังการประเมินสุขภาพจิตของลูกความแล้ว ทนายกล่าวด้วยว่านับจากรับทำคดีกับให้บร็อกเวย์ ก็ได้รับการต่อว่าต่อขานอย่างรุนแรง ส่วนครอบครัวของบล็อกเวย์ก็ถูกขู่เป็นร้อยครั้ง นับตั้งแต่เด็กชายวอลลี วัย 13 ต้องถูกนำตัวขึ้นเครื่องบินไปยังรักษาอย่างเร่งด่วนในอีกเมืองหนึ่ง สถานี KPAX รายงานว่า เด็กชายกลับบ้านได้แล้ว แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของอาการ