โดย บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์
สมกับที่เคยประกาศว่าชอบบริหารความขัดแย้งและสมกับที่ลูกเขยและลูกสะใภ้มีเชื้อสายยิว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จึงทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ทางการเมือง-การทูตลูกใหญ่ถล่มตะวันออกกลางอีกครั้ง เมื่อจู่ๆประกาศเปรี้ยงเหมือนฟ้าผ่ากลางฤดูร้อนว่าผ่านมา 52 ปีแล้ว จึงสมควรแก่เวลาที่สหรัฐจะรับรองว่าที่ราบสูงโกลันเป็นของอิสราเอลแต่เพียงประเทศเดียว เนื่องจากมีความสำคัญทั้งทางยุทธศาสตร์และความมั่นคงต่ออิสราเอลและเสถียรภาพของภูมิภาค
นับเป็นระเบิดทางการทูตลูกที่ 2 ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถล่มภูมิภาคนี้หวังจะจัดระเบียบขึ้นใหม่ในตะวันออกกลาง หลังจากที่ทรัมป์ประกาศเมื่อปลายปี 2560 รับรองนครเยรูซาเลมว่าเป็นเมืองหลวงอิสราเอล จนเป็นชนวนความรุนแรงระลอกใหม่ ชาวปาเลสไตน์ลุกฮือประท้วงจนถูกทหารยิวยิงไม่ยั้งมือ เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ในระยะสั้นแล้ว ผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากนโยบายของทรัมป์คือนายเบนจามิน เนทันยาฮู หรือ”บีบี” นายกรัฐมนตรีอิสราเอลที่กำลังลงสนามเลือกตั้งในวันที่ 9 เม.ย.นี้เพราะจะยิ่งมีโอกาสมากขึ้นที่จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 5
ไมเคิล คอปโลว์ ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายแห่งการประชุมนโยบายอิสราเอลในนิวยอร์กชี้ว่าการวางเดิมพันทั้งหมดของทรัมป์ที่รับรองการผนวกที่ราบสูงโกลันเป็นเรื่องของการเข้าไปแทรกแซงการเลือกตั้งในอิสราเอลล้วนๆ “เป็นของขวัญล้ำค่าชิ้นใหญ่ที่รัฐบาลทรัมป์มอบให้กับเนทันยาฮู “เนื่องจากประชาชนจะหันเหความสนใจรณีที่ “บีบี”จะถูกฟ้องในข้อหาทุจริตคอรัปชั่นเพิ่มอีกคดีหนึ่งมาสนใจเรื่องที่อิสราเอลสามารถผนวกพื้นที่ส่วนใหญ่ของที่ราบสูงโกลันอย่างชอบธรรมแล้ว
ก่อนหน้านี้ “บีบี” เคยพยายามขายฝันนี้ให้กับอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา แต่ถูกท้วงติงจนทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 คนย่ำแย่ลงถึงขั้นแทบจะไม่มองหน้ากัน สุดท้ายเนทันยาฮูก็สามารถขายฝันนี้ให้กับประธานาธิบทรัมป์จนสำเร็จ
แต่ผลระยะยาวแล้วเป็นเรื่องที่ทั้งนักการเมือง นักวิชาการและผู้สันทัดกรณีเกือบทุกคนไม่มีใครมองในแง่ดี มองเห็นแต่เพียงว่าหายนะใหญ่กำลังรออยู่เบื้องหน้า ดังที่คาร์ล บิลด์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสวีเดนให้ความเห็นว่า การกระทำของทรัมป์คือการหวนกลับไปใช้กฎแห่ง “สัตว์ป่า” บ้างก็ว่าเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมือง ทำให้ความสัมพันธ์กับพันธมิตรอาหรับและมุสลิมในตะวันออกกลางยิ่งจืดจางลงและมีความหวาดระแวงกันมากขึ้น บางกลุ่มอาจมองว่าเป็นช่วงโอกาสเหมาะที่จะร่วมมือกันร่างแผนที่ตะวันออกกลางขึ้นมาใหม่เพื่อตอบโต้สหรัฐและอิสราเอล
แดเนียล ชาพิโร อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำอิสราเอลท้วงติงว่าปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นก็คือความหมายเชิงกลยุทธ์ “ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าอิสราเอลจะถอนตัวออกจากที่ราบสูงโกลันหรือไม่ ซึ่งแน่นอนไม่มีทางทำอยู่แล้ว” แต่คำถามอยู่ที่ว่าสหรัฐกับอิสราเอลจะได้ปะโยชน์อะไรจากการบีบให้โลกยอมรับการกระทำเช่นนี้อ้างว่าเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่มีทางผันแปรเป็นอื่น ซึ่งเท่ากับจะทำให้โลกมีความเสี่ยงมากขึ้น
( ประท้วงที่ตูนีเซีย / AFP )
ขณะที่ฮุสเซน ไอบิช นักวิชาการอาวุโสแห่งสถาบันรัฐอาหรับที่อ่าวเปอร์เชียในกรุงวอชิงตันชี้ว่าหลักการพื้นฐานของระบบโลกช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็คือ การไม่ยอมรับการผนวกดินแดนผ่านการทำสงคราม แต่หลักการนี้ก็มลายหายไปแล้ว เช่นเดียวกับการไม่เคารพในมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
ด้านไรเนอร์ โซลลิค ผู้เชี่ยวชาญกิจการอาหรับซึ่งทำงานอยู่ที่ภาคบริการภาษาอาหรับแห่งดอยช์เวลล์ในเยอรมัน เตือนว่าเป็นความผิดพลาดมหันต์ที่ทำอย่างนี้ โดยเฉพาะการอ้างว่าอิสราเอลได้ผนวกที่ราบสูงโกลันมานานกว่า 40-50 ปี ถือเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ แล้วทำไมการรับรองความจริงในข้อนี้ถึงจะทำไม่ได้ คำตอบก็คือการกระทำของอิสราเอลนั้นถือว่าขัดกับกฎหมายระหว่างประเทศ แม้ว่าจะเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ก็ตาม
โกลันสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างไร
ที่ราบสูงโกลันเป็นเนินเขาสูงบนพื้นที่ 1,200 ตารางกิโลเมตร นอกเหนือจากเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ ยังเป็นพื้นที่เก็บกักน้ำสำคัญที่จะไหลลงสู่แม่น้ำจอร์แดนและทะเลกาลิลี ซึ่งล้วนแต่เป็นแหล่งน้ำสำคัญของอิสราเอล ยังเป็นแหล่งเกษตรกรรมโดยเฉพาะเป็นแหล่งปลูกองุ่นและกล้วยไม้
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือเป็นพื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ สามารถมองเห็นภูมิประเทศทั้งของเลบานอน,ซีเรียและหุบเขาของจอร์แดน ถ้าหากซีเรียได้พื้นที่ยุทธศาสตร์นี้กลับคืนก็จะสามารถมองเห็นทุกความเคลื่อนไหวในอิสราเอล นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้อิสราเอลไม่ยอมคืนที่ราบสูงโกลันให้ซีเรีย นอกจากนี้ยังได้ส่งทหารไปประจำการตามชายแดนที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการป้องกันเชิงรุก และจุดได้เปรียบในการสังเกตการณ์การเคลื่อนไหวทางทหารตลอดแนวพรมแดน
อิสราเอลได้ยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของที่ราบสูงโกลันจากซีเรียในช่วงสงคราม 6 วันเมื่อปี 2510 ก่อนผนวกพื้นที่ที่ยึดได้ให้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศเมื่อปี 2524 แต่ประชาคมโลกไม่ยอมรับ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้ลงมติหลายครั้งไม่ยอมรับการผนวกที่ราบสูงโกลัน หนำซ้ำ ยังได้ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไปตรึงกำลังในพื้นที่ขัดแย้งนี้
ตลอดช่วงที่ผ่านมา ซีเรียได้แต่เรียกร้องให้ยิวยอมคืนดินแดนแห่งนี้จะแค่ส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดก็ได้ภายใต้เงื่อนไขว่าจะยอมเข้าร่วมเจรจาสันติภาพที่จะมีขึ้นในอนาคต แต่อิสราเอลไม่สนใจข้อเรียกร้องนี้แม้แต่น้อย
ใครอยู่ที่นี่
ที่ราบสูงแห่งนี้มีประชากรอาศัยอยู่ราว 40,000 คนในจำนวนนี้ราวครึ่งหนึ่งคือ 20,000 คนเป็นชาวยิวที่อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐาน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือเป็นชนกลุ่มน้อยชาวดรูซ ซึ่งเป็นมุสลิมในพื้นที่ยึครองและและชนกลุ่มน้อยที่เป็นพวกชีอะห์นิกายอะลาวี ซึ่งเป็นนิกายที่ประธานาธิบดีบาชาร์ อัสซัสและคนสำคัญในรัฐบาลนับถือ ทั้ง 2 ชาติพันธ์นี้ส่วนใหญ่มองว่าตัวเองเป็นชาวซีเรีย
หวั่นส่งเสริมลัทธิ”ผู้ชนะเป็นเจ้า”
การกระทำของทรัมป์ทำให้นานาประเทศโดยเฉพาะพันธมิตรตะวันตกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา สหรัฐและพันธมิตรได้จับมือกันทำสงครามสั่งสอนประเทศที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศด้วยการผนวกดินแดนประเทศอื่นเป็นของตัวเอง อย่างคราวที่อดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซนแห่งอิรักบุกยึดคูเวต สหรัฐและพันธมิตรนาโตได้ร่วมกันทำสงครามอ่าวเปอร์เชียครั้งที่ 1 บีบให้อิรักต้องคายคูเวต
และที่กำลังเป็นข้อถกเถียงกันยิ่งกว่าก็คือการกระทำของทรัมป์เท่ากับกำลังไฟเขียวให้ประเทศอื่นๆสามารถยึดดินแดนที่ตัวเองต้องการได้อย่างชอบธรรม เพียงแค่ยึดพื้นที่ให้นานมากพอที่จะประกาศดื้อๆว่า”เป็นข้อเท็จจริง” จากนั้นก็เรียกร้องให้นานาประเทศ”รับรองความเป็นจริงที่เกิดขึ้น”ว่าการผนวกดินแดนนั้นเป็นเรื่องถูกต้องชอบธรรม
ตัวอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นก็คือการรับรองการที่รัสเซียยึดครองแหลมไครเมียที่ยิดจากยูเครนเมื่อปี 2557 ซึ่งมหามิตรตะวันตกได้ใช้เป็นข้ออ้างในการบอยคอตตรัสเซียมานาน 5 แล้ว หรือกรณีที่จีนไปสร้างอิทธิพลเหนือบริเวณทะเลจีนใต้ เป็นต้น
เป้าหมายสุท้ายผนวกเวสต์แบงค์ ?
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนรวมถึงไมเคิล คอปโลว์อดกังวลไม่ได้ว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศปรับเปลี่ยนท่าทีอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยมาก่อน ด้วยความย่ามใจที่นานาประเทศไม่สามารถขัดขวางตัวเองได้ อย่างเก่งก็แค่ดีแต่ปรามเท่านั้น อาจทำให้ทรัมป์ได้ใจจนท้ายที่สุดอาจจะให้ท้ายอิสราเอลประกาศยึดเวสต์แบงค์หรือฝั่งตะวันตกแม่น้ำจอร์แดน อาจจะแค่ส่วนเสี้ยวหรือทั้งหมด ซึ่งเท่ากับฝังความพยายามที่จะตั้งรัฐปาเลสไตน์ขึ้นที่นี่และคุกคามประชาธิปไตยของอิสราเอลเอง
ถึงแม้ว่าเนทันยาฮูจะประกาศว่าไม่มีนโยบายผนวกเวสต์แบงค์ แต่หลายคนเชื่อเป็นเพราะตอนนั้นบีบียังไม่รู้ทิศทางลมของสหรัฐว่ามีทีท่าเช่นไร แต่ถ้าทุกอย่างโล่งตลอด บีบีก็อาจจะผนวกดินแดนของปาเลสไตน์และขยายนิคมยิวออกไปโดยจะได้รับการสนับสนุนท้วมท้นจากพรรคการเมืองชาตินิยม เคร่งศาสนาและขวาจัด
อดีตทูตชาพิโรเสริมว่าโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนในเรื่องการผนวกเวสต์แบงค์มีมากขึ้นหลังการเลือกตั้งและการที่เนทันยาฮูต้องคดีทุจริตคอรัปชั่นอาจจะบีบให้เขาต้องจับมือกับกลุ่มปีกขวาพื่อจะได้สวมหัวโขนผู้นำประเทศต่อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง