เหตุใด"ปราโบโว"ยังเชื่อตนเองชนะเลือกตั้ง

 

อินโดนีเซียยังรอผลนับคะแนนอย่างเป็นทางการที่จะแถลง 22 พฤษภาคมนี้ แต่ส่วนมากก็เชื่อผลเลือกตั้งที่เรียกว่า quick count ที่สถาบันจัดทำผลสำรวจหลายแห่ง สุ่มจากหน่วยเลือกตั้งในจำนวนมากพอบอกแนวโน้มได้ ยกให้ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด หรือ โจโกวี กับ ซานเดียกา อูโน คู่หูรองประธานาธิบดี เป็นฝ่ายมีชัยเหนือ ปราโบโว สุเบียนโต อดีตนายพลและอดีตลูกเขยของประธานาธิบดีซูฮาร์โต ผู้ล่วงลับ 

 

 

ผลเลือกตั้งแบบ quick count  ยังไม่เคยพลาดทำนายผล แต่คนเดียวที่ยังส่ายหน้าไม่เชื่อแถมเหยียดยาม ก็คือ ปราโบโว ที่ออกมาประกาศชัยชนะรอบครั้งที่สามแล้ว โดยอ้างการสุ่มผลคะแนนจากกว่า 3.2 แสนคูหา หรือกว่า 1 ใน 3 พบว่าเขากับคู่หู ได้ป็อปปูลาร์โหวต 62% 

ขณะที่ CSIS หนึ่งในสถาบันที่ทำสำรวจ ทำนายว่า โจโกวี ชนะบราโบโวด้วยคะแนน 55.6 ต่อ 44.4 % 

 

 

“เชื่อสถาบันสำรวจด้วยหรือ พวกเขาโกหก อย่าไปเชื่อ คนพวกนั้นควรย้ายไปประเทศอื่น หรือให้ดีก็ย้ายไปที่แอนตาร์กติกาเลย เพื่อไปโกหกกับนกเพนกวินแทน เพราะชาวอินโดนีเซียไม่อยากได้ยินเรื่องโกหกอีก” นายพล 3 ดาววัย 67 ปีประกาศต่อหน้ากองเชียร์ที่หน้าบ้านพักเมื่อวันศุกร์ ซึ่งจำนวนมากเป็นสมาชิกกลุ่มมุสลิมสายแข็ง  

นับเป็นความพยายามที่จะก้าวถึงตำแหน่งผู้นำประเทศครั้งที่ 3 แล้วของบราโบโว เขาเคยลงสมัครเป็นคู่หูรองปะธานาธิบดีในปี 2552 ก็ไม่สมหวัง ครั้้งที่สองพ่ายชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีแก่โจโกวีอีก ด้วยคะแนนห่าง 6 %  ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาทางการเมือง มองว่า การประกาศชัยชนะของบราโบโว เป็นความพยายามเฮือกสุดท้ายของความหวังก้าวสู่อำนาจ หากรอถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าในปี 2567  คงจะยาก ด้วยวัยและผู้สมัครหน้าใหม่ 

อันดิก มาตุลเลสซี นักวิชาการด้านจิตวิทยาการเมือง มหาวิทยาลัย 17 ออกุสตา เมืองสุราบายา ชวาตะวันออก มองในมุมจิตวิทยาว่า  ปราโบโวต้องการอำนาจมาก เขามองว่าตนเองคือผู้นำ สมัยอยู่ในกองทัพก็เป็นผู้บัญชาการ มีประวัติความสำเร็จมากมาย 

มาตุลเลสซี วิเคราะห์ต่อว่า ปราโบโวอาจสั่งสมความเชื่อว่า อำนาจคือทุกสิ่ง จากประสบการณ์ในฐานะผู้บัญชาการทหาร ผู้ผ่านโครงการฝึกทหารชั้นยอดจากฟอร์ทเบนนิง และฟอร์ทแบรกก์ นอกจากนี้ ปูมหลังยังมาจากครอบครัวการเมืองชนชั้นนำ พ่อเป็นนักเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของอินโดนีเซีย และเคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลประธานาธิบดีซูการ์โนและซูฮาร์โต  สมรสกับนางติเตี๊ยก บุตรสาวของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โต แม้แยกทางกัน แต่อดีตภรรยาสนับสนุนตลอดการหาเสียง 

ปราโบโวถูกปลดจากกองทัพหลังระบอบซูฮาร์โตล่มสลายในปี 2541เขาเป็นอดีตนายพลอีกคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชนในช่วงบ้านเมืองวุ่นวาย ก่อนปิดฉากระบอบเผด็จการซูฮาร์โต 

ด้าน ฮัมดี มูลุก ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย กล่าวว่า เขาไม่ประหลาดใจที่ปราโบโวประกาศชัยชนะแบบสวนทางผลเลือกตั้งแบบไม่ทางการ และว่าก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อ 5 ปีก่อน เขาเคยสำรวจความเห็นของนักจิตวิทยา 204 คนในเรื่องบุคลิกภาพของปราโบโวและโจโกวี 

“เราพบว่า ปราโบโวมีอาการที่เรียกว่า หลงผิดว่าตนมีความสำคัญผิดธรรมดา ( delusion of grandeur ) คิดว่าตนเองยิ่งใหญ่” 

ปราโบโวเกิดความรู้สึกช็อกเมื่อพ่ายแพ้ ทั้งอาจคิดว่าชาวมุสลิมทุกคนในอินโดนีเซียหนุนหลัง เพราะได้รับการสนับสนุนจากอิหม่ามขวัญใจชาวมุสลิมหลายคน แต่อาจลืมไปว่าชาวมุสลิมในประเทศนี้มีหลายแบบ รวมถึงคนที่เป็นสมาชิกองค์กรหลักและสายกลาง อย่าง นาห์ดลาตุล อูลามะ และ มูฮัมมาดียาห์  

ฮัมดี เชื่อว่าในท้ายที่สุด ปราโบโวจะยอมรับเองว่าเขาแพ้เลือกตั้ง แต่ปัญหาอาจอยู่ที่ผู้สนับสนุน ที่ไม่เข้าใจ ทั้งอาจถูกยั่วยุจากคำกล่าวอ้างที่ว่าพวกเขาถูกโกง โดยเฉพาะสนามเลือกตั้งชวากลางและชวาตะวันออก ที่โจโกวี ชนะถล่มที่ 77.23% ต่อ 65.9% 

แต่ อีร์ฟาน ออเลีย ไซอาฟุล นักวิชาการจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเมอร์ซู บัวนา ในกรุงจาการ์ตา ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคยุติธรรมรุ่งเรือง ในแนวร่วมของปราโบโว แย้งว่า เขาไม่เห็นด้วยเลยที่บอกว่าปราโบโวมีอาการหลงผิด แต่เป็นคนที่ต้องเห็นข้อมูลจริงก่อนจะเชื่อ  เขาชี้ว่า สถาบันทำสำรวจควรประเมิน ควิก เคานท์ ในชวาตะวันออกและชวากลางใหม่ เขาสัมผัสได้ว่ากระแสความนิยมในตัวโจโกวีแผ่วลงเมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน และเอนไปหาโปรโบโว แม้แต่ตัวเขาเองอาจเชื่อผลคะแนนนี้ หากส่วนต่างของผู้สมัครทั้งสองอยู่ที่ราว 3%

พร้อมยืนยันว่าการประกาศชัยชนะของปราโบโว คือส่วนหนึ่งของการทำสงครามจิตวิทยา นอกจากนี้ ในถ้อยแถลงของโจโกวีหลังทราบผลไม่เป็นทางการ ก็ไม่ได้แสดงตนว่าเป็นผู้ชนะ ส่วนปราโบโว ประกาศชัยชนะโดยอิงข้อมูลในพื้นที่