ข่าว

หมอพลังจิต-หมอลวงโลกหรือปีศาจร้าย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

อีกหนึ่งความสำเร็จของขบวนการ #metoo ที่เรียกร้องให้ผู้หญิงทั่วโลกกล้าเปิดโปงเรื่องที่ตัวเองถูกล่วงละเมิดทางเพศ มาจากการที่ผู้หญิงแดนแซมบากว่า 300 คนตัดสินใจเผยตัวเองว่าเป็นเหยื่อถูกนายเฌาเตเซรา เด ฟาเรีย วัย 76 ปี ล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืน จนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ในฐานะที่นายเฌาเตเซรา เด ฟาเรีย มีชื่อเสียงโด่งไปทั่วโลกมานานหลายสิบปีในฐานะที่เป็นหมอพลังจิตที่สามารถรักษาอาการซึมเศร้าและโรคอื่นๆ รวมทั้งโรคมะเร็งได้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นแพทย์ กระทั่งได้ฉายาว่า ‘จอห์น ออฟ ก็อด’

 

หมอพลังจิต-หมอลวงโลกหรือปีศาจร้าย

( ภาพ Daily Mail ) 

 

สื่อบางสื่อถึงกับยกย่องว่าเป็นหมอพลังจิตที่ทรงพลังที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ และอาจจะเป็นหมอพลังจิตที่โด่งดังที่สุดในรอบ 2,000 ปี ถึงขนาดรายการโทรทัศน์ชื่อดังของสหรัฐและออสเตรเลียหลายรายการเคยนำเสนอเรื่องราวของหมอพลังจิตผู้นี้ รวมทั้ง โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรโทรทัศน์ชื่อดังของสหรัฐ ที่เคยสัมภาษณ์เขาในรายการทอล์กโชว์ 

นอกจากนี้ ยังเคยเดินทางไปกรุงบราซิเลียเมื่อปี 2556 เพื่อดูวิธีผ่าตัดด้วยพลังจิตของเขา แล้วนำมาเขียนในคอลัมน์ของเธอที่ oprah.com ว่ารู้สึกเต็มตื้นจากประสบการณ์ที่เห็นเขาผ่าตัดทรวงอกของผู้หญิงคนหนึ่งโดยไม่มีการใช้ยาชาแต่อย่างใด ทำให้เธอรู้สึกท่วมท้นไปด้วยความสงบสุข แต่ตอนนี้เธอลบบทความชิ้นนี้แล้ว

 

หมอพลังจิต-หมอลวงโลกหรือปีศาจร้าย

( ภาพ Daily Mail ) 

 

เฌาเตเซรา เด ฟาเรีย อ้างตัวเองว่าเป็นร่างทรงของบรรดาแพทย์ผู้ล่วงลับกว่า 30 คนรวมทั้งนักบุญหลายองค์ และใช้พลังของพระผู้เป็นเจ้าในการรักษาโรคให้แก่ผู้ป่วย กระทั่งมีสาวกและลูกศิษย์ทั่วโลก แต่สุดท้ายเจ้าตัวต้องเดินคอตกเข้าคุกหลังจากถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืนผู้หญิงมากกว่า 300 คน...

คงเป็นเพราะมีโจทก์อยู่มาก นายฟาเรียจึงถูกขังเดี่ยว ไม่ปะปนกับนักโทษคนอื่นๆ ตำรวจเผยว่ากว่านายฟาเรียจะยอมมอบตัว ตำรวจต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมและเจรจาต่อรองอยู่นานมาก ขณะที่ทนายความเผยว่ากำลังต่อรองกับทางการให้ยอมอนุมัติให้นายฟาเรียไม่ต้องเข้าคุกแต่ถูกกักบริเวณที่บ้านแทนเนื่องจากอายุมากแล้วประกอบกับสุขภาพไม่สู้ดีนัก ต้องกินยารักษาความดันสูงและยังเคยป่วยเป็นมะเร็งมาก่อนหน้า

 

หมอพลังจิต-หมอลวงโลกหรือปีศาจร้าย

 

เรื่องทั้งหมดเริ่มจากผู้หญิงแดนแซมบา 12 คนกล้าเปิดเผยตัวเองเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม กล่าวหานายฟาเรียว่าใช้วิธีการรักษาด้วยพลังจิตเป็นข้ออ้างในการล่วงละเมิดทางเพศระหว่างรักษาที่คลินิกของเขาที่เมืองอาบาดีอาเนีย ทางภาคกลางของประเทศ จากนั้นเหยื่อคนอื่นๆ ก็ทยอยเปิดตัวว่าตกเป็นเหยื่อในช่วงปี 2553 จนถึงต้นปีนี้ หลายคนบอกว่าต้องช่วยสำเร็จความใคร่ให้นายฟาเรียที่อ้างว่าเป็นทางเดียวที่จะส่งผ่านพลังงานสะอาดให้

หนึ่งในผู้ตกเป็นเหยื่อก็คือ น.ส.ซาฮีรา เลนีกี มาอุส ช่างภาพอิสระชาวเนเธอร์แลนด์ที่เปิดเผยว่าถูกข่มขืนระหว่างไปรักษาโรคซึมเศร้า โดยหลอกว่าเป็นการทำพิธีกรรม เหยื่ออีกหลายคนให้การคล้ายๆ กันว่าถูกหลอกว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการถ่ายทอด “พลังรักษา”

 

หมอพลังจิต-หมอลวงโลกหรือปีศาจร้าย

 

เหยื่ออีกคนหนึ่งซึ่งเมื่อเผยตัวแล้วทำให้ทุกคนตะลึงพรึงเพริดไปตามๆ กันก็คือนางดัลวา เตเซรา ลูกสาวของนายฟาเรีย ซึ่งยอมเปิดปากให้สัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่งว่าเธอถูกพ่อข่มขืนตั้งแต่ตอนอายุแค่ 10 ปีจนถึง 14 ปี อ้างว่าจะใช้พลังจิตรักษาเธอ กระทั่งเธอตั้งท้องกับลูกจ้างคนหนึ่งของคลินิกของพ่อ ด้วยความโกรธนายฟาเรียได้ทำร้ายร่างกายเธอจนกระทั่งแท้งลูกในที่สุด เธอย้ำว่าพ่อของเธอ "แท้ที่จริงก็คือปีศาจร้าย”

 

อย่างไรก็ตาม สำนักงานของนายฟาเรียปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างสิ้นเชิง ยืนยันว่าหมอพลังจิตผู้นี้ใช้พลังของตัวเองช่วยรักษาคนมานับแสนนับล้านคนตลอด 44 ปี โดยไม่เคยมีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น แม้ว่าจะเคยโดนศาลสั่งปรับและจำคุกมาแล้วในข้อหาแอบอ้างตัวเป็นแพทย์ และรักษาผู้ป่วยโดยไม่มีใบอนุญาต แต่เจ้าตัวก็ไม่เข็ด

 

 

หมอพลังจิต-หมอลวงโลกหรือปีศาจร้าย

 

เฌาเตเซรา เด ฟาเรีย เคยเล่าประวัติของตัวเองว่าเป็นแค่ชาวนาธรรมดาๆ คนหนึ่ง มีโอกาสเรียนหนังสือแค่ 2 ปี จากนั้นตระเวนเดินทางไปตามหมู่บ้านต่างๆ ในรัฐโกยาสและมีนัสเชไรส์ แล้ววันหนึ่งจู่ๆ วิญญาณในร่างก็บอกว่าเขาควรจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้มากกว่านี้ ทั้งยังแนะเสร็จสรรพว่าต้องเดินทางมาที่เมืองอาบาดีอาเนียในรัฐโกยาสเพื่อบรรลุภารกิจในการรักษาคน เจ้าตัวเริ่มต้นรักษาด้วยพลังจิตเมื่อราวปี 2521 แค่นั่งบนเก้าอี้ใกล้ถนนสายหลักสายหนึ่ง ผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลมาขอให้ช่วยรักษาโรคต่างๆ กระทั่งต้องรักษาวันละหลายพันคน ในที่สุดก็ตั้งศูนย์บำบัดขึ้น ซึ่งตลอดช่วง 44 ปีที่ผ่านมาเชื่อกันว่าเขามีส่วนช่วยรักษาคนไข้มากถึง 15 ล้านคนทั้งทางตรงหรือทางอ้อม

เอกสารของศูนย์บำบัดด้วยพลังจิตของนายฟาเรีย ระบุว่า แต่ละสัปดาห์จะมีคนไข้จากทั่วทุกมุมโลกราว 3,000-5,000 คนเดินทางมาขอให้เขาช่วยรักษาด้วยความศรัทธายิ่ง

เบื้องหน้า เขาจะวางตัวเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและประกาศตัวชัดเจนว่า "ผมไม่ได้รักษาใคร พระเจ้าเป็นคนรักษาต่างหาก และด้วยพระกรุณาไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์ ทำให้ผมสามารถช่วยบำบัดและปลอบใจบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ผมเป็นเพียงแค่เครื่องมือในอุ้งหัตถ์ของพระเจ้าเท่านั้น”

 

หมอพลังจิต-หมอลวงโลกหรือปีศาจร้าย

 

รายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายพืชสมุนไพรที่เจ้าตัวจัดเตรียมไว้แล้ว ปรากฏว่าสมุนไพรแค่ชนิดเดียวสามารถรักษาได้สารพัดโรคเหมือนกับเป็นสมุนไพรครอบจักรวาล ต่อมาก็มีการตั้งบริษัทขึ้นโดยใช้ชื่อของภรรยา รวมทั้งคนขับรถและลูกจ้างคนหนึ่งว่าเป็นเจ้าของเพื่อทำหน้าที่ขายสมุนไพรที่ตัวเองผลิตขึ้นเอง รายการ 60 นาทีออสเตรเลียเคยรายงานเมื่อปี 2557 ว่านายฟาเรียมีรายได้จากการขายสมุนไพร และอุปกรณ์ช่วยผ่อนคลายความเครียดถึงปีละกว่า 10 ล้านดอลลาร์

 

 

เวลาต้องผ่าตัดที่เรียกกันว่าการผ่าตัดด้วยเวทมนตร์ คนไข้ก็มี 2 ทางเลือกนั่นก็คือผ่าตัดด้วยเครื่องมือที่มองเห็นได้หรือผ่าตัดด้วยเครื่องมือที่มองไม่เห็น ถ้าคนไข้เลือกอย่างหลัง หรือในกรณีอายุไม่ถึง 18 ปี หรือมากกว่า 52 ปี เขาสามารถรักษาเป็นกลุ่มได้แม้จะอยู่คนละห้องหรืออยู่คนละสถานที่หรือแม้กระทั่งคนละประเทศ แต่หมอพลังจิตอ้างว่าสามารถลงมือผ่าตัดผ่านคนไข้ตัวแทนในกรณีที่คนไข้ตัวจริงไม่สามารถเดินทางมารักษาถึงที่ได้

มีคนไข้น้อยรายนักที่จะเลือกการผ่าตัดแบบที่มองเห็นได้ ซึ่งนายฟาเรียจะลงมือผ่าตัดโดยไม่มีการใช้ยาชา แต่จะใช้น้ำแร่ที่อ้างว่ามากด้วยพลังและด้วยพลังจิต อย่างไรก็ดี ผลการตรวจสอบของแพทย์และนักวิจัยที่เคลือบแคลงต่อการรักษาด้วยวิธีนี้ ก่อนจะได้ข้อสรุปว่าใช้วิธีพรางตาคล้ายๆ กับการเล่นมายากล

นายฟาเรียจะบอกคนไข้ทุกคนว่าห้ามหยุดใช้ยาของเขา พร้อมกับบอกเป็นเชิงป้องกันตัวว่าใช่ว่าจะรักษาให้หายขาดได้ทุกคน สำหรับยาที่ใช้รักษาโรคที่คนไข้ต้องกินตลอดไปมักจะเป็นยาแคปซูลซึ่งภายในบรรจุด้วยพืชไม้ดอกที่เขาอ้างว่ามีพลังพิเศษที่จะช่วยกระบวนการเยียวยาของคนผู้นั้น คำอวดอ้างนี้ทำให้นายฟาเรียถูกจับกุมถึง 7 ครั้งในข้อหารักษาโรคโดยไม่ใบประกอบโรคศิลปะและเคยต้องโทษจำคุก 1 ครั้ง

ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังไปทั่วโลก นายฟาเรียได้เดินทางไปยังประเทศต่างๆ หลายประเทศและได้ไลฟ์สดการรักษาด้วยพลังจิต ตามด้วยการขายยาที่มีคุณสมบัติครอบจักรวาล แต่เนื่องจากกฎหมายทางการแพทย์ที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกบังคับใช้เหมือนๆ กัน นั่นคือรับรองการรักษาด้วยยาน้ำมากกว่าสมุนไพรสดๆ หมอพลังจิตฟาเรียจึงเกิดไอเดียพริ้งเพริดผลิตยาน้ำขาย และวางขายในราคาขวดละ 3 ดอลลาร์ โดยบอกว่าทุกคนที่ผ่านการรักษาด้วยพลังจิตจะต้องดื่มน้ำมนต์นี้

 

หมอพลังจิต-หมอลวงโลกหรือปีศาจร้าย

 

 

เพื่อจะพิสูจน์ว่านายฟาเรียสามารถรักษาด้วยพลังจิตให้โรคหายขาดตามคำอวดอ้างหรือไม่ สถานีโทรทัศน์เอบีซี สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐได้ทำข่าวเจาะข่าวนี้เมื่อกลางปี 2548 เกี่ยวกับผลการรักษาคนไข้ 5 คนด้วยพลังจิต โดยคนไข้ที่ป่วยด้วยโรคต่างๆ อาทิ คนหนึ่งป่วยด้วยโรคกลุ่มอาการอ่อนล้าเรื้อรัง อีกคนหนึ่งป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอแอลเอส อีกคนหนึ่งป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมอง หลังจากคนไข้ทั้ง 5 คนบำบัดด้วยพลังจิตแล้วก็ให้สัมภาษณ์เอบีซี 3 คนอ้างว่ามีอาการดีขึ้น นักกีฬาหญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นอัมพาตที่ขาก็อวดให้เห็นว่าสามารถขยับขาได้แล้ว

อย่างไรก็ดี ในภายหลังเอบีซีได้ตามไปตรวจสอบอาการของคนไข้ทั้ง 5 คนซ้ำอีก ปรากฏว่าคนไข้คนหนึ่งบอกว่ามีอาการดีขึ้นอย่างช้าๆ แต่ 2 คนมีอาการแย่ลง ส่วนคนไข้ชายเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อน ขณะที่คนไข้หญิงคนหนึ่งที่บำบัดมะเร็งทรวงอกด้วยพลังจิตมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว ก้อนเนื้อร้ายใหญ่ขึ้นและเจ็บปวดมากขึ้นกระทั่งเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ผลการขุดคุ้ยของสื่อยักษ์ใหญ่ยังพบความลับที่นายฟาเรียปกปิดไม่ให้ใครรู้ นั่นคือเขาเคยป่วยด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหารระยะเกือบสุดท้ายเมื่อปี 2558 จนต้องให้หมออาชีพแท้ๆ รักษาด้วยการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อร้ายขนาด 6 ซม.ออกและคีโมบำบัด รวมเวลารักษานาน 5 เดือน ปรากฏว่าเจ้าตัวปิดเรื่องนี้เงียบไม่ให้คนทั่วไปรู้ บอกแต่เพียงว่าเป็นไส้เลื่อน


 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ