บันเทิง

คุยกับเคซีย์ แอฟเฟล็คกับผลงานใหม่ไอเดียสุดล้ำในLIGHTOFMYLIFE

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คุยกับ เคซีย์ แอฟเฟล็ค กับผลงานใหม่ไอเดียสุดล้ำ ใน LIGHTOFMYLIFE

 

 

          นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ เคซีย์ แอฟเฟล็ค (Manchester by The Sea) กลับมาอีกครั้งในผลงานดราม่าระทึกขวัญเรื่องใหม่ที่เจ้าตัวนั่งแท่นกำกับ เขียนบท และนำแสดงเอง “LightOfMyLife” เมื่อในโลกแห่งอนาคตได้เกิดไวรัสระบาดฆ่าผู้หญิงทั้งโลก เหลือเพียงแค่ลูกสาวของเขา และเขาจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องลูก แม้ทางที่เขาเลือกเดินจะทำให้ต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก โดยนักแสดงหนุ่มได้กล่าวถึงบทบาทที่ได้รับในเรื่องนี้ว่า 

 

 

 

 

คุยกับเคซีย์ แอฟเฟล็คกับผลงานใหม่ไอเดียสุดล้ำในLIGHTOFMYLIFE

 


          @@ คุณได้วางแผนที่จะเขียนบท กำกับ และแสดงเองตั้งแต่แรกหรือเปล่า 
          เคซีย์: ผมเริ่มจากการเขียนบท ผมเริ่มเขียนเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้แล้ว เดิมทีผมตั้งใจจะเขียนให้เป็นภาพยนตร์ในช่วงยุคสงคราม แต่แล้วผมก็รู้สึกว่าน่าจะดูใหญ่และอาจใช้ทุนสร้างมากเกินไป ผมเลยล้มเลิกความตั้งใจนั้นและปรับเปลี่ยนให้มันมีสเกลที่เล็กลงและใช้ทุนสร้างน้อยลง ผมใช้เวลาเขียนไปเรื่อยๆ ด้วยตัวเองทั้งหมด 10 ปี แล้วผมก็ตัดสินใจกำกับด้วยตัวเอง หลังจากนั้นผมก็ตัดสินใจที่จะแสดงเองด้วยครับ

 

 

 

คุยกับเคซีย์ แอฟเฟล็คกับผลงานใหม่ไอเดียสุดล้ำในLIGHTOFMYLIFE

 


          @@ เนื่องจากคุณใช้เวลาเขียนบทถึง 10 ปี และเป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงการเลี้ยงดูลูก ลูกของคุณที่โตขึ้นมาในช่วงเวลานั้นได้มีอิทธิพลกับบทภาพยนตร์บ้างไหม 
          เคซีย์ : แน่นอน ฉากบางมาจากบทที่เขียนตอนที่ลูกๆ ของผมยังตัวเล็กๆ อยู่เลย และบางฉากผมก็ได้เขียนขึ้นมาตอนที่พวกเขากำลังย่างก้าวเข้าสู่วัยรุ่น ซึ่งมันก็เป็นผลดีต่อการเขียนบทในช่วงนั้น เพราะมันเป็นภาพยนตร์ที่ตัวละครหลักเป็นเด็กที่มีช่วงอายุในวัยดังกล่าวเช่นเดียวกันกับลูกของผม

 

 

คุยกับเคซีย์ แอฟเฟล็คกับผลงานใหม่ไอเดียสุดล้ำในLIGHTOFMYLIFE

 


          @@ ในฐานะนักแสดงคุณได้ร่วมงานกับผู้กำกับมาแล้วหลายคน คุณได้นำสไตล์การกำกับของผู้กำกับเหล่านั้นมาปรับใช้กับภาพยนตร์ของคุณบ้างหรือไม่
          เคซีย์ : ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าสไตล์การกำกับของผมได้รับอิทธิพลมาจากผู้กำกับคนไหน ผมรู้สึกว่าผมก็แค่พยายามทำให้ดีที่สุด สำหรับด้านความสำคัญนั้น บางครั้งผมก็มองว่าภาพลักษณ์ของฉากสำคัญที่สุด บางครั้งผมก็คิดว่าการแสดงต่างหากที่สำคัญที่สุด แต่ถ้าให้ผมเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ผมคงยกให้ความสำคัญของทีมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ ผมเชื่อมั่นในทีมของผม และเชื่อว่าความสัมพันธ์นี้จะเป็นสิ่งที่กลายเป็นแรงขับเคลื่อนภาพยนตร์ของพวกเรา
 

 

 

 

คุยกับเคซีย์ แอฟเฟล็คกับผลงานใหม่ไอเดียสุดล้ำในLIGHTOFMYLIFE

 

 

          @@คุณรู้สึกอย่างไรกับการร่วมงานของผู้กำกับภาพ อดัม อาคาพาว ใน “LightofMyLife”
          เคซีย์ : อดัมเป็นหนึ่งในคนที่ผมไม่เคยรู้จักและไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน พวกเราทั้งสองคนจะใช้เวลาในการดูหนังด้วยกัน พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งอ้างอิงต่างๆ ของภาพยนตร์ แต่ส่วนมากพวกเราก็จะพูดคุยปรึกษากันว่าอะไรคือสิ่งที่ผมต้องการซะส่วนใหญ่ ผมรู้ตัวดีว่าพวกเรามีทุนสร้างไม่เยอะและเวลาก็ค่อนข้างจำกัด พวกเราจึงไม่ค่อยมีฉากที่ถ่ายด้วยการใช้กล้องที่เคลื่อนที่ไปตามราง และผมก็ไม่อยากจะให้กล้องขยับเขยื้อนมากด้วย ผมอยากจะให้ผู้ชมรู้สึกเสมือนว่าพวกเขาคือผู้สังเกตการณ์ เฝ้าติดตามดูพฤติกรรมของตัวละครเหล่านี้บนหน้าจอ ผมไม่อยากใช้มุมกล้องที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเป็นการจัดฉาก แต่ผมอยากจะให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาได้มองผ่านเลนส์กล้องที่บังเอิญตั้งอยู่บริเวณนั้นพอดี

 

 

คุยกับเคซีย์ แอฟเฟล็คกับผลงานใหม่ไอเดียสุดล้ำในLIGHTOFMYLIFE

 


          @@ ในกองถ่ายของคุณได้เจอเรื่องลำบากอะไรบ้างมั้ย
          เคซีย์: อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเราก็คือ “สภาพอากาศ” ครับ พวกเราอยากได้หิมะในฉาก ทว่าเมื่อพวกเราทุกคนกลับมายังแวนคูเวอร์เพื่อถ่ายทำ พวกเรากลับพบกับสภาพอากาศอันแปรปรวน พายุหิมะได้เข้าพัดปกคลุมป่าที่พวกเราตั้งใจเข้าไปถ่ายทำ พวกเราจึงต้องไปวิ่งหาป่าแห่งใหม่ที่พายุยังไม่พัดเข้าไป จึงกลายเป็นเรื่องที่ลำบากที่สุดสำหรับการถ่ายทำครั้งนี้ครับ แต่ อดัม อาคาพาว ก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม และเขาก็สามารถปรับวิธีการทำงานให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างไร้ที่ติเลยครับ และเนื่องจากพวกเราต้องเผชิญกับฝน ป่าแห่งใหม่จึงเป็นป่าที่เต็มไปด้วยดินโคลน เราต้องขนอุปกรณ์การถ่ายทำทั้งหมดเข้าไปในป่า แต่ผมก็ชอบนะ ผมเป็นคนที่ชอบการถ่ายภาพธรรมชาติ ผมชอบลม ฝน และหิมะ ภาพเหล่านั้นทำให้ผมรู้สึกอารมณ์ดีครับ


          เพราะหน้าที่ของพ่อคือการปกป้องลูก “LIGHTOFMYLIFE คือพ่อ...คือลูก” บทสรุปของความรักอันยิ่งใหญ่ การเดินทางของสองพ่อลูกที่มีจุดหมายเดียวคือต้องรอด 28 พฤศจิกายนนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ