ข่าว

 “บาชา บาซี” นายรำเด็กอัฟกานิสถานที่โลกลืม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โดย บุญรัตน์ อภิชาติไตรสรณ์

 

                    เกือบสิบปีมาแล้ว นับตั้งแต่บทความชิ้นแรกเรื่อง "นายรำเด็กในอัฟกานิสถาน” ปรากฏขึ้นเมื่อปี 2552 สื่อยักษ์ใหญ่ยักษ์เล็กของตะวันตกอย่างนิวสวีค, หนังสือพิมพ์มีร์เรอร์ หรือล่าสุดสำนักข่าวเอเอฟพี ได้ทยอยกันเปิดโปงเบื้องหลังชีวิตในเงามืดของเด็กชายชาวอัฟกานิสถานกลุ่มหนึ่งที่โลกลืม ทั้งรัฐบาลคาบูล หรือองค์กรระหว่างประเทศ ต่างทำเสมือนหนึ่งว่าไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยินได้ฟังใดๆ ทั้งสิ้น

 

                    กลุ่มเด็กที่โลกลืมนี้เป็นเด็กชายในอัฟกานิสถานกลุ่มหนึ่งที่ถูกขโมยหรือพ่อแม่ที่ยากจนสุดๆ จำใจขายลูกให้มาเป็นนายรำเด็กคู่ไปกับการตกเป็นทาสกาม หรือรู้จักกันในชื่อ บาชา บาซี หรือ "สนุกกับเด็ก” (บาชา แปลว่า เด็กชาย) อายุระหว่าง 12-18 ปี หรือบางคนอายุแค่ 9-10 ปี จะต้องแต่งตัวเป็นหญิง ทั้งแต่งหน้าทาปาก เสริมหน้าอก แล้วเต้นระบำหน้าท้องส่ายไปมาในงานปาร์ตี้ส่วนตัว ซึ่งมักจะประกอบไปด้วยขุนศึกผู้ทรงอิทธิพล ผู้บัญชาการกลุ่มติดอาวุธ นักการเมืองและผู้ทรงอิทธิพลในวงการต่างๆ ระหว่างนั้นนายรำเด็กบางคนจะดื่มเหล้าย้อมใจ บางคนจะสูบกัญชา เมื่อจบงานก็จะถูกประมูลตัวหรือถูกแย่งชิงตัวไปปรนเปรอความสุขทางเพศให้แก่คนที่มาร่วมงาน

 

 “บาชา บาซี” นายรำเด็กอัฟกานิสถานที่โลกลืม

 


                    อัฟกานิสถานยืนกรานเป็นกระต่ายขาเดียวมาตลอดว่า บาชา บาซี ไม่ใช่เรื่องของการรักร่วมเพศ หรือเป็นเรื่องวิปริตทางเพศ หากแต่เป็นวัฒนธรรมหรือค่านิยมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาหลายศตวรรษในสังคมชายเป็นใหญ่ เพราะการเป็นเจ้าของเด็กชายที่แต่งตัวเป็นหญิง เป็นเครื่องหมายของอำนาจและความเป็นใหญ่ที่สุด บาชา บาซี เฟื่องฟูมากช่วงที่ตาลีบันเริ่มมีอำนาจมากขึ้น โดยเฉพาะในหมู่ขุนศึกและนักรบมูจาฮีดีน แต่เมื่อตาลีบันรบชนะขึ้นมาเป็นรัฐบาลระหว่างปี 2539-2544 ตาลีบันได้ลงมือกวาดล้างค่านิยมนี้อย่างหนัก จนกระทั่งล่มสลายในปี 2544 บาชา บาซี จึงกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง ภายใต้รัฐบาลที่สหรัฐหนุนหลังเต็มตัว ปล่อยให้อดีตขุนศึกหลายคนที่มีอิทธิพลทางทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศ และขุนศึกชนชาติทาจิกทางตอนเหนือแข่งกันสะสมบารมีและอิทธิพลผ่านการเลี้ยงนายรำเด็กอีกครั้ง เด็กกลุ่มนี้จะถูกทารุณกรรมทางเพศจนกระทั่งอายุ 20-25 ปี ก็ถูกสลัดทิ้งเหมือนกับเป็นของเหลือใช้ที่แสนไร้ค่า


                    จากผลการศึกษาของฮาการ์ อินเตอร์เนชั่นแนล เมื่อปี 2557 พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว เด็กชายทุก 1 ใน 10 คนที่สัมภาษณ์มีประสบการณ์ในฐานะเหยื่อการค้ามนุษย์รวมไปถึงบาชา บาซี ต่อกรณีนี้ ซารา ชินค์ฟิลด์ ผู้อำนวยการฮาการ์ประจำอัฟกานิสถาน ให้ความเห็นว่า ผลการศึกษาสะท้อนว่า เด็กชายในประเทศนี้เสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์มากกว่าผู้หญิงเสียอีก”

 

 “บาชา บาซี” นายรำเด็กอัฟกานิสถานที่โลกลืม

 


                    จาเว็ด ถูกผู้บัญชาการกองกำลังญิฮัดคนหนึ่งลักพาตัวในเมืองโชมาลี ทางเหนือของคาบูล ตอนที่อายุยังไม่ครบ 14 ปีเต็ม เป็น 1 ใน 3 เด็กชายที่สำนักข่าวเอเอฟพีพบขณะพยายามหลบหนีจากการเป็นทาสกาม เด็กกลุ่มนี้เล่าพร้อมกับน้ำตาถึงชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องน่าละอาย การถูกทำลายคุณค่าความเป็นมนุษย์ หลังจากถูกบังคับให้ใช้ชีวิตเป็นนายรำเด็กและทาสกามได้ 4 เดือน อดีตผู้บัญชาการญิฮัดได้หาเด็กใหม่มาแทนจาเว็ด แล้วมอบเขาให้กับชายคนหนึ่งในฐานะเป็นของขวัญที่มีชีวิต 
                    จาเว็ดซึ่งขณะนี้มีอายุ 19 ปี ได้หลบหนีในคืนหนึ่งระหว่างมีการปะทะกันกลางงานแต่งงานที่นายใหม่พาเขาไปเต้นระบำหน้าท้องเพื่อสร้างความบันเทิงให้แก่แขกเหรื่อ


                    แต่การเต้นระบำหน้าท้องเป็นความถนัดเพียงอย่างเดียวของจาเว็ดที่สามารถทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้ เนื่องจากไม่มีการศึกษา เหนืออื่นใด ไม่มีกฎหมายคุ้มครองเด็กกลุ่มหนึ่งที่พยายามหาหนทางหลบหนีจากขุมนรกทั้งเป็น จาเว็ดเองก็เช่นกัน เพื่อความอยู่รอดเจ้าตัวจึงต้องหวนกลับมารับงานแสดงระบำหน้าท้องในงานปาร์ตี้ ซึ่งมักจะลงเอยด้วยการต่อสู้กันว่าใครจะได้เขาไปนอนด้วยในคืนนั้น


                    เรื่องราวชีวิตของกูล เด็กชายวัย 15 ปี แทบไม่ต่างจากจาเว็ดมากนัก หลังจากพยายามหลบหนี 2 ครั้ง และลงเอยด้วยการถูกโบยชุดใหญ่ แต่ท้ายสุดกูลสามารถหลบหนีหลังจากถูกจับกุมคุมขังในสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในเมืองนัด อาลี จังหวัดเฮลมานด์ นานถึง 3 เดือน แต่เขาไม่มีบ้านที่จะกลับไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว ได้แต่ระหกระเหินเร่ร่อนไปทั่วด้วยความกลัวว่าจะถูกลักพาตัวกลับไปใช้ชีวิตเยี่ยงทาสบำเรอกามในขุมนรกที่เหมือนกับตายทั้งเป็นอีกครั้ง ขณะที่พ่อแม่และพี่น้องของกูลก็ถูกบีบให้ต้องหนีออกจากบ้านด้วยความกลัวว่าอดีตผู้บัญชาการกลุ่มติดอาวุธจะกลับมาตามล่าหาตัวของกูล


                    “ไปแต่งตัวเป็นผู้หญิงซะ” กูลเผยชีวิตจากที่หลบซ่อนแห่งหนึ่งว่า ผู้บัญชาการที่ด่านตรวจแห่งหนึ่งจะบอกให้แต่งหน้าทาปากและแขวนลูกกระพรวนที่ข้อเท้า กูลเป็น 1 ใน 3 ของบาชาที่ด่านตรวจ ซึ่งตำรวจแทนที่จะมีหน้าที่ทลายขบวนการนี้ กลับเป็นตัวการใหญ่เสียเอง คอยด้อมๆ มองๆหาเหยื่อให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะเด็กจากครอบครัวยากจนที่ไม่สามารถต่อสู้กับอำนาจเถื่อนได้ “พวกเขาชอบคุยทับถมกันว่าเด็กของใครสวยกว่าใครหรือเต้นเก่งกว่าใคร”
                    กูลอาจจะโชคดีกว่าอดีตเหยื่อคนอื่นๆ ตรงที่ครอบครัวยินดีรับกลับไปอยู่ด้วย ผิดกับ อัยมาล อดีตบาชา ซึ่งขณะนี้อยู่ในวัย 30 เศษ ที่ครอบครัวไม่ยอมรับกลับไปอยู่ด้วย จนต้องรำพันด้วยความขมขื่นใจว่า "เกียรติยศของครอบครัวนั้นเหมือนกับแก้วน้ำ ที่แค่สกปรกนิดเดียวก็ขว้างแก้วทิ้งอย่างไม่ไยดี...ถ้าผมเป็นผู้หญิงก็คงถูกฆ่าตายแล้ว”
                    จริงๆ แล้วอัยมาลอาจจะไม่รู้ว่า มีพ่อแม่หลายคนยอมยื่นมือไปช่วยลูกด้วยความละอายใจ แพทย์คนหนึ่งที่พยายามเยียวยาเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศอย่างรุนแรงทางตอนใต้ของประเทศ กล่าวว่า “ตอนนี้มีพ่อแม่จำนวนมากขึ้นที่ยินดีรับลูกกลับบ้าน"

 

 “บาชา บาซี” นายรำเด็กอัฟกานิสถานที่โลกลืม

 


                    อัยมาลเองพยายามลบร่องรอยการตกเป็นทาสกามของผู้บัญชาการจังหวัดบอลค์ด้วยการเริ่มไว้หนวดเครา และหันมาเป็นนักเคลื่อนไหวในกรุงคาบูล เพื่อช่วยเหลือเหยื่อคนอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถลบความทรงจำอันเจ็บปวดและขมขื่น เนื่องจากขาดการช่วยเหลือทางจิตวิทยา หลายคนจึงกลับกลายเป็นผู้ล่าเหยื่อเสียเอง อัยมาลให้ความเห็นว่า "สำหรับผมแล้วการเต้นรำไม่ใช่อาชญากรรม แต่วัฒนธรรมของการหลอกเด็กมาเป็นเหยื่อจะต้องยุติลง”
                    เด็กบางคนที่สุดแสนจะโชคดีหนีรอดมาได้อาจจะแอบทำสัญญาลับกับตาลีบัน ซึ่งประสบความสำเร็จในการกล่อมเด็กเหล่านี้ที่กระหายแก้แค้นให้เป็นคนลงมือสังหารนายตำรวจ ยิ่งยศสูงๆ ก็ยิ่งดี มีน้อยรายมากที่จะกล้าฟ้องนายเก่า ปกติคนฟ้องซึ่งไร้ทั้งเงินและอำนาจมักจะถูกจับเข้าห้องขังเสียเอง เพราะแท้ที่จริงแล้ว บาชา บาซี จะเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในกองทัพ ตำรวจและข้าราชการระดับสูง ช่วงที่สหประชาชาติหยิบยกปัญหานี้ขึ้นมาพูดกับประธานาธิบดีฮามิด คาไซ สมัยที่ยังไม่ถอดหัวโขนทิ้ง เจ้าตัวกลับตอบว่า "ให้เราชนะสงครามก่อน จากนั้นค่อยคุยเรื่องอื่น”

 

 “บาชา บาซี” นายรำเด็กอัฟกานิสถานที่โลกลืม


                    อย่างไรก็ดี หลังถูกพันธมิตรตะวันตกกดดันมากขึ้น ประธานาธิบดีอัชราฟ กานี เพิ่งจะยอมเริ่มก้าวแรกของการกวาดล้างขบวนการลักพาตัวเด็กชายไปเป็นบาชา บาซี เมื่อต้นปีนี้เอง ด้วยการออกกฎหมายกำหนดบทลงโทษพวกที่ลักพาเด็กชายมาเป็นบาชา บาซี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตำรวจได้ทลายปาร์ตี้บาชา บาซีงานหนึ่งในคาบูล ไม่เพียงแต่จับกุมออแกไนเซอร์ยังจับกุมนายรำเด็กหลายคนด้วย
                    ร้ายกว่านั้นก็คือ ส่วนใหญ่ทำเป็นเอาหูไปนา เอาตาไร่ ไม่รับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้บาชา บาซี เป็นนางรำเด็กชายที่โลกลืมต่อไป
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ