ข่าว

โศกนาฏกรรมของผู้หญิงยังไม่สิ้นไปจากซาอุฯ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย...บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

 

รู้สึกว่าช่วงนี้ดวงเมืองของซาอุดีอาระเบียกำลังตก เต็มไปด้วยข่าวร้ายข่าวอื้อฉาวติดๆกัน ที่มีแต่ทำให้ชื่อเสียงของประเทศและสถาบันเสื่อมเสีย ตั้งแต่กรณีคนสนิทของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด อัล ซัลมาน มกุฎราชกุมาร พัวพันกับการฆ่าหั่นศพจามาล คาช็อกกี อดีตนักข่าวและคอลัมนิสต์ในสถานกงสุลซาอุฯ ที่อิสตันบูล ไปจนถึงกรณี น.ส.ราฮัฟ โมฮัมเหม็ด อัล กุนัน หญิงสาวชาวซาอุฯ วัย 18 ปี ไม่ยอมเดินทางกลับประเทศ สุดท้ายได้สถานะผู้ลี้ภัยจากสหประชาชาติและล่าสุด ได้ลี้ภัยในแคนาดาแล้ว 

 

ล่าสุด ซีเอ็นเอ็นได้นำเสนอรายงานพิเศษชิ้นหนึ่ง ย้อนรอยการหายตัวของคู่สามีภรรยาที่มีความเห็นท้าทายกลุ่มจารีตเก่า อีกทั้งยังสะท้อนถึงการเดินหน้ากวาดล้างผู้ที่มีจุดยืนไม่ลงรอยกับรัฐบาล ตอกย้ำกระแสลวงโลกของเจ้าชายมกุฎราชกุมารที่ใช้สื่อทั้งในและต่างประเทศช่วยสร้างภาพว่าเป็นเจ้าชายนักปฏิรูปและเปิดกว้างในเรื่องสิทธิสตรี

 

แต่จริงๆ แล้วยังคงปราบปรามกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีอย่างเงียบๆ อยู่เหมือนเดิม

 

 

เริ่มด้วยทวิตเตอร์ของ เคิร์ท รูเดลล์ นักเขียนชาวอเมริกันและยังเป็นโปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ที่ได้ทวิตเมื่อต้นปีนี้ บอกเล่าเรื่องราวของมิตรภาพกับ ฟาฮัด อัล บูตาอิรี นักแสดงตลกบนเวทีซึ่งรู้จักกันอย่างกว้างขวางในสมญา “เจอรี ไซน์เฟลด์ แห่ง ซาอุดีอาระเบีย” โดย เจอรี ไซน์เฟลด์ เป็นดาราและนักแสดงตลกบนเวทีชาวอเมริกันที่มีชื่อเสียงก้องโลก รวมทั้งมิตรภาพกับ ลูจาอิน อัล ฮัธลูวล์ ภรรยาของบูตาอิรี ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำนักเคลื่อนไหวเพื่อให้ผู้หญิงซาอุฯ มีสิทธิขับรถยนต์

ทั้ง 2 คนได้รับการมองว่าเป็นสามีภรรยาที่ท้าทายและทลายขั้วอำนาจเก่าในซาอุฯ กระทั่งยอมผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มทางสังคมลงมาก โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ตลอดทั้งชีวิต ต้องอยู่ใต้การบงการของผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อ สามี พี่ชาย หรือแม้กระทั่งลูกชายหรือญาติผู้ชาย

รูเดลล์บอกว่ารู้จักกับสามีภรรยาคู่นี้ที่ลอสแองเจลิสเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วขณะไปออกรายการโชว์ทางโทรทัศน์ จากนั้นก็ส่งข้อความถึงกันเสมอก่อนที่ทั้ง 2 คนจะหายตัวไป “ผมอยากจะเห็นในสิ่งที่พวกเขาสามารถทำให้แก่โลกใบนี้ ถ้าหากพวกเขาได้รับโอกาส ผมอยากจะรับประทานอาหารค่ำพร้อมกับพวกเขาในวันหนึ่งข้างหน้า”

 

รูเดลล์เผยกับซีเอ็นเอ็นว่า ไม่น่าเชื่อว่าทวิตเตอร์ของตัวเองชิ้นนี้ จะมีการรีทวิตนับแสนๆ ครั้ง หนำซ้ำยังได้รับการติดต่อจากอดัม สชีฟ ส.ส.จากแคลิฟอร์เนียว่าจะติดต่อกับเอกอัครราชทูตซาอุฯ ประจำสหรัฐ เพื่อขอคำตอบเกี่ยวกับชะตากรรมของฮัธลูวล์ วัย 29 ปี ซึ่งถูกจับกุมเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ขณะขับรถไปตามถนนไฮเวย์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เธอพำนักอยู่ หมายจะข้ามพรมแดนกลับไปที่ประเทศบ้านเกิด อันเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ให้ผู้หญิงมีสิทธิขับรถ หลังถูกจับเธอถูกส่งตัวกลับไปที่ซาอุฯและถูกนำตัวเข้าคุก

 

 

 

ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ฮัธลูวล์ถูกจับเข้าคุก โดยครั้งแรกมีขึ้นเมื่อปี 2557 เธอถูกขังนาน 73 วันจากกรณีวิจารณ์รัฐบาลทางอินเทอร์เน็ตและเรียกร้องสิทธิการขับรถ ระหว่างนั้น บูตาอิรีได้นำเรื่องของเธอไปเป็นมุกตลกระหว่างแสดงตลกหน้าเวที ว่าเธอเหมือนกับช้างที่ถูกจับขังในห้องห้องหนึ่ง

หลายเดือนหลังจากฮัธลูวล์ถูกจับครั้งที่ 2 ทางการก็ยอมยกเลิกคำสั่งห้ามผู้หญิงขับรถยนต์ โดยโหมประโคมข่าวใหญ่โตว่าเป็นผลงานของเจ้าชายมกุฎราชกุมารที่ต้องการให้ผู้หญิงมีสิทธิเสรีภาพมากขึ้น ไม่มีการพูดถึงขบวนการเรียกร้องสิทธิในการขับรถของกลุ่มเรียกร้องสิทธิสตรีแต่อย่างใด

ส่วนฟาฮัด อัล บูตาอิรี วัย 33 ปี ถูกจับที่จอร์แดนในช่วงเดียวกันและถูกส่งตัวกลับมาที่ซาอุฯ ถูกคุมขังหลายวันก่อนจะได้รับการปล่อยตัว จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครทราบชัดว่าบูตาอิรี ถูกจับในข้อหาอะไร

ขณะเดียวกัน ทวิตเตอร์ที่บรรยายรายละเอียดช่วงที่สองสามีภรรยาถูกจับกุมได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง จุดชนวนการวิพกษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงการกวาดล้างผู้มีความเห็นไม่ลงรอยกับทางการ การโต้เถียงนี้ยิ่งดุเด็ดเผ็ดร้อนหลังมีข่าวการฆ่าหั่นศพจามาล คาช็อกกี อย่างโหดเหี้ยมเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

 

โศกนาฏกรรมของผู้หญิงยังไม่สิ้นไปจากซาอุฯ

 

 

ฮัธลูวล์ได้รับการปล่อยตัวไม่กี่วันหลังจากนั้น แต่แล้วก็ถูกกวาดจับอีกครั้งพร้อมกับกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อให้ผู้หญิงมีสิทธิขับรถ 11 คน ในจำนวนนี้ รวมไปถึงอาซิซะ อัล ยูเซฟ, อิมาน อัล นาฟจัน, นูฟ อับเดลาซิซ, ซามาร์ บาดาวี และฮาทูน อัล ซัซซี ทุกคนถูกจองจำเรื่อยมาจนถึงขณะนี้ โดยสำนักข่าวทางการซาอุฯ รายงานว่ากลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีเหล่านี้ถูกจับในข้อหาต้องสงสัยว่าสมคบกับต่างชาติที่ให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวของพวกเธอ แล้วให้ไปชักชวนคนอื่นๆ ที่อยู่ในตำแหน่งที่อ่อนไหวในรัฐบาลให้ร่วมขบวนด้วย ตลอดจนให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มผู้มีการกระทำเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลที่อยู่นอกประเทศ

สื่อที่สนับสนุนฝ่ายรัฐบาลบางสื่อยังตราหน้าพวกเธอว่าเป็น “กบฏ” ข้อหาร้ายแรงนี้อาจทำให้พวกเธอรวมทั้งผู้ชายหลายคนที่สนับสนุนการเคลื่อนไหวหรือออกมาปกป้องนักเคลื่อนไหวในชั้นศาลแล้วถูกจับกุมตัวด้วยเช่นกัน อาจจะถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลานาน

ทั้งกลุ่มฮิวแมนไรต์วอตช์ องค์การนิรโทษกรรมสากลและคนใกล้ชิดกับผู้ต้องหาหญิงเหล่านี้เปิดเผยว่าฮัธลูวล์และผู้ต้องหาหญิงรวมกว่า 10 คนต่างถูกทรมานด้วยการจี้ไฟฟ้าและการโบยตี รวมถึงการถูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยบางช่วงบางตอนระหว่างการสอบสวน นายซาอุด อัล กาห์ตานี อดีตคนสนิทของเจ้าชายมกุฎราชกุมารซึ่งมีชื่อว่าเป็นตัวการสำคัญในการวางแผนสังหารนายคาช็อกกี ได้อยู่ในที่สอบสวนด้วย หนำซ้ำยังออกปากขู่จะข่มขืนผู้ต้องหาคนหนึ่งแล้วจะฆ่าทิ้งจากนั้นจะโยนศพไปที่ระบบบำบัดน้ำเสีย เมื่อสื่อตะวันตกพยายามจะเจาะลึกเรื่องนี้ รัฐบาลซาอุฯ ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่มีการทรมานหรือข่มขู่ผู้ต้องหาหญิงตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด สำหรับนายกาห์ตานีสุดท้ายถูกปลดจากตำแหน่งผู้อำนวยการข่าวสารเนื่องจากพัวพันกับคดีฆ่าคาช็อกกี

 

โศกนาฏกรรมของผู้หญิงยังไม่สิ้นไปจากซาอุฯ

 

 

ในส่วนบูตาอิรีนั้นยังคงเก็บตัวเงียบแม้จะได้รับการปล่อยตัวมาหลายเดือนแล้ว แต่เขาไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าประชาชน แถมยังปิดแอคเคานท์ทวิตเตอร์ที่มีคนติดตามหลายล้านคนและไม่ยอมให้ความเห็นใดๆ แม้กระทั่งกับซีเอ็นเอ็นเรื่องที่ถูกจับพร้อมกับภรรยา

แต่ระหว่างนั้น บูตาอิรีได้ร่วมแต่งเพลงสำหรับมิวสิกวิดีโอชื่อ “ไม่มีผู้หญิง ไม่มีการขับรถ” ที่มีคนเข้าชมในยูทูบกว่า 16 ล้านครั้ง

“ผมหวังใจว่าจะได้พบพวกเธออีกครั้ง ผมหวังว่าพวกเธอยังคงเป็นคนที่ผมรู้จักเหมือนเมื่อหลายปีมาแล้ว และก็อยากรู้ว่าพวกเธอผ่านอะไรมาบ้าง ขณะที่ผมแต่งเพลงอยู่ ผมก็นึกเรื่อยเปื่อยว่าถ้าผมพบพวกเธออีกครั้ง พวกเธอจะเหมือนเดิมหรือไม่ แต่ผมก็รู้สึกได้เช่นกันว่าพวกเธอคงเปลี่ยนไป ผมไม่รู้ว่าลูจาอินจะยังมีรอยยิ้มเหมือนเดิมหรือไม่ ยังคงมองโลกในแง่ดีเหมือนเดิมหรือไม่ ยังคงเป็นหญิงสาวที่แสนร่าเริงเหมือนที่ผมเคยพบหรือไม่ ผมนึกภาพไม่ออกว่าเธอจะเป็นเช่นไร เธอเป็นคนที่เข้มแข็งมาก่อนและคงจะเข้มแข็งต่อไป”

บูตาอิรีเคยให้ความเห็นสั้นๆ แต่แล้วเจ้าตัวกลับทำในสิ่งที่คนรอบข้างไม่เคยนึกฝันมาก่อน เมื่อจู่ๆ ก็ขอหย่าจากฮัธลูวล์ทั้งๆ ที่เธอยังอยู่ในคุก โดยไม่มีใครทราบเหตุผลแท้จริง แม้กระทั่งฮัธลูวล์และครอบครัวของเธอก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบเพราะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

ฟาฮัด บูตาอิรี เลือกที่จะหายตัวไปจากสังคม แต่หลายคนบอกว่าแม้เขาจะไม่ถูกติดคุก แต่ก็ไม่มีอิสระเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์

 


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ