บันเทิง

พูดคุยกับ 'เปโดร อัลโมโดวาร์'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เปโดร อัลโมโดวาร์" กับวิบากกรรมการทำหนังใน "Pain and Glory แด่หนัง ชีวิต และความเจ็บปวด"

            บันเทิง คมชัดลึก - Pain and Glory ถือเป็นผลงานล่าสุดของผู้กำกับมากฝีมือ เปโดร อัลโมโดวาร์ เจ้าของฉายาเจ้าป้าแห่งวงการภาพยนตร์ ที่กวาดรับคำชมอย่างล้นหลาม และเป็นการแสดงที่ดีที่สุดในชีวิตของ อันโตนิโอ แบนเดอรัส จนเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ทั้งคู่ร่วมงานกันหลายครั้ง ก่อนหน้านั้นคือ The Skin I Live In แต่กว่าจะเป็นภาพยนตร์น่าจดจำนั้นก็ต้องผ่านความยากลำบากหลายอย่าง และผู้กำกับก็ได้เปิดใจเกี่ยวกับการทำงานครั้งนี้

 

พูดคุยกับ 'เปโดร อัลโมโดวาร์'

 

@@ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเน้นไปที่การต่อสู้เรื่องสุขภาพของตัวละครเอก อะไรเป็นสิ่งกระตุ้นให้คุณทำหนังเกี่ยวกับประเด็นนี้ ?

เปโดร อัลโมโดวาร์ ผมไม่เคยคิดว่าผมจะทำหนังเกี่ยวกับความเจ็บปวดเหล่านี้ ผมโชคดีจริงๆในชีวิต ผมไม่เคยฝันว่าผมจะมีชีวิตแบบที่ผมเคยประสบเหตุและผมก็ไม่อยากบ่นอะไร หลายอย่างรอบตัวผมมันรายล้อมด้วยคนพันๆคนที่อยู่ในสถานการณ์เลวร้ายกว่า แต่คุณก็พูดถึงเกี่ยวกับตัวเองและผมก็ถ่ายทอดลงในหนังของผมเสมอ ไม่ใช่แค่หนังเรื่องนี้ หนังเรื่องอื่นๆก็นำเสนอตนเองในแบบอ้อมค้อม บางครั้งผมอยู่เบื้องหลังตัวละครที่ใม่ใช่คนทำหนัง บางครั้งผมอยู่เบื้องหลังตัวละครผู้หญิงแต่เป็นเรื่องจริงที่มันเป็นครั้งแรกที่ผมเอาตัวเองเป็นแหล่งอ้างอิงสำหรับตัวละคร หนังเหล่านี้ทั้งหมดมันมีต้นกำเนิดมาจากสถานการณ์ความเป็นจริง และความเป็นจริงก็อยู่ในตัวผม ผมจึงจำเป็นต้องถอยห่างจากสิ่งนั้น แต่บางครั้งเมื่อผมเขียนบท Pain and Glory ผมก็รู้สึกวิงเวียนเพราะผมจะโยงใยตัวเองมากกว่าที่ผมเคยทำมาก่อนครับ

 

@@ มันเป็นการตัดสินใจของคุณหรือเปล่าที่ทำให้ตัวละครของอันโตนิโอ แบนเดอรัสดูเหมือนคุณ ?

เปโดร อัลโมโดวาร์ แน่นอน ในหนังของผมนั้นผมเป็นคนที่ตัดสินใจทุกอย่าง มันมีเหตุการณ์ตอนก่อนงานสร้างที่เมื่อคุณเริ่มออกแบบใบหน้าของตัวละครหลัก ผมคิดว่าบางทีเขาควรจะมีทรงผมในแบบของเขาเอง แม้กระทั่งเสื้อผ้า ผมให้เสื้อแจ็คเก็ตและรองเท้า แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมให้อพาร์ทเมนต์ที่ผมอาศัยอยู่แก่ตัวละครของผม ภาพวาดก็เป็นของผมเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นก็เป็นของผม นี่ทำให้กระบวนงานสร้างทั้งหมดมันนดูรวดเร็วกว่า ทุกคนเข้ามาที่บ้านของผมและทำสำเนามันในสตูดิโอ แต่ผมก็รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้จะคงเหมือนเดิมถ้าอันโตนิโอมีผมสีแดงหรือทำทรงผมทรงอื่นๆ

 

พูดคุยกับ 'เปโดร อัลโมโดวาร์'

 

@@ นี่มักเป็นสไตล์ของคุณในการกำกับนักแสดงหรือเปล่า?

เปโดร อัลโมโดวาร์ ใช่แล้ว แม้กระทั่งตอนผมถ่ายด้วยกล้องซูเปอร์ 8 ผมก็ทำแบบเดียวกันแน่นอน นักแสดงคือหน้าตาของหนัง สายตาของตัวหนัง กระบอกเสียงของหนัง มันมีองค์ประกอบอย่างอื่นทั้งหมดที่ใส่เข้าไปในการทำหนังซักเรื่อง การถ่ายภาพ การวางฉาก ฯลฯ แต่สิ่งที่คนดูจะผูกพันเข้าถึงได้ก็คือนักแสดง ผมกลายเป็นผู้กำกับเพราะผมชอบทำงานร่วมกับนักแสดง ผมชื่นชมพวกเขาและเป็นบุญคุณแก่พวกเขาเสมอ นักแสดงได้มอบชีวิตให้จินตนาการที่ผมเคยเขียนที่บ้าน ดังนั้นหน้าที่ที่พวกเขาทำคือการแสดงออกถึงความใจกว้างครับ

 

พูดคุยกับ 'เปโดร อัลโมโดวาร์'

 

@@ อะไรคือความขัดแย้งครั้งใหญ่ที่สุดที่คุณเคยมีกับนักแสดง?

เปโดร อัลโมโดวาร์ ผมจะไม่เอ่ยนามเพราะไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ และโดยทั่วไปผมโชคดีนะ ผมจำได้ว่ามีแค่สามครั้งที่ผมขัดแย้งครั้งใหญ่ และผมต้องทนอย่างมากๆเพราะนักแสดงไม่อยากที่จะทำในสิ่งที่จำเป็นจริงๆ หรือว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในที่ๆ เหมาะสม หรือว่าเรามีความสัมพันธ์เลวร้ายที่ถูกถ่ายทอดลงในหนัง มันแย่มากๆที่สิ่งนี้บังเกิด

ผมจำเหตุการณ์ที่เจ็บปวดที่สุดได้ เป็นครั้งแรกเลยผมต้องไปหาจิตแพทย์เพราะความวิตกกังวล มันเป็นสถานการณ์รุนแรงที่ผมทำอะไรไม่ได้เลยกับทักษะของนักแสดง แต่เขามีปฏิกิริยาทางจิตรุนแรงต่อตัวละคร แล้วเขากับผมก็ต้องไปหาจิตแพทย์ ผมต้องรับมือกับความวิตกกังวลและเขาต้องรับมือกับประเด็นของเขา น้องชายผมเชื่อว่าเราไม่มีทางทำหนังเรื่องนั้นได้เสร็จแน่ แต่ผมไม่ยอมแพ้ ความคิดที่จะไม่ทำหนังให้เสร็จเป็นสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดเท่าที่ผมคิดได้ ต่อให้นักแสดงและผมพยายามจนตาย เราก็จะทำหนังเรื่องนั้นให้เสร็จ เราต้องหาจุดยืน และบางครั้งผมก็เขียนตัวละครใหม่เพื่อนักแสดงที่เหมาะสม และเป็นระยะยาวนานที่สุด ผมไม่สามารถดูหนังเรื่องนี้ได้ แต่ผมได้ดูอีกครั้งเมื่อสี่เดือนที่แล้วในงานฉายหนังรำลึกในสเปน และผมก็พอใจจริงๆกับผลที่ออกมา จากการเขียนบทบาทขึ้นมาใหม่เพื่อให้แสดงออกมาได้ดีสำหรับหนังเรื่องนั้น มันเป็นการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ คุณไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นและคุณต้องพร้อมรับมือกับมัน แต่นี่เป็นกรณียกเว้นในการงานของผม 95 เปอร์เซ็นต์ของกรณีเหล่านี้ ผมเลือกนักแสดงได้ถูกและพวกเขาก็ยอดเยี่ยมมากครับ

 

พูดคุยกับ 'เปโดร อัลโมโดวาร์'

(จากซ้ายไปขวา อาเซีย เอเทียแอนเดีย   เปโดร อัลโมโดวาร์   แอนโตนิโอ แบนเดอรัส)

 

@@  เมื่อคุณทำหนังครั้งแรก คุณทำงานในสเปนที่ยังอนุรักษ์นิยม สองสามปีหลังจากการเสียชีวิตของจอมพลฟรังโก ฉันรู้ว่ากระแสตอบรับต่อหนังเรื่อง Labyrinth of Passion ในตอนนั้นรุนแรงพอสมควร คุณหวาดกลัวกับกระแสนั้นหรือเปล่า?

เปโดร อัลโมโดวาร์ผมไม่กลัวหรอก ความมุ่งมั่นของผมคือทำหนังที่ผมอยากทำ และความมุ่งมั่นนั้นก็พาผมไปยังที่ๆผมไม่แยแสต่อบรรดาปฏิกิริยาต่อหนังของผม ไม่ใช่แค่เรื่องLabyrinth of Passion แต่รวมถึงหนังเรื่อง Dark Habits เราอาจจะมองว่าสเปนเปิดกว้างทางโลกแต่จริงๆแล้วเราเป็นประเทศคาทอลิกเคร่งครัด ในหนังเรื่อง Dark Habits นั้น เรามีแม่ชีที่ช่วยเหลือโสเภณี คนติดเฮโรอีน ฆาตกร หนึ่งในบรรดาแม่ชีก็ฉีดเฮโรอีนเข้าเส้น เมื่อพิจารณาบริบทของสเปน มันเป็นหนังที่ยากลำบากมากๆ

แต่ผมสามารถเห็นว่าสังคมสเปนได้เปลี่ยนแปลงมากน้อยอย่างไรในตอนนี้ เพราะเมื่อ Dark Habits ออกฉายทางทีวีไม่นานมานี้ หลายคนพูดว่าคุณทำหนังเรื่องนี้ในสเปนไม่ได้อีกต่อไป ไม่ใช่ในสเปนร่วมสมัยซึ่งหมายความว่าสเปนในตอนนี้มันแย่กว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในยุค 1980 สังคมสเปนในคราวนั้น (ยุคที่หนังออกฉายโรง) มันเปิดกว้างยอมรับเรื่องแบบนั้นมากกว่าตอนนี้เสียอีก สิ่งที่เกิดขึ้นคราวนั้นคือเราพึ่งเข้าสู่แนวคิดประชาธิปไตยและเสรีภาพ ปฏิกิริยาของสังคมคือ ผู้คนรู้สึกกลัวเพราะว่าพวกเราได้ปิดถนน ส่วนพวกเขาก็ต้องหลบซ่อนอยู่ในบ้านเพราะไม่อยากจะก่อเรื่อง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือผู้คนที่เคยหลบๆซ่อนๆและขวาสุดโต่งได้ปรากฏตัวอีกครั้งในสเปน นี่เป็นเรื่องแย่สำหรับสเปนแต่มันก็กำลังเกิดขึ้นทั่วยุโรป ผลกระทบของประธานาธิบดีทรัมพ์กำลังทำลายยุโรป เขาเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดตัวละครเหล่านี้ขึ้นมาซึ่งอันตรายมากๆครับ

 

พูดคุยกับ 'เปโดร อัลโมโดวาร์'

 

@@ ช่วงแรกๆคุณมีผลงานที่ประสบความสำเร็จในสหรัฐอเมริกา เคยมีฮอลลีวูดชักชวนคุณให้ทำหนังที่นี่หรือเปล่า?

เปโดร อัลโมโดวาร์ใช่ครับ สองสามครั้ง หลังจาก Women on the Verge of a Nervous Breakdownออกฉาย ก็มีคนเสนอโปรเจกต์หลายชิ้นให้ผมทำหนังในอเมริกา รวมถึงงานรีเมค Women on the Verge of a Nervous Breakdown แต่ผมลังเลเกี่ยวกับความตั้งใจของพวกเขาเสมอ พวกเขาบอกผมเสมอว่าผมมีเสรีภาพและความอิสระเท่าเทียมกันกับที่ผมคุ้นเคย แต่ผมไม่เชื่อหรอก ผมคุยกับผู้กำกับหลายคน ทั้งผู้กำกับหนังฮอลลีวูดและผู้กำกับอิสระ อย่างมาร์ติน สกอร์เซซีและพอล ชเรเดอร์ และเรื่องราวที่พวกเขาบอกมาก็น่ากลัวจริงๆ พูดเรื่องวิธีที่ฮอลลีวูดสร้างหนัง ดังนั้นเมื่อพวกเขาพยายามหลอกล่อผม ผมก็โตพอที่จะรู้ว่าผมต้องการทำอะไร สิ่งที่ผมเห็นคือวิธีการสร้างหนังในฮอลลีวูดมันแตกต่างจากวิธีที่ผมทำ มันไม่ใช่คำถามเกี่ยวกับอำนาจ ในยุโรปนั้นมันชัดเจนเลยว่าผู้กำกับเป็นเจ้าของตัวหนัง แต่ที่นี่มันมีกระบอกเสียงหลายเสียงที่เป็นความคิดเห็นต่อกระบวนงานสร้างและผมก็ไม่คิดว่าผมสามารถทำงานแบบนั้นได้ ผมไม่รู้วิธีการเอาอกเอาใจพวกเขาและผมก็จะสับสนครับ 

 

พูดคุยกับ 'เปโดร อัลโมโดวาร์'



          “Pain and Glory แด่หนัง ชีวิต และความเจ็บปวด  คือหนังที่ผู้กำกับ เปโดร อัลโมโดวาร์ หยิบยกเรื่องราวชีวิตในอดีตของตัวเองมาถ่ายทอดผ่านประสบการณ์ชีวิตของ'ซัลวาดอร์ มัลโล' (แอนโตนิโอ แบนเดอรัส) ผู้กำกับภาพยนตร์เจ้าของผลงานชื่อดังในอดีตที่กำลังประสบปัญหาความว่างเปล่าในชีวิตส่วนตัวจนนำไปสู่ภาวะหมดไฟในการทำงาน ความสามารถในการสร้างภาพยนตร์ถดถอยลง รวมไปถึงปัญหาทางสุขภาพกายที่กำลังย่ำแย่ ก่อนจะพบหนทางสว่างที่สร้างแรงบันดาลใจให้กลับมามีไฟอีกครั้ง  

 

              ภาพยนตร์เรื่อง “Pain and Glory แด่หนัง ชีวิต และความเจ็บปวด”  การันตีคุณภาพด้วยการเข้าชิง 2 รางวัลออสการ์ และลูกโลกทองคำ ซึ่งเตรียมเข้าฉาย 20 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์

 

พูดคุยกับ 'เปโดร อัลโมโดวาร์'

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ