บันเทิง

 'เพิร์ธ ธนพนธ์' จากเด็กเกเรสู่ดาราวัยรุ่นชื่อดัง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

 "เพิร์ธ"ธนพนธ์ สุขุมพันธนาสาร บอกเล่าเรื่องราวกว่าจะมาถึงวันนี้


    ทีมบันเทิง คมชัดลึก -  เป็นดาราวัยรุ่นชื่อดังที่กำลังถูกจับตามองในเวลานี้ สำหรับ “เพิร์ธ”ธนพนธ์ สุขุมพันธนาสาร ที่ความฮอตของเขาทำให้มีแฟนคลับอยู่ทั่วเอเชีย ซึ่งผลงานตอนนี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะว่าหนุ่มเพิร์ธเป็นหนึ่งในนักแสดงจากซีรีส์ไทยเรื่องแรกของ“Netflix”อย่างเรื่อง“เคว้ง”สบโอกาสเหมาะ“บันเทิง คมชัดลึก”เลยขอเปิดใจหนุ่มคนนี้มาให้แฟนๆ ได้รู้จักกันมากขึ้น
 

    “เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ที่ทาง netflix Original ร่วมกับไทย เป็นครั้งแรกเป็นซีรีย์แนว ระทึกขวัญ ฝีมือการกำกับของพี่จิมโสภณผู้กำกับลัดดาแลนด์ ซึ่ง ตอนมาเจอครั้งแรกเราก็แอบเก่งพี่จิมเรื่องแรกของเรา ก็เป็นแนวซีรีย์ไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนี้เพราะอันนี้เหมือนจะเข้ามาอยู่ในพาร์ทของการเป็นภาพยนตร์ด้วยซ้ำ เพราะว่าการถ่ายทำก็ถ่ายทำคล้ายกับภาพยนตร์รู้สึกตื่นเต้น”

 


    การแสดงเรื่องนี้ต่างยังไงกับสิ่งที่เคยแสดงมา
    “เรียกว่าต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งเรื่องของการแสดงและจังหวะการเล่น เนื้อเรื่องบทบาทมันแตกต่างกันไปหมด เรียกว่าเป็นการผิดคาแรคเตอร์อย่างจริงๆจังๆ คือเรื่องนี้พลิกจากตัวผมที่ทุกคนเห็นมากๆ ไม่ใช่แค่ผิดจากการเป็นเอ๋ในบังเอิญรัก แต่พลิกจากการเป็นเพิร์ธด้วย อยากปกติคนจะเห็นผมเป็นคนซนๆ หน่อยแต่ในคาแรกเตอร์นี้จะแตกต่างแบบอื้อ...ไปเลย อย่างที่เห็นได้ชัดคือการพูดจาที่จะไม่เป็นตัวผมเลย”

 

 

    ทำไมถึงตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้
    “จริงๆดูเรื่องบทก่อนเลยอันแรกบทนี้เป็นบทที่น่าสนใจมาก แล้วมันท้าทายความสามารถเราแบบสุดๆเลย อีกหนึ่งเรียกว่าโอกาสที่ดีของเราจาก netflix ด้วย เพราะว่าเป็นเรื่องแรกของไทยด้วยก็เลยรับเล่น ที่สำคัญเรื่องนี้ได้ ร่วมงานกับพี่จิมซึ่งผมเองก็ติดตามผลงานที่จีนมาก่อนหน้านี้ส่วนตัวผมเป็นคนที่ค่อนข้างเกร็งไปก่อนเวลาที่จะต้องทำงานอะไรสักอย่างจะกลัวว่าเราจะทำได้หรือเปล่าจะเล่นได้หรือเปล่าและด้วยความที่พี่จิมเองเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียง เราก็จะมีความกังวลว่าจะทำให้พี่เขาเสียชื่อเพราะเราหรือเปล่า (ยิ้ม)”

 

 

 

 'เพิร์ธ ธนพนธ์' จากเด็กเกเรสู่ดาราวัยรุ่นชื่อดัง

 

 

    การถ่ายทำหนักมากไหม
    “การถ่ายทำเหมือนต่างประเทศ และหนักมากจริง (ยิ้ม) คือผมจะถ่ายเป็นช่วงๆช่วงหนึ่งก็ใช้เวลา ประมาณ 5 วัน 10 วัน โดยไปถ่ายที่เกาะหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งสัญญาณก็ไม่ค่อยจะมีฝุ่นก็เยอะ เหมือนไปติดเกาะจริงๆ เหมือนต้องไปตะลุยอะไรสักอย่าง เพราะทีมพ็อพทุกอย่างทำให้เรารู้สึกว่าเราติดเกาะจริงๆ การถ่ายทำเรื่องนี้หนักมากๆ คือกองถ่ายปกติว่าหนักแล้ว แต่อันนี้หนักมากๆ”

 


    โดนตัดการสื่อสารแบบนั้นเป็นไง
    “เอาจริงๆ ผมเป็นคนไม่ได้ติดโซเชียลมาก แต่ก็ลำบากเหมือนกันเวลาขาดการสื่อสารไป เพราะสัญญาณอินเตอร์เน็ทตอนอยู่ที่นั่นไม่ค่อยมี แต่สัญญาณโทรศัพท์ใช้ได้อยู่”

 


    ต้องมีการรายงานตัวกับใครไหม หายไปนานๆ แบบนี้
    “ก็จะมีโทรบอกแม่ว่าถึงแล้ว เพราะก่อนจะไปเราบอกก่อนอยู่แล้วว่าเราไปไหน ไปทำอะไรกี่วัน แม่ก็จะรู้ว่าเราไปทำงาน เขาก็จะไม่มาโทรตาม เขาจะเข้าใจ แต่พอวันที่จะกลับก็จะโทรไปบอกว่า ม๊ะม๊ากำลังจะกลับแล้วนะครับ”
 

 

 

 

 'เพิร์ธ ธนพนธ์' จากเด็กเกเรสู่ดาราวัยรุ่นชื่อดัง

 

     พ่อแม่หวงไหม
  
 “หวงไหมเหรอ คือเขาจะปล่อยให้เราคิดให้เราทำ แต่คอยหวงอยู่ห่างๆ อธิบายยังไงดี คือเขาจะให้อิสระในการตัดสินใจมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ ตั้งแต่สมัยมัธยม ให้เราตัดสินใจทุกเรื่อง อะไรผิดพลาดไป ต้องแก้ไขเองแบบนี้ เขาสอนให้เราเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง”
  

 

 

    อย่างเวลาเราตัดสินใจอะไรผิดพลาด พ่อแม่ว่ายังไง
    “เวลาเกิดอะไรผิดพลาดก็จะปรึกษา เขาก็จะสอนตลอด แต่จะไม่มาตีกรอบ อย่างบ้านผมไม่ได้มีกรอบว่าจะต้องอยู่ในกรอบ คือผมเป็นลูกคนเดียว แล้วเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่อยู่ในกรอบ อยากจะออกไปเรียนรู้เรื่องต่างๆ ด้วยตัวเอง แต่ผมว่าที่เป็นแบบนี้เพราะว่าเขาให้อิสระเราด้วยแหละ”

 


    เคยหลุดกรอบไปไกลๆ จนเรียกว่าตะเลิดไหม
    “ตอนมัธยม (หัวเราะ) อันนี้ไม่เคยเล่าเลยนะ พูดตรงๆ ตอนนั้นเกเร (หัวเราะ).แต่ตอนนี้ไม่เกเร น่ารักแล้ว กลับตัวกลับใจ (หัวเราะ) ตอนมัธยมเกเร แล้วพ่อแม่ก็ดึงกลับมา และเป็นช่วงจังหวะที่ว่าอากงเสียด้วย เลยทำให้รู้ว่าสิ่งที่เราทำมันไม่ดี”
    วันนี้พอเรามายืนอยู่ตรงนี้มองย้อนกลับไป รู้สึกยังไง
    “สำหรับผมนะ มันทำให้เราเห็นโลกความเป็นจริง ผมไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ผมเคยทำมันถูก มันเป็นสิ่งที่ไม่ดี เราควรเอาเวลาไปเรียนดีกว่า คือถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้ ผมอยากแก้ไขมันนะ ผมอยากทำให้ดีเพื้อคนที่ผมรัก เพื่อผมจะได้มีเวลาอยู่กับอากงผมมากขึ้น แต่เมื่อย้อนกลับไม่ได้ สิ่งที่ผมทำได้คือผมได้เรียนรู้จากสิ่งที่ผมทำ มันทำให้ผมมีวันนี้ มันทำให้มีประสบการณ์ในการตัดสินใจทำอะไรทุกวันนี้ คือมันมีข้อดีนะ แต่ไม่แนะนำ (หัวเราะ)”

 

 

 'เพิร์ธ ธนพนธ์' จากเด็กเกเรสู่ดาราวัยรุ่นชื่อดัง

 

 

    ตอนนั้นเกเรมากเลยเหรอ
    “ตอนม. 4-5 เกเรเลย (หัวเราะ) คือประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว”
    อะไรที่ทำให้ดึงเรากลับมา
    “ผมว่าเป็นเพราะอากง สมัยก่อนตั้งแต่ตอนเด็กๆ จะอยู่กับอากง ตั้งแต่ตอนประถม ปิดเทอมก็อยู่กับอากงตลอด จนพอมาขึ้นม.4 ปุ๊บ เริ่มเข้าสู่วงการเพื่อน (หัวเราะ) ปิดเทอมไม่อยู่บ้าน ไปนอนบ้านเพื่อน ทำอะไรก็ทำกับเพื่อน ไม่ได้กลับบ้านเลย ช่วงนั้นอากงก็บ่นคิดถึงเรา เพราะเราไม่ได้ไปหาเขา และช่วงนั้นอากงป่วยด้วย พอวันที่เขาเสียไป เรามานั่งถามตัวเองว่าเราเอาเวลาไปทำอะไรอยู่ (เสียงสั่น) มันเสียเวลาเหลือเกินกับการใช้ชีวิต มันเลอะเทอะ ตัวเองเราทำอะไรได้มากกว่านี้ รู้สึกว่าเวลานั้นเราควรอยู่ดูแลอากงได้ พอมานั่งดูตัวเองมันไม่ใช่เลย”

 

 

    ตอนนั้นคือติดเพื่อนมากเลยเหรอ
    “ติดมาก ถ้าเลเวล 10 ก็ประมาณ 8-9 ได้ อีกนิดเดียวก็ 10 คืออยากจะบอกว่า ผมโชคดีมากๆ ที่มีอะไรทำให้ฉุกคิดแล้วกลับตัวได้ แต่บางคนไม่ได้โชคดี”
    เคยคิดไหมว่าถ้าตอนนั้นเราไม่ได้เจอเหตุการณ์สูญเสีย จะเป็นยังไง
    “ปัจจุบันนี้ผมคงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ ยังไม่มีความรับผิดชอบ ไม่เป็นงานเป็นการแบบนี้ และก็คงคิดไม่ได้ว่าจะทำอะไรต่อไปในชีวิต คงใช้ชีวิตสนุกไปวันๆ”

 

    ตอนนั้นที่เราเกเรมากๆ คุณพ่อคุณแม่ว่ายังไง
    “ผมว่าเขาคงเสียใจ และเจ็บที่เห็นลูกตัวเองเป็นแบบนี้ ตอนนั้นเขาก็พยายามพูดพยายามบอก แต่ด้วยเราตอนนั้นคือก็ไม่ฟัง เขาคงเสียใจและเจ็บจี๊ดที่ลูกไม่ฟัง ตอนนี้เวลาเจอวัยรุ่น รุ่นเดียวกันมาบ่นเรื่องพ่อแม่ ผมจะบอกเขาเลยว่า ผมเข้าใจเขานะ แต่อยากให้เขาเข้าใจพ่อแม่ด้วยว่า ที่เขาพูด เขาทำ เพราะเขารักและห่วงเรา ผมโชคดีหลายอย่างที่พ่อแม่ผมเป็นคนที่เข้าใจ ไม่ได้กดดัน มิฉะนั้นผมก็ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ผมจะเตลิดไปไหน”

 

 

 'เพิร์ธ ธนพนธ์' จากเด็กเกเรสู่ดาราวัยรุ่นชื่อดัง

 

 

    จากเหตุการณ์ที่เจอมา สอนอะไรเพิร์ธบ้าง
    “ผมหวงครอบครัวมาก ครอบครัวมาอันดับหนึ่ง ตอนนี้คือทุกอย่าง ทุกการตัดสินใจในตอนนี้ สิ่งแรกที่ผมคิดถึงคือครอบครัวมาอันดับหนึ่ง ผมจะให้เวลากับครอบครัวมาเป็นอันดับต้นๆ เลย คืองานเราเยอะ แต่เมื่อมีเวลาผมจะให้กับครอบครัว พาไปกินข้าว แม่อยากไปไหนก็พาไป”

 

    เวลาทำงานเยอะๆ เหนื่อยๆ มีอยากบอกลาไหม
    “ช่วงหนึ่งคิด มันมีช่วงที่มันท้อ แต่ใจก็อยากทำงาน ผมมีความสุขที่ได้ทำงาน เวลาเหนื่อยๆ แล้วไม่อยากลุกไปทำงานก็จะบอกตัวเองว่ามันเป็นอาชีพที่เรารัก เราได้เจอในสิ่งที่เราฝันไว้แล้ว”

 

    ถึงงานหนักแต่ก็ยังแฮปปี้กับการอยู่ตรงนี้ใช่ไหม
    “แฮปปี้ ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนก็แฮปปี้ เพราะเราชอบมากๆ”
    วันนี้เราเป็น “เพิร์ธ” ธนพนธ์ ที่มีแฟนคลับเยอะและมีอยู่ทั่วเอเชียแล้ว มองกลับไปไหม
    “เชื่อไหม ผมมองนะ แต่ไม่ได้มองย้อนกลับ แต่มองข้างหน้า แล้วก็ถามตัวเองว่าจริงเหรอ มันเป็นความจริงใช่ไหม คือตอนนี้ยังไม่เชื่อเลย เพราะผมเป็นเด็กธรรมดากระจ๊อกกระจ๋อยคนหนึ่ง ยังไม่กล้าคิดว่าตัวเองจะมาถึงวันนี้ แล้วเราภูมิใจหลายๆ อย่าง และก็ดีใจที่เอาชนะกับคำสบประมาทที่ทุกคนเขามีต่อเรา เราดีใจที่หาเงินให้พ่อแม่ได้ ให้เงินเดือนแม่ได้ เราไม่คิดว่าจะทำได้ตั้งแต่ตอนอายุเท่านี้ มันภูมิใจจนไม่รู้จะบรรยายยังไง”

 

 

 'เพิร์ธ ธนพนธ์' จากเด็กเกเรสู่ดาราวัยรุ่นชื่อดัง

 

 

    วันแรกที่เอาเงินก้อนแรกจากน้ำพักน้ำแรงไปให้แม่ แม่ว่ายังไง
    “เขาดีใจมาก เขายิ้ม ตัดภาพกลับไป ก่อนหน้านี้คือเราทำให้เขาร้องไห้ คือพอเห็นเขายิ้ม รู้สึกภูมิใจที่เราทำได้ เราคิดได้แล้ว คือก่อนหน้านี้ผมเองได้รับคำสบประมาทมาเยอะ แต่เราเอาคำเหล่านั้นมาทำในมุมบวก มาเป็นแรงผลักดันให้เราทำอะไรหลายๆ อย่าง ส่วนตัวผมเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยอยู่ข้างในอยู่แล้ว และเป็นคนคิดมากเวลาใครพูดอะไรมา ก็จะวนเวียนอยู่ในหัว ผมผ่านสิ่งเหล่านั้นได้ด้วยการบอกตัวเองว่า ผมจะอดทนรอสักวันหนึ่ง วันที่เราจะยืนขึ้นมาด้วยความสามารถเรา ได้ตะโกนบอกไปว่าเราทำได้แล้วนะ ตอนนั้นเราคิดตลอดว่า สักวันเราจะตะโกนให้สุดเสียงว่า ”ผมทำได้แล้วนะ“ ตะโกนให้ทุกคนได้รู้”

 


    ได้ตะโกนไปแล้วหรือยัง
    “ตะโกนไปแล้ว (หัวเราะ) ว่า ทำได้แล้วเว้ย (ยิ้ม) ตอนที่ตะโกนรู้สึกโล่งมาก เพราะว่าเราแบกมันมาตลอด มันเหมือนปลดล็อกหลายๆ อย่างที่มันอยู่ในใจเรา”
    อีกหนึ่งความในใจจาก “เพิร์ธ” ธนพนธ์ 

 

 

 'เพิร์ธ ธนพนธ์' จากเด็กเกเรสู่ดาราวัยรุ่นชื่อดัง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ