"กราฟ" โอสธี ซุ่นมงคล เปิดใจจบรัก "เมย์" ไพพรรณี เตชะณรงค์ ทายาทโบนันซ่า มาจากความสัมพันธ์อิ่มตัว พยายามยื้อและปรับแล้วแต่ไปไม่รอด จบกันด้วยดี รับเคยคิดจะใช้การแต่งงานแก้ปัญหา แต่รู้ว่าจะไม่รอดเลยไม่ทำ
ทีมบันเทิง คมชัดลึก - รักกันมานานกว่า 8 ปี และมีข่าวว่า “กราฟ” โอสธี อดีตนักร้องวง “แบล็ควานิลลา” วางแผนอนาคตร่วมกับ “เมย์” ไพพรรณี ทายาทโบนันซ่า เขาใหญ่ แต่เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา หนุ่มกราฟก็ออกมาประกาศว่าโสดแล้ว งานนี้ทำหลายคนสงสัยว่าเป็นเพราะอะไร ล่าสุดผู้สื่อข่าวมีโอกาสเจอหนุ่มกราฟในงานไลน์ทีวี อวอร์ด 2020 จึงถามถึงเรื่องนี้
“โสดครับ โสดมาประมาณ5-6เดือนแล้วครับ เลิกกันไปช่วงประมาณวันเกิดผม ช่วงเดือนก.ค.ปีที่แล้ว ผมคบกับเมย์มาประมาณ8ปี มันเหมือนอยู่ในจุดที่อะไรหลายๆอย่างเริ่มคงที่ เริ่มเรียบง่ายขึ้นเลยคุยกันว่าเราน่าจะยุติความสัมพันธ์ในการที่คบกันเป็นแฟน เป็นเพื่อนกันดีกว่า”
ไม่เสียดายเวลาเหรอ
“เสียดายเวลาครับ มันเป็นเรื่องของความทรงจำดีๆมากกว่า เราเลิกกันด้วยดี เราเลิกกันและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”
ดูเราเฮิร์ตมาก
“เลิกกับใครที่คบกันมานานๆมันต้องเฮิร์ตอยู่แล้ว ตอนแรกที่เลิกกันไม่ได้พูดหรือบอกใครตรงๆ จะเป็นใช้ความรู้สึกมากกว่า เช่น แต่งเพลง เขียนบทกลอนบทกวี ปีใหม่ที่ตัดสินใจโพสต์ไปว่าเราโสดแล้ว มันเหมือนกับชีวิตเราก็ต้องมูฟออนต่อไปทั้งเขาทั้งเรา ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะติดปัญหา เผื่อสมมติว่าทางผมจะต้องไปคุยกับใครคนใหม่จะได้ไม่ต้องไปนั่งเคลียร์ว่าเลิกกับคนเก่าหรือยัง เพราะมันไม่มีใครรับรู้เลยว่าเราเลิกกันแล้ว”
ใครตัดสินใจก่อน
“น่าจะเป็นเราทั้งคู่ มันเหมือนมีสัญญาณบางอย่างที่ว่าเราต้องคุยเรื่องนี้กันได้แล้ว ก็เลยเริ่มคุยกัน พอเข้าปีที่7 อย่างที่เขาว่ากันไว้เลยมันก็อาถรรพ์จริงๆ ช่วงปีที่7 เข้าปีที่8 มันเริ่มมีสัญญาณอะไรบางอย่างว่าความรักหรือความผูกพันคงถึงเวลาที่จะต้องจบลงแล้วกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”
มีมือที่3ไหม
“ไม่มีเลยครับ คือเราก็มีความสุขกันดี แต่มันค่อนข้างนิ่ง อาจจะเรียกว่ามันถึงจุดอิ่มตัวด้วยระยะเวลาที่มันนานด้วย”
พอปัญหามันเกิดขึ้นเราได้พยายามปรับตัวหรือแก้ไขมันกันไหม
“เราปรับตัวกันตั้งแต่ปีที่7แล้ว พอเข้าปีที่7เราก็คุยกันมาตลอด เราลองทำอย่างนั้นอย่างนี้ดูนะเผื่อมันจะดีขึ้นแต่สุดท้ายมันไม่มีอะไรดีขึ้น ต่างคนต่างยื้อ ปรับความเข้าใจให้ความสัมพันธ์มันดีที่สุด แต่มันก็ทำไม่ไหว ทำไม่ได้แล้ว แต่มันก็คือความผูกพัน”
เหมือนเราก็วางอนาคตร่วมกันแล้วช่วงที่ตัดสินใจว่าจะแยกกันมันยากไหม
“มันก็แย่ไปเหมือนกัน 8ปีมันก็นาน ผมกับเขาคบกันที่บ้านผมก็สนิทกับเขา ที่บ้านเขาก็สนิทกับผม มันมีหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้อง พอคนรอบข้างรู้ก็ตกใจเหมือนกัน เขาก็เสียใจกับเรา”
หลายคนก็คิดว่าคู่เราน่าจะอยู่รอดมีข่าวดีแต่งงานกันแล้วด้วยซ้ำ
“ทุกคนก็คิดอย่างนั้น แต่มันก็ทำไงได้ ความรักมันเป็นเรื่องที่พูดยาก เราเองก็คิดเรื่องนี้กันมาตลอดว่าเมื่อมันถึงเวลาที่สมควร ทุกอย่างลงตัวแล้วก็น่าจะคนนี้แหละ แต่พอเข้าปีที่7 ทุกอย่างมันก็เริ่มขึ้น แล้วถ้าเกิดเราฝืนคบกันไป ฝืนแต่งงานกันไปมันน่าจะแย่กว่านี้”
คือถ้าเราตัดสินใจแต่งงานมันอาจจะดีขึ้นไหม
“เคยคิดเหมือนกัน แต่ณ ปัจจุบันตอนนั้นมันไม่ดี ใช้การแต่งงานเพื่อทำให้ความรักมันดี ผมว่ามันคงไม่ได้ช่วย ผมดูจากหลายๆคู่มันก็ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่”
คือพอคบไปนานๆแล้วมันไม่ได้รักกันแบบแฟน แต่เหมือนผูกพันเป็นเพื่อนกันมากกว่า
“ใช่ ในช่วงปีสุดท้าย”
ผู้ใหญ่ได้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาไหม
“ไม่มีเลย ทุกคนเคารพการตัดสินใจของเรา อย่างพ่อแม่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรเลย แค่บอกโอเคไหม สบายดีไหม ถ้ากราฟโอเคไม่มีปัญหาอะไรแม่ก็ไม่เป็นห่วงแล้ว”
เราผ่านจุดความเสียใจมาได้ยังไง
“ช่วงนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก ไปแต่งเพลง ไปทำงานอดิเรกของเรา ตอนนี้พอบอกทุกคนไปแล้วผมก็ต้องทำใจมาให้100เปอร์เซ็นต์ก่อนจะพูดออกไปว่าโสด หลังจากปีใหม่ที่ผ่านมาก็100เปอร์เซ็นต์แล้ว”
เริ่มต้นใหม่หรือยัง
“ยังไม่ได้เริ่มต้นใหม่100เปอร์เซ็นต์นะ แต่ก็มีคนคุยบ้างตามประสาคนโสด แต่ยังไม่ได้คิดจะจริงจังกับใคร”
คนอาจจะมองว่าเรายังอินกับรักครั้งเก่า
“หลายๆคนที่คุยกับผมเขาก็พูดอย่างนั้นเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ผมทำใจได้แล้ว สบายแล้ว”
แล้วเราได้คุยกับเขาบ้างไหมหลังจากเป็นเพื่อนกันแล้ว
“คุยครับ ได้เจอกัน ผมเองก็ยังไปเอาของที่ผมต้องใช้ที่เขาใหญ่อยู่เลย พวกกีต้าร์อะไรพวกนี้”
เกิดความรู้สึกไม่ดีกับความรักบ้างไหม
“มีความรู้สึกนิดนึงแต่ก็ยังมีความศรัทธาในความรักอยู่ ตอนนี้ยังแฮปปี้กับชีวิตโสดดีอยู่ครับ”
จะมีโอกาสกลับมาไหม ต่างคนต่างไปใช้ชีวิตกันก่อน
“ตอบไม่ได้จริงๆว่ามีโอกาสไหม พูดยากครับ ตอนนี้เป็นเพื่อนกัน ถามไถ่กัน อย่างวันนั้นที่ผมไปเอาของที่เขาใหญ่ ผมเพิ่งปล่อยเพลงใหม่ไปเขาก็ถามว่าเพลงใหม่ วงใหม่เป็นไงบ้าง ก็ปกติดี”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง