โชว์ศิลปะพื้นเมือง'ทับทิม'คุยเฟื่องเรื่อง'มโนราห์'

เมื่อนัดแนะเวลา และสถานที่ ที่หอประชุม มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) หัวหมาก ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่ทับทิมกำลังศึกษาอยู่นั่นเอง และเมื่อถึงเวลาเที่ยงวัน ก็ได้เจอกับน้องทับทิม และคุณแม่ ที่เตรียมตัวพร้อม แถมยังนำชุดมโนราห์ครบชุดมาให้ลูกสาว 

 ว่าแล้วก็ไม่รีรอ นักแสดงสาวก็ให้คุณแม่ผู้เชี่ยวชาญด้านรำมโนราห์ มาเป็นคอสตูมแต่งองค์ทรงเครื่องให้ เริ่มจากนุ่งผ้าลายไทย ที่ดูยังงั้ย...ยังไง ก็เหมือนจูงโจงกระเบน  ตามด้วยใช้เข็มขัดรัดให้แน่น

 "ชุดมโนราห์ อาจจะมีเครื่องแต่งตัวเยอะหน่อย หนูเลยแต่งเองคนเดียวไม่ได้ ต้องมีคุณแม่ช่วยแต่งตัวให้ตลอด" ทับทิมกล่าวอย่างยิ้มๆ พลางใช้มือรัดเข็มขัดที่เอว เสร็จสรรพจากการนุ่งผ้าแล้ว คราวนี้ ก็นำผ้าสีสันสดใสที่เรียงเป็นริ้วๆมาคาดที่เอว เท่านั้นยังไม่พอ สาวทับทิมยังนำเครื่องลูกปัด ที่ร้อยด้วยลูกปัดหลากสี มีลวดลายนำมาคาดที่หน้าอก โดยมีผู้ช่วยอย่างคุณแม่ คอยเป็นลูกมือตลอด

 ระหว่างแต่งตัวอยู่นั่นเอง สาวทับทิมเลยเล่าที่มาที่ไป ของการชื่นชอบมโนราห์อย่างคร่าวๆ ให้ฟัง "หนูเรียนรำมโนราห์มานานแล้ว ตั้งแต่ ป.3 ป.4 คุณแม่จะให้เรียนช่วงปิดเทอม จ้างครูมาสอน พอโตขึ้น ได้มีโอกาสใช้เป็นความสามารถพิเศษ" ทับทิมแจกแจง ก่อนที่จะนำเครื่องลูกปัด ที่ร้อยด้วยลูกปัดสีเป็นลวดลายสวยงาม ใช้สำหรับพาดที่บ่าทั้ง 2 ข้าง ซ้ายและขวา  อุ๊ย...ยังไม่หมดเพียงแค่นี้เพราะยังมีเครื่องประดับ ที่ต้องแต่งอีกเพียบ...

 ต่อด้วยการนำสร้อยลูกปัดที่ร้อยอย่างอลังการมาใส่คอของทับทิม จากนั้นติดหาง หรือที่เรียกว่า "หางหงส์"  ซึ่งทับทิมบอก ว่าทำมาจากเขาควาย (ว้าว...ว) เสร็จสิ้นจากการติดหางหงส์แล้ว มาถึงคิวของการสวมเล็บ ซึ่งเป็นเล็บที่โค้งงาม คล้ายเล็บกินรี ทำด้วยเงิน ต่อปลายด้วยหวายที่มีลูกปัดร้อย สลับสีไว้อย่างสวยงาม 

 "เห็นมั้ยค่ะ รำมโนราห์ต้องแต่งชุดเยอะขนาดไหน ถ้ารวมๆ กัน น้ำหนักชุดก็ประมาณ 5 กิโล แล้วราคาชุดก็เกือบๆ 2 หมื่นบาท" นางเอกสาวอธิบายให้ฟัง ก่อนจะสวมหัวเทริด (อ่านว่าเชิด) เป็นเครื่องประดับศีรษะ ที่คุณแม่ของทับทิมบอก ว่าหัวเทริดได้ผ่านการครอบครูมาแล้ว
 เอ้า...คนพร้อม ดนตรีพร้อม ทับทิมเลยเชื้อเชิญ ว่ากำลังจะโชว์การรำมโนราห์ ทางปักษ์ใต้ให้ได้ชมกันแล้วนะคะ เมื่อเพลงถูกเปิดขึ้น ทับทิมรีบยกมือไหว้ เพื่อเป็นการไหว้ครูก่อนจะรำจริง  ระหว่างที่เธอรำในท่าต่างๆ ทำเอาทุกคนที่อยู่ในนั้น ต่างเพ่งสายตาไปที่เธอ แถมยังอึ้งกับการรำที่อ่อนช้อยของเธอ

 แต่ท่าที่ทำเอาหลายคนอึ้งและทึ่ง คงจะเป็นท่าสะพานโค้ง ที่บ่งบอกว่าสาวทับทิมมีความสามารถส่วนตั๊ว...ส่วนตัว จริงๆ เวลาผ่านไปประมาณ 20  นาที เพลงบรรเลงก็จบลง ทับทิมก็จบด้วยท่าที่สวยงาม สมกับที่ฝึกฝนรำมโนราห์มาหลายปี 

 "ทุกครั้งที่รำมโนราห์ ทับทิมรู้สึกดีใจ เหมือนกับเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย  แล้วก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ที่ให้ทุกๆ คนได้มาเห็นศิลปวัฒนธรรมไทย ทับทิมฝึกมานานมาก ตั้งแต่เด็กๆ ป.3 ป.4 ช่วงนั้นคุณแม่ อยากหาอะไรให้ทับทิมเรียน เลยตกลงกันที่ว่าจะเรียนรำมโนราห์ เลยจ้างครูมาจาก จ.ตรัง มาสอนที่กรุงเทพฯ  ฝึกประมาณ 2 เดือนกว่า เกือบ 3 เดือน ตอนนั้นฝึกกันอย่างจริงจัง" ทับทิมกล่าวอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับเสริมต่อ ว่าการรำมโนราห์ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่บางท่า อาจจะต้องใช้ยิมนาสติกเข้ามาช่วย 

 "จริงๆ ไม่ยากมาก แต่มีบางท่าที่อาจจะใช้ยิมนาสติกเข้ามาช่วยด้วยนิดหนึ่ง ซึ่งตรงนี้จะเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน บางทีเรารำกันหลายคน ก็จะมีการต่อตัวด้วย (เห็นทำท่าสะพานโค้งได้ด้วย) จริงๆ เมื่อก่อนตอนเด็กๆ ทับทิมสามารถทำได้มากกว่านี้ คือทำท่าสะพานโค้งแล้วลงมาคาบเหรียญ คาบดอกไม้ ขึ้นมาได้ แต่ตอนนี้ตัวเริ่มแข็งแล้ว และมีอยู่ช่วงหนึ่งทับทิมหายจากการฝึกฝนไป ก็เลยไม่ต่อเนื่อง ตัวก็เลยยืดหยุ่นได้ไม่มาก" นางเอกสาวกล่าว พร้อมกับฝากผลงานละครเรื่อง  "เหนือมนุษย์"  ที่กำลังออนแอร์ ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ และเร็วๆ นี้กำลังจะมีละครเรื่อง "คู่แค้นเสนรัก" 
 
              เพ็ญนภา ดำเล็ก / เรื่อง
              วริศรา วุฒิกุล      / ภาพ