ถึงเวลาโคจรมาเจอกัน "แสตมป์-ว่าน"

  "ผู้ใหญ่เล็งเห็น พี่โอ๋ (อาจกิจ สุนทรวัฒน์) ผู้บริหารของทางทรู แฟนเทเชีย มีสัมพันธภาพที่ดีกับทางเลิฟอีสและพี่บอย (บอย โกสิยพงศ์) มานาน เหมือนเป็นคอนเสิร์ตกระชับมิตร ระหว่างเลิฟอีสกับทรู แฟนเทเชีย โดยการเอาตัวแทนของทั้งคู่มาร่วมกัน โดยในคอนเสิร์ตนี้ ผมว่าเราคงได้ทำอะไรกันเยอะ เพราะว่าเราอยู่ด้วยกัน คงหยุดไม่ได้ ด้วยนิสัยลึกๆ ของนักแต่งเพลง เวลาได้ยินอะไรจะแต่งไปเรื่อย เช่นเดียวกับเราสองคนที่คงอดไม่ได้ที่จะแต่งเพลงใหม่ๆ ออกมา" แสตมป์เล่า โดย ว่าน กล่าวเสริมต่อ ว่าผู้ใหญ่ทั้งสองคนเห็นความเหมือนของเขาทั้งสองคน

 "ผมว่าด้วยความที่พี่บอยกับพี่โอ๋ คงเห็นอะไรบางอย่าง ว่าพี่แตมป์กับผม เวลามาเจอกันบนเวทีคอนเสิร์ต มันอาจจะมีอะไรที่น่าสนุกเกิดขึ้นเลยลองดู และอาจเพราะเหตุผลที่ว่าด้วยผลงานของผมกับพี่แตมป์ออกมาในช่วงใกล้เคียงกัน การที่ชื่นชอบในการเขียนเพลงเอง หรือมีอะไรต่างๆ เหมือนกัน เวลาทำงานทิศทางน่าจะใกล้เคียงกัน โดยคอนเสิร์ตที่นอกจากเพลง ที่เราแต่งเอง ร้องเองกันแล้ว แน่นอนเลยว่า เราสองคนอุตส่าห์มาเจอกัน ต้องมีการร้องเพลงด้วยกันอยู่แล้ว อาจจะเอาเพลงของใครสักเพลง หรืออาจจะช่วยยำเพลงที่เราแต่งกันเอง คืออย่างหนึ่งที่จะเกิดบนเวทีแน่ๆ คือสคริปต์อาจจะเอาไว้ข้าม เพราะตัวผมเองเล่นมาหลายคอนเสิร์ตแล้ว ไม่ค่อยได้ตรงตามสคริปต์เลย แต่ผมจะเก่งมากในเรื่องของการที่วนกลับมาจบตรงเดิมได้ (ยิ้ม)" ว่านเผย โดย แสตมป์ ออกปากว่ามั่นใจในตัวว่าน แต่ไม่มั่นใจในตัวเอง

 "ผมไม่ห่วงว่านเลย ผมห่วงตัวเองมากกว่า เพราะด้วยความที่เราเป็นนักแต่งเพลง เพราะงั้นเราต้องเขียนมันด้วยตัวเอง เขียนมันตรงนั้น เพราะเรามีความรู้สึกว่าถ้ามีคนมาเขียนให้เรา แล้วเราจะทำไม่ได้ มันจะเกร็งว่ามันถึงไหนแล้ว และเราจะฉีกมาเป็นของเราเองยังไง" นักร้องหนุ่มค่ายเลิฟอีสแจง

 และสองหนุ่มยังพูดถึงว่าต่างคนต่างติดตามผลงานของกันและกัน ซึ่งแสตมป์เอ่ยปากชมว่านว่าเป็นนักแต่งเพลงรุ่นใหม่ที่สไตล์ไม่เหมือนใคร

 "ผมเคยฟังเพลงของว่านเขาจะเป็นมุมมองของเด็กรุ่นนี้ แล้วด้วยความที่เขาเป็นคนขี้เล่น และหลายอย่างๆ ขนบธรรมเนียมที่เพลงตลาดมี เพราะเพลงตลาดอาจพูดเรื่องกลางๆ พูดเรื่องที่เข้ากันได้กับทุกคน คำภาษาไทยผมหงุดหงิดมานานแล้วที่จะต้องเป็นฉัน เธอ รู้สึก ถึง แต่ว่านเขามาเริ่มลงรายละเอียดบรรยากาศ ฝนตก รถติด ผมรู้สึกว่าสมัยนี้มันต้องเป็นกลางแบบนี้ ว่านเขาเป็นคนบุกเบิกมา" ฟากนักร้องหนุ่มนักล่าฝันเองก็ยก แสตมป์ ว่าเป็นตัวแทนของนักแต่งเพลงมือทอง บอย โกสิยพงศ์

  "ผมว่าพี่แสตมป์เป็นการถ่ายทอดรุ่นของพี่บอย โกสิยพงศ์ เขาอาจจะเป็นศิลปิน ด้วยเรื่องของมุมมองความรัก หรือจะถ่ายทอดความรัก ความอบอุ่นไปสู่คนอื่น เป็นนักแต่งเพลงเชิงสุภาพ ถ้าดูในชิ้นงานจริงๆ ของพี่บอยจะผู้ใหญ่กว่าอยู่แล้ว แต่พี่แตมป์เขาเป็นเลิฟอีสรุ่นใหม่ ที่เขียนเพลงถึงคนฟังได้ตั้งแต่รุ่นเล็กจนถึงรุ่นใหญ่ มีความสุภาพอยู่บนเนื้อหา" ว่านเยินยอแสตมป์

 ว่าน ธนกฤต ยังเล่าต่อ ว่าเมื่อก่อนไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกับ แสตมป์ มาก แต่เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบผลงานการร้องและแต่งเพลงของนักร้องรุ่นพี่ต่างค่ายมาก ถึงขนาดแอบเปิดเพลงในช่วงที่เป็นดีเจที่คลื่น ชิลล์ ตลอด
 
 "ผมติดตามผลงานพี่แตมป์ตลอด คือพี่แตมป์เขามีซิงเกิ้ล ส่งให้ทางคนฟังได้ฟังตลอดเวลา แล้วผมจัดรายการที่ชิลเอฟเอ็ม ทางเลิฟอีสและชิล เอฟเอ็มเป็นมิตรกันดี พอส่งซิงเกิ้ลมาผมได้ฟังเพลง แล้วบางทีพี่แตมป์เองไปสัมภาษณ์ที่ทำงาน ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ชอบแอบเปิดเพลงของพี่แตมป์ตลอด อย่างเพลงไหนที่เราชอบ เราก็อยากที่จะเปิดบ่อยๆ เพื่อเราจะได้ฟังเพลงด้วย และอยากให้คนอื่นได้ฟังเพลงดีๆ ด้วย" นักร้องค่ายทรู แฟนเทเชียชี้แจง ก่อนที่ แสตมป์จะมาปิดท้าย ถึงคอนเสิร์ตที่จะเกิดขึ้น ว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นคอนเสิร์ตควบ เชื่อว่าจะพอเเศษและถูกใจทุกคน

 "เกิดมาผมไม่เคยเจอคอนเสิร์ตควบมาก่อน โดยคอนเสิร์ตควบเป็นคอนเสิร์ตที่พี่บอยเป็นคนคิดมาให้ ควบคือเหมือนเรามาคู่กัน คอนเสิร์ตควบของเราคือโชว์ที่แยกกัน แต่มันมีความพิเศษเรื่องควบ มันจะควบกันอย่างไง มันทำให้คนดูรู้สึกยังไง แต่ผมเชื่อว่าเราสองคนจะทำได้ดี และจะถูกใจทุกคน" แสตมป์กล่าว