จุดความวิตกนกนางนวลในซิดนีย์และที่อื่นๆ อาจแพร่แบคทีเรียต้านแอนตีไบโอติกสู่ปศุสัตว์
ทีมนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเมอร์ดอก ในเพิร์ธ สุ่มทดสอบตัวอย่างมูลนกนางนวลทั่วออสเตรเลีย 562 ตัวอย่าง พบว่านกนางนวลกว่า 20% มีซูเปอร์บัก อี.โคไล กลุ่มเดียวกับที่เป็นสาเหตุการติดเชื้อในท่อปัสสาวะ หรือติดเชื้อในกระแสเลือดในผู้ป่วยโรงพยาบาลและ บ้านพักคนชรา
ผลการศึกษา ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Antimicrobial Chemotherapy ระบุว่าแบคทีเรียที่พบในนกนางนวล บางส่วนต้านยา “เซฟาโลสปอริน” และ “ฟลูโอโรควิโนโลน” ที่มักใช้รักษาการติดเชื้อในคน
ทีมวิจัยพบยังพบนกนางนวลในรัฐนิวเซาท์เวลส์ และรัฐวิคตอเรีย มีเชื้อแบคทีเรียต้าน “คาร์บาเพเนม” ยาต้านแบคทีเรียที่โรงพยาบาลจะใช้หลังจากยาตัวอื่นไม่ได้ผล ทั้งยังพบหลักฐานว่า นกนางนวลตัวหนึ่ง บนหาดคอสเทสโล ในออสเตรเลียตะวันตก ต้านยาโคลิสติน ซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายในการต่อสู้กับการแบคทีเรียดื้อยา
นักวิจัยเชื่อว่านกนางนวลติดแบคทีเรีย อี.โคไล ขณะคุ้ยเขี่ยอาหารในกองขยะ ในบริเวณที่มีสิ่งปฏิกูล หรือสัมผัสของเสียของคน รวมถึงอุจจาระ
( นกนางนวลบนหาดบอนได ซิดนีย์ YouTube/GianmattiaF)
ดร. แซม อับราฮัม นักวิจัยด้านต้านจุลชีพ มหาวิทยาลัยเมอร์ดอก กล่าวว่า นกนางนวลเหมือนกับฟองน้ำทางระบบนิเวศ ซึมซับจุลชีพต่างๆที่อาจเป็นต้นเหตุโรคภัยไข้เจ็บในคน จากการลงมาเดินและกระโดดไปมาๆบนพื้นสวนสาธารณะ และชายหาด
ดร.อับราฮัม กล่าวว่า นี่คือผลศึกษาอย่างสมบูรณ์ครั้งแรกที่สรุปว่า นกนางนวลทั่วประเทศออสเตรเลีย มีเชื้อแบคทีเรียดื้อยา และถือเป็นสัญญาณเตือน ทีมวิจัยต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรับปรุงระบบกำจัดของเสีย และป้องกันสัตว์ป่าเข้าถึง ที่ผ่านมา ออสเตรเลียนิ่งนอนใจในเรื่องนี้ เพราะเข้าใจว่า สัตว์ในฟาร์มสะอาดที่สุดในโลก แต่กลับกลายเป็นว่า นกในประเทศติดซูเปอร์บักจากถังขยะและสิ่งปฏิกูลของเราเอง
สำหรับคน อาจติดเชื้อแบคทีเรียหากสัมผัสแตะต้องกับมูลนกนางนวล แต่ความเสี่ยงมีน้อยหากล้างมือให้สะอาดหลังจากนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง