บันเทิง

โลกแห่งความจริงสิ่งที่เป็นตัวตน 'โบ-สุนิตา' 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"โบ" สุนิตา ลีติกุล เปิดใจสัมภาษณ์พิเศษกับ "บันเทิงคมชัดลึก" ถึงกับงาน ชีวิต และครอบครัว

 

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก -  เรียกว่าเป็นการกลับมามีคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งของนักร้องหญิงเสียงคุณภาพ “โบ" สุนิตา ลีติกุล หลังหายไปนานกว่า 22 ปี ในคอนเสิร์ต “RHYTHM Of BEAU SUNITA Concert” ในวันเสาร์ที่ 23 และวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายนนี้ ที่ รอยัล พารากอน ฮอลล์ และเพราะคอนเสิร์ตนี้ทำให้ “บันเทิง คมชัดลึก” ได้กะเทาะตัวตนอีกมุมของศิลปินคุณภาพที่มีเพลงฮิตมากมาย ว่าอะไรเธอคนนี้ถึงได้ยืนหยัดอยู่ในวงการเพลงมาได้แบบที่ไม่มีด่างพร้อย
 

    @@ คอนเสิร์ตใหญ่รอบ 22 ปี
    หายไป 22 ปีกับคอนเสิร์ตใหญ่
    “ตื่นเต้นที่จะมีมันขึ้นมา เพราะว่าไม่มีมานาน 22 ปีแล้ว เวลาเลือกเพลงกันก็ลำบาก เพราะว่ามันก็จะมีความรักพี่เสียดายน้อง เพราะเมื่ออัลบั้มแรกเรามีคอนเสิร์ตเดี่ยวไปแล้ว แต่ตอนนั้นเรามีเพลงแค่ประมาณ 10-14 เพลงที่เป็นเพลงของเรา ที่เหลือเราเอาเพลงคนอื่นมาร้อง อัดให้มันเต็มในคอนเสิร์ต แต่ตอนนี้ 7 อัลบั้ม มีเพลงละครก็เยอะ เพลงอะไรต่อมิอะไรที่เราร้องไว้มันเยอะมาก ก็เลยเลือกเพลงลำบาก และก็ตื่นเต้นแทนตัวเพลงที่จะถูกหยิบมาใช้ด้วย หลายๆ อย่างรวมๆ กัน ตอนที่เขาติดต่อไปว่าจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยว เราก็ถามเขาว่าเอาจริงดิ คือเรื่องคอนเสิร์ตใหญ่แว่วๆ ว่าจะมีมาตั้งแต่หลายปีที่แล้ว จะทำๆ แล้วก็หายไปมีมาตลอด 4-5 ปีหลัง ก็แน่นๆ มาตลอด สุดท้ายก็ไม่เกิด จนมาเกิดกับเอไทม์”

 


    จะมีหลายครั้งแล้วไม่มี มันเสียความรู้สึกบ้างไหม
    “ไม่เลย เพราะเราไม่คิดว่าเราจะมี คือมันไม่มีมาอยู่แล้วเป็นปกติ และด้วยตัวเราเองก็ไม่รู้สึกขาด เพราะว่าในปกติในแต่ละปี เราก็มีคอนเสิร์ตใหญ่ให้ขึ้นทุกปี เป็นการขึ้นไปเป็นแขกรับเชิญบ้าง หรือศิลปินแจมที่อยู่บนเวทีบ้าง หรือเป็นหนึ่งในจำนวนศิลปินของแต่ละคอนเสิร์ตบ้าง เราเลยรู้สึกว่าเราไม่เคยขาดกับการขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ เพียงแต่ว่าคอนเสิร์ตเดี่ยวมันไม่มี พอมีแล้วรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ภาระอันใหญ่หลวง ซึ่งเราต้องกลับมาฟิตตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อให้งานมันออกมาดีที่สุด สนุกที่สุด”

 

    สิ่งแรกที่คิดในคอนเสิร์ตคืออะไร
    “เรื่องแขกรับเชิญก่อนเลย (หัวเราะ) ว่าเราจะต้องเลือกเอง นานๆ มีที่เราไม่อยากที่จะให้ใครมาบอกว่าให้เอาอันนี้ซิ คนนั้นซิ เราอยากเป็นตัวเรามากที่สุด อยากให้โชว์เป็นเราเลือกมากที่สุด เราวางโจทย์ของคอนเสิร์ตนี้ไว้ว่าดนตรีจะต้องดีมาก เพราะว่าเรามาในเรื่องร้องเพลง ดนตรีจะต้องดีที่สุดเท่าที่ทางเอไทม์จะทำให้ได้ (หัวเราะ) แล้วก็แขกรับเชิญจะต้องเป็นสายร้อง แต่ไม่ใช่ว่ามาร้องแล้วหลับ แต่ละคนจะต้องมีสี ซึ่งสีของแต่ละคนจะต้องไม่เหมือนกัน รวมถึงเพลงของโบเองจะดึงเพลงช้ามาร้องทัั้งหมดมันก็ไม่ใช่ ถ้าเอาตั้งแต่อัลบั้มแรกจริงๆ โบไม่ใช่คนที่ร้องเพลงช้าซะทีเดียว มันก็มีเพลงเร็ว 5 เพลงช้า 5 เหมือนศิลปินคนอื่น เพียงแต่ว่าเพลงที่เราฮิตมันเป็นเพลงช้า โดยเฉพาะอัลบั้มหลังๆ ดึงแต่เพลงช้าออกมาใช้เลยไม่เห็นเพลงเร็วของเรา จริงๆ เราก็มีโมเม้นต์สนุกๆ เป็นคนสนุกๆ คนหนึ่ง แต่ว่าพอมันถูกหยิบแต่เพลงช้า เลยทำให้รู้สึกว่าโบเป็นคนนิ่งๆ ไม่ค่อยสนุก จริงๆ มันไม่ใช่ จะบอกว่าโบได้มากกว่านั้น (หัวเราะ) ทีมงานจะมีขีดจำกัดบางอย่างให้โบว่าทำแล้วมันเสียลุคส์ (หัวเราะ) แต่ยุคสมัยนี้แล้ว ความเป็นธรรมชาติของเราบางอย่างหลุดไปเหอะไม่เป็นไรหรอก คนดูเขาเข้าใจ แต่ทีมงานนี่แหละไม่เข้าใจ (หัวเราะ)"

 

 

โลกแห่งความจริงสิ่งที่เป็นตัวตน 'โบ-สุนิตา' 

 

 


    แปลว่ายังมีการวางกรอบให้ “โบ” สุนิตา อยู่
    “มีกรอบๆ จริงๆ เราไม่ใช่คนหวาน เราเป็นคนตลก ตลกอะไรก็ไม่รู้ เรียกไม่เป็นเหมือนกัน บางคนบอกว่าจังหวะเราตลกแบบบอกไม่ถูก แต่เป็นตลกร้ายเล็กๆ ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่มาเป็นดอกๆ ซึ่งเราเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก เป็นมาตลอด (หัวเราะ) แต่ด้วยภาพลักษณ์ที่ทุกคนเห็น ที่เขาสร้างให้ เพราะเราไม่เคยสร้าง ถามว่าเราเคยคิดจะออกจากกรอบตรงนี้ไหม จะบอกว่าเราออกมาตลอด เวลาไปเล่นคอนเสิร์ตตามงานจ้างทั่วๆ ไป ก็เป็นตัวเองเต็มที่ แอบเติมไปเรื่อยๆ หยอดไปเรื่อยๆ ว่าจริงๆ เป็นอย่างนี้ จะบอกว่ามีคนตัดสินไปแล้วว่าดูคอนเสิร์ตโบอาจจะหลับได้ มีแต่เพลงช้า จริงๆ ไม่ใช่ และโบก็ไม่ยอมให้โชว์โบเป็นแบบนั้นเด็ดขาด ไม่มีทาง เวลาโบไปเล่นคอนเสิร์ตตามงานจ้างทั่วไป ทุกคนมักจะแฮปปี้ เพราะได้ทั้งความเอ็นเตอร์เทน ความสนุก ความตลก ความรั่วๆ ในบางครั้งที่เราเป็นขึ้นมากะทันหัน ทุกคนจะชอบและแฮปปี้กันหมด คือเคยมีคนมาดูเราโชว์ แล้วมาบอกว่า อุ้ยพี่โบเป็นคนตลก เป็นคนคุยเก่ง หนูไม่คิดเลยว่าพี่โบเป็นแบบนี้ เราก็คิดในใจว่า เราก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แล้ว แล้วโบก็เชื่อว่าครั้งนี้โบก็ไม่ยอมให้ใครมาตีกรอบให้โบ ที่คิดว่ามาดูคอนเสิร์ตโบจะหลับแน่ โบไม่ยอมให้หลับ โบจะปลุก (หัวเราะ)"

 

    เคยคิดไหมว่าทำไมเราถึงไม่ได้มีคอนเสิร์ตมานานกว่า 22 ปี ทั้งเพลงฮิตเราเยอะมาก
    "ไม่เคยคิด เพราะว่าเราไม่เคยรู้สึกว่าเราขาด แต่ทุกคนมอง (หัวเราะ) แต่เราไม่รู้สึก เพราะว่าปีๆ หนึ่งเราขึ้น 2-3 ครั้งตลอด คอนเสิร์ตใหญ่ด้วยนะ ไม่ใช่คอนเสิร์ตเล็กๆ คือมีตลอด เลยไม่รู้สึกว่าขาด และไม่รู้สึกว่าไม่มีเดี่ยวนี่หว้า... เพิ่งมารู้สึกตอนช่วงหลังที่คนมาติดต่อแล้วหายไป ตอนนั้ก็เริ่มรู้สึกว่าหรือมันได้เวลาแล้วว่ามันต้องมี แต่ไม่เคยนอยด์เลยนะ เออ...ไม่รู้ทำไม (หัวเราะ)"

 

 

 

โลกแห่งความจริงสิ่งที่เป็นตัวตน 'โบ-สุนิตา' 

 

 


    @@ ความเปลี่ยนแปลง
    การยืนอยู่ในวงการเพลงนี้มาตลอด มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง
    “เอาที่ตัวเราก่อนนะ อย่างคนชอบคิดว่าโบร้องเพลงเก่งมาตั้งแต่แรกเลย แต่โบรู้สึกว่าเริ่มมาเข้าใจมันจริงๆ ตอนอัลบั้มที่ 4-5 เองมั้ง มาเข้าใจว่าเพลงนี้ร้องแบบนี้มันจะดีแบบนี้ จากที่เราคิดไว้ว่าเป็นรูปแบบนี้ แต่ถ้าเราเติมอะไรบางอย่างเข้าไปมันจะเจ๋งขึ้นมา เหมือนเราเข้าใจที่จะทำมันมากขึ้น แล้วรู้สึกสนุกกับทุกเพลงที่จะร้องมากขึ้น เหมือนตีโจทย์แตก เมื่อก่อนเราจะร้องไปตามรูปแบบแกรมมี่...แกรมมี่ (เสียงสูง) หลังๆ เราจะตัดความเป็นแกรมมี่ออกไป แล้วเราก็ใส่ความเป็นตัวเราเข้าไปเยอะๆ มาชัดเจนหนักตอนอัลบั้มมิวสิคที่คุมร้องเองหมดเลย กับโปรดิวเซอร์ที่ช่วยกันเลือก 2 คน มันเกิดจากประสบการณ์ความยาก (หัวเราะ) ตอนนั้นก็มีความดื้อจนหยดสุดท้าย แล้วมันก็เป็นผล เพราะมันเป็นอัลบั้มที่เรารักที่สุด คือกลับมาฟังกี่ครั้งก็ไม่รู้สึกเอ๊ะ...กับตรงไหนเลย” 

 


    จากนักร้องล้านตลับ มาถึงวันนี้ที่วัดจากยอดวิวความรู้สึกต่างกันไหม
    “โบว่าความสนุกเมื่อก่อนสนุกกว่าเยอะมาก (ลากเสียงยาว) คือหนึ่งอัลบั้มที่ทำออกมาคนได้ยินหมดเลย 10 เพลง เดี๋ยวนี้ต้องทำออกมาทีละเพลงให้คนได้ยินให้ได้ แล้วพอครบ 10 แล้วค่อยมารวมอัลบั้มขาย เหมือนกลายเป็นรวมฮิต ซึ่งจริงๆ เมื่อก่อนคือหนึ่งอัลบั้ม แต่ว่าตอนนี้เรียกว่ารวมฮิต มันเป็นเรื่องของยุค ซึ่งเราทำอะไรมันไม่ได้ คือตั้งแต่ตอนที่มีเทปผีซีดีเถื่อนก่อน ตอนนั้นก็ไม่เข้าใจแล้วว่าทำไมเอาเพลงเราไปง่ายจัง เรายืนร้องตั้งนานกว่าจะทำกว่าจะคิดออกมา มันดูดไปแปบเดียวไม่กี่วินาทีได้ไปแล้ว ตอนนั้นโรกธ โบว่าทุกศิลปินโกรธหมด เพราะว่ามันง่ายเกินไป คนไม่สนใจคุณภาพในการฟัง หลังๆ ก็มาเป็นยูทูบ ก็ไม่ต้องซื้อก็ฟังฟรี เราก็ทำความเข้าใจและเริ่มชินไปกับมันเรื่อยๆ ตอนนี้เลยกลายเป็นชินชา มีคำว่าชาด้วย รู้สึกเหนื่อยแทนศิลปินในยุคนี้ เพราะคนตัดสินเร็วมาก คืออินโทรลขึ้นมา 8 วินาที บอกไม่เพราะ เดี๋ยวๆ เขาใช้เวลาทำนานนะ ร้องฟังสักฮุกหนึ่งก่อนไหม แล้วค่อยตัดสิน ทำให้เรารู้สึกว่าเราโคตโชคดีเลยที่เราเป็นศิลปินในยุคนั้น แล้วทำให้ได้อานิสงส์มาถึงตอนนี้ และก็เชื่อว่าจะยังอยู่ได้ต่อๆ ไป" 

 

    แต่มีช่วงเวลาที่หายไป ตอนหลังอัลบั้มมิวสิค
    “คือหลังจากนั้นคือท้อง ตั้งใจท้อง เหมือนกับว่าตอนนัั้นแต่งงานมา 5 ปีแล้ว คนก็ถามทุกทีว่าเมื่อไหร่จะมีลูก จริงๆ ความตั้งใจเดิมคือแต่งงานแล้วจะไม่มีลูก อันนั้นคือที่แพลนกันไว้คือจะอยู่กันสองคนไปเรื่อยๆ แต่พอวันนั้นก็มานั่งนึกว่าถ้ามีหน้าตามันจะเป็นอย่างไงน้า...าาาา  มานั่งคิดว่าจะเอาหน้าใครไป ผิวใครไป ตาใครไป มันสนุกตรงที่ว่าลูกเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่เราไม่สามารถช้อปปิ้งอะไรได้เลย เขาเลือกตัวเขาเองแล้วออกมาเป็นเขา เราไม่สามารถบอกได้เลยว่าเอาตาแม่ซิลูก เอาผิวแม่ไป ไม่ได้เลย เขาเลือกไปเองหมดเลย ออกมาครบ 32 ไหม ก็ไม่รู้นึกออกไหม คือมันลุ้นมากๆ เลย”

 

 

โลกแห่งความจริงสิ่งที่เป็นตัวตน 'โบ-สุนิตา' 

 

 

    วางแผนไว้แล้ว
    “ไม่ถึงกับวางแผน แค่คิดว่าลองไหม แล้วก็ค้นหาข้อมูลในกูเกิ้ลเลยว่า ”ทำลูก“  ดูเลยว่าทำยังไงให้ติดเร็วที่สุด (จริงเหรอ) จริง มันก็จะมีวิธีขึ้นมา เราก็ลองทำ สรุปติดจริงว่ะ มาเลยในเดือนเดียว แม่พันธุ์มาก (หัวเราะ) เราก็พยายามบอกหลายๆ คนที่เขามีลูกยาก ก็พยายามบอกวิธีเขาไปว่าเราค้นหาแล้วไปเจออันนี้มา แล้วเราทำแล้วมันติด” 

 

    คิดจะทิ้งวงการเพลงไหม
    “ไม่เคยคิดจนกว่าจะไม่มีแรงร้อง นี่คือสิ่งที่คิดตั้งแต่ตอนเข้าวงการ จนตอนนี้ก็ยังคิดแบบนี้อยู่ นี่คืออาชีพเดียวที่โบทำ แล้วก็ไม่เคยมีอาชีพอื่นเสริมใดๆ ทั้งสิ้น เพราะว่านอกจากร้องเพลงไม่รู้จะทำอะไร ทำไม่เป็น มันเลยกลายเป็นว่าร้องเพลงอย่างเดียว คือมีช่วงที่งอนตอนมีเทปผีซีดีเถื่อน แต่ไม่เคยคิดจะทิ้งการร้องเพลง เพราะว่ามันไม่ใช่เราเจอคนเดียว นักร้องเจอกันหมด คือถ้าเราเจอคนเดียวคงเลิกเป็นนักร้องอ่ะ แต่ไม่ใช่ไงทั้งวงการเจอกันหมด เพราะฉะนั้นมูฟออนไปต่อจ้า” 

 

    มุ่งมั่นกับการจะเป็นนักร้องตลอดชีวิต
    “เราชอบการร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก แล้วเราก็มีความุ่งมั่นว่าอายุ 18 ปี ฉันจะมาเป็นนักร้อง ก็ได้เป็นจริงๆ คือตั้งแต่อนุบาลคิดฝันอย่างเดียวคือการเป็นนักร้อง เป็นความฝันหนึ่งเดียวมาตลอดชีวิต”

 

 

โลกแห่งความจริงสิ่งที่เป็นตัวตน 'โบ-สุนิตา' 

 

 

 

 


    @@ ชีวิตหลังวางไมค์
    พอมีลูกก็ทุ่มเทกับความเป็นแม่มาก
    "คือตอนท้องก็กะว่าจะรับงานปกติ แต่กลายเป็นว่าไม่ได้ เชื่อไหมตอนท้องโบไม่แพ้อะไรเลยนะ ชนะทุกอย่าง กินอะไรอร่อยปกติ น้ำหนักก็ไม่ได้ขึ้นจนเกินไป แต่กลายเป็นว่าพูดนิดหนึ่งหอบ เลยกลายเป็นว่าร้องเพลงไม่ไหว อยู่บ้านแล้วกัน ทำให้ช่วงท้องเลยไม่ได้รับงานไม่ได้อะไร บวกกับว่าพอมีน้องออกมาก็ไม่มีพี่เลี้ยง เลี้ยงกันเองกับคุณยาย แล้วคุณเล็ก (ฝันเด่น จรรยาธนากร) ก็ทำงานเป็นหลักของบ้าน มันก็ดูเหมือนหายไปเลย จนตอนนี้ลูกสาวอายุ 10 ขวบแล้ว"

 


    ความเป็นแม่ของโบเป็นยังไง
    “ชิลๆ สบายๆ เป็นแม่ที่ทำตัวเป็นเพื่อนลูก เราไม่วางกรอบให้ลูก อยากให้ลูกเป็นตัวเองสูง ปล่อยเป็นธรรมชาติเขา แต่สิ่งหนึ่งที่จะสอนเขาคือกาละเทศะเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่างที่บอกว่าเราเลี้ยงเขาแบบสบายๆ แบบเป็นเพื่อน ตอนนี้พอมีอะไรลูกกล้าเล่าให้ฟังหมดเลย อย่างเขาก็จะมาเล่าว่าแม่หนูมีเรื่องจะบอก เราก็ฟังโดยเตรียมใจว่าอาจจะมีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย แต่เราจะไม่ตัดสินอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเราก็คิดว่าถ้ามีเรื่องร้ายเราจะบอกลูกยังไง โดยที่เรายังใช้เสียงปกติ ไม่ใช่เสียงสองเสียงสาม เราจะไม่เล่นใหญ่ ก็คือเราก็จะให้เขาคิดว่า ถ้าเขาเจอเหตุการณ์แบบนั้น แบบนี้เขาจะทำยังไง เราก็ดูมุมมองลูก หลอกถามไปเรื่อยๆ”

 

 

    คนมองว่าโบนิ่งจะเลี้ยงลูกดุหรือเปล่า
    “เมื่อก่อนเคยดุ แต่ใช้ไม่ได้ผลกับฮานิ ฮานิเป็นเด็กแบบว่าดุ แล้วตีแล้ว เขาเคยบอกเราว่าแม่อย่าตีเลย มันแค่คันเดี๋ยวก็หาย (หัวเราะ) เจ็บๆ คันๆ เดี๋ยวก็หาย เราก็เลยรู้ว่าวิธีนี้ใช้ไม่ได้กับฮานิ กับฮานิก็จะใช้วิธีแบบว่ากักบริเวณอยู่ตรงนี้ ไม่ให้อยู่ในโซนบันเทิง ไม่มีทีวี ไม่มีมือถือ ไม่มีอะไรให้ระบายสี ไม่มีกิจกรรมให้นางทำนอกจากนั่งรอ ซึ่งมันได้ผลกับฮานิ เราก็จะบอกว่าเขาว่าให้เขานั่งสำนึกไปว่าทำไมเขาต้องไปอยู่แบบนั้น”

 

 

    ระหว่างโบกับเล็กใครดุกว่ากัน
    “โบ (หัวเราะ) เพราะว่าโบอยู่กับลูกมากกว่า คุณเล็กเขาจะทำงานเป็นหลักไง มันเลยว่าเขาเห็นเราเป็นเพื่อนในขนาดเดียวกันก็กลัวเราด้วย”

 

    มีเรื่องที่ซีเรียสในการสอนลูกไหม
    “ห้ามตัดสินคนจากภายนอกเด็ดขาด จะเป็นเรื่องที่ขอ โบบอกเขาเลยว่าอาชีพแม่ต้องไปเจอคนเยอะมาก พยายามเอาลูกมาหลังเวที เขาก็จะมีคำถามเวลาเจอใคร อย่างเขาเจอน้องช่างแต่งหน้าทำผมสไตล์ลิส เขาก็จะมีมาบอกว่า แม่เขาไม่ใช่ผู้ชายนะแม่ เป็นกะเทย โบก็จะถามเขาเลยว่า เป็นกะเทยไม่ดีตรงไหน แล้วเล่าให้ลูกฟังทั้งหมดเลยว่าโลกเรามีเพศอะไรบ้าง ลูกเข้าใจเรื่องทอมดี้ ลูกเข้าใจเรื่องผู้ชายรักผู้ชาย และไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะเราเล่าให้ลูกฟังว่านี่มันเป็นธรรมชาติของโลกเรา เมื่อก่อนมันมีแค่ผู้ชายกับผู้หญิงคนเข้าใจแบบนั้น แต่จริงๆ มันมีมากกว่านั้น คนเพิ่งมารู้ลูก (หัวเราะ) เล่าเป็นนิทาน เขาก็จะเข้าใจ”

 

 

โลกแห่งความจริงสิ่งที่เป็นตัวตน 'โบ-สุนิตา' 

 

 

    เหตุผลที่สอนลูกแบบนี้เพราะว่าอะไร
    “เพราะว่าสมัยนี้คนมีการเหยียดกันเยอะ คือสุดท้ายแล้ว เรียนหนังสือให้ตาย ทำอะไรให้ตาย สุดท้ายคุณก็ต้องมาอยู่กับคน มาอยู่ในสังคม สุดท้ายก็ต้องมาสู้กับคน ไม่ว่าคุณจะมีความคิดบวกคิดลบมาสู้กับคน สุดท้ายคุณก็ต้องรับให้ไหว เราก็ให้เขาชินกับเรื่องนี้ไป”

 


    และในมุมภรรยาที่มีสามีเป็นอาสาล่ะ
    “ต้องเปิดใจมากๆ (หัวเราะ) นี่ก็ไปจังหวัดไหนไม่รู้ ต้องเล่าย้อนเหตุการณ์ก่อนว่าตอนที่เป็นแฟนกันก็เห็นว่าเขาไปร่วมกตัญญู ตอนนั้นยังอยู่ร่วมกตัญญู ยังไม่ได้มาทำใจถึงใจ ก็ทำเป็นปกติ เหตุการณ์ที่มันใหญ่มากๆ คือสึนามิ ตอนสึนามิเกิดตอนสิ้นปีของพ.ศ.อะไรสักอย่าง ซึ่งโบกำลังจะแต่งงานตอน 17 ม.ค. เหมือนทหารกำลังจะออกไปรบ ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาหรือเปล่า เล็กเขาก็มาขอไป โบก็ถามเขาว่ายังจะขอไปอีกหรือ จะแต่งงานแล้วนะ เธอจะกลับมาไหม จะเอาตัวรอดได้ไหม แต่คือเล็กเขาไป แล้วเขาก็ภูมิใจที่เขาได้ไป เขาก็กลับมาเล่าทั้งน้ำตาเลยนะว่าที่เราเห็นในข่าวมันเทียบไม่ได้เลย คนตายนอนกันเกลื่อน เห็นคนถือแหวน ถือรูปเพื่อไปตามคนที่รัก มันเศร้า เขามาเล่า แล้วสุดท้ายเขาไปอีกรอบหนึ่ง โบก็ให้เขาไป เพราะเราเห็นแล้วว่าเขาอิน เห็นแล้วว่าเป็นความอยากช่วยจากใจเขาจริงๆ เพราะโบบอกเขาเลยว่า ถ้าทำงานเป็นอาสาเพื่อมาทำเพื่ออยากเป็นข่าว มาเอาหน้า ฉันด่าเธอคนแรกนะ เพราะว่าอย่างที่บอกว่าเราเป็นคนจริง เราไม่ใช่คนที่มานั่งประดิษฐ์อะไรกับใคร คนที่จะด่าเธอคือฉันคนแรก เพราะฉะนั้นห้ามทำอะไรเพื่อเอาหน้าเด็ดขาด ไม่ต้องรอให้สังคมด่า ฉันด่าก่อนเลย ฉันด่าเสียหายด้วย โบไม่ชอบเรื่องประดิษฐ์คุณเป็นมนุษย์ คุณอย่าเป็นดาราตลอดเวลาได้ไหม ฉันไม่ชอบ ไม่ต้องวงการมายาใส่กัน แต่คือเขาไปเพราะเขาอยากช่วยจริงๆ ทั้งเล็กทั้งใหญ่ (ฝันดี จรรยาธนากร) เลย สองคนนี้นะ โบโคตรนับถือใจเขาเลย เขาเกิดมาเพื่อทำอาสา และเขาไม่เคยเอาเงินใครสักสลึงเดียว ไม่เคยมีการโกงขึ้นให้เห็นสักครั้งเดียว ถ้าโกงโบด่าก่อน ไม่ต้องถึงคนอื่น”

 


    แสดงความชื่นชมในตัวสามีเรามาก
    “ทึ่ง เขาเป็นคนมีความอดทนในการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มันไม่ได้สบายนะ อย่างเวลาไปช่วยอย่างตอนที่ไปถ้ำหลวง ก็ไปนอนในอาคารโรงเรียน ไปนอนพื้น เขาไม่ได้อยู่สบาย ไม่ได้อาบน้ำครบตามเวลาที่อยู่บ้าน กินอยู่ก็ลำบาก ถามว่าเป็นห่วงไหมก็เป็นห่วง แต่รู้ว่าเขาไปเป็นทีม แล้วทีมเขารักกัน เพราะฉะนั้นเขาช่วยกันอยู่แล้ว แต่ว่ากลับมาก็มีบ้างบาดแผล รอยปีนเขา หรือเหวอะตรงนั้น ก็รักษาพยาบาลกันไป ถามกลัวไหมเขาจะป่วยติดเชื้อ ก็กลัวแหละ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะเวลาผู้ชายจะไป สุดท้ายก็บอกแค่ว่าดูแลตัวเองนะ มีเมียมีลูกอยู่ตรงนี้ อยู่ที่บ้าน (หัวเราะ)”

 

    “น้องฮานิ” ลูกสาวเข้าใจไหม ที่พ่อไปทำตรงนี้
    “ลูกเข้าใจ แต่ก็มีบ้างที่ว่า ทำไมป๊าไปอีกแล้ว อยากให้ป๊าอยู่บ้าน ก็มีเหมือนกัน อย่างล่าสุดก็มีบ่นว่า ทำไมป๊าดูไม่ห่วงหนูเลย หนูไข้ขึ้นเนี่ย (หัวเราะ) เราก็บอกเขาว่าตรงที่ป๊าไปคนเดือดร้อนกว่า ของหนู ป๊ามองว่าหนูมียาย มีแม่ดูแลอยู่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็มีแม่กับยาย มีตั้งสองคนนะลูก แต่คนตรงนั้นเขาเดือดร้อน เขาลำบากกว่า ป๊ะป๊าเขาไปช่วยคนอยู่ ก็พยายามอธิบาย”

 

    เวลาดูข่าวเห็นเหตุการณ์มีกังวลไหม
    “ก็มี ส่วนใหญ่เราจะดูในไลฟ์เขาที่เขาลง ว่าเป็นยังไง สถานการณ์เป็นยังไง ก็มีโทรหากันบ้าง อะไรบ้าง บางทีก็มีติดต่อได้ และติดต่อไม่ได้บ้าง เราไม่ได้เป็นสายจิก เพราะเรารู้ว่าเวลาเขาไปทำงานตรงนั้นบางที่ไม่มีสัญญาณ สัญญาณมันล่ม มันเข้าไม่ถึง แต่เมื่อมีสัญญาณ หรือติดต่อได้ เขาจะโทรกลับมาเอง ก็จะบอกกันอย่างนี้ตลอด ถามว่าทำไมเข้าใจ เรียกว่าต้องเข้าใจ เพราะว่าเขารักตรงนี้”

 

    สุดท้ายแล้วลูกรู้ไหมว่า พ่อกับแม่เป็นคนดังมาก
    “เขารู้ เขาเข้าใจว่าเขาเป็นดารา เพราะว่าเขาเป็นลูกดารา (หัวเราะ) เราก็บอกว่าเขาว่าไม่ใช่ฮานิ เดี๋ยวก่อนๆ ตอนอนุบาลเขาเข้าโรงเรียนไปแบบว่า เขาคือดารา เราต้องบอกว่าไม่ใช่จะลูก แล้วเข้าใจไหมว่าเวลาคนเห็นเราจูงลูกมา ฮานิก็จะมาบอกแหละ แม่ๆ เมื่อกี้เขาขอถ่ายรูปหนูด้วย เขาก็จะมีความแบบว่าเขาเป็นซุปตาร์ (หัวเราะ) เราก็จะบอกเขาว่าไม่ใช่ หนูเข้าใจผิด หนูเป็นลูกแม่กับพ่อ เขาเลยเอ็นดูหนู เขาเลยมาขอถ่ายรูป หลังๆ โบลงคลิปนางร้องเพลง ก็จะมีคนมาเป็นแฟนคลับมากขึ้น วันก่อนเดินห้างอยู่แล้วมีคนเข้ามาแล้วทักเขาว่า ”น้องฮานิ“ นี่ก็ได้ใจใหญ่เลย เดินมาบอกว่า ”แม่ เขาทักหนูไม่ทักแม่นะ แม่เห็นใช่ไหม“ (หัวเราะ) อะไรอย่างนี้ ฮานิมันก็จะมีความ (หัวเราะ) มันก็ได้ของมัน มุขของมันได้จริงๆ (หัวเราะ)”

 


    ความตลกได้ใครมา ได้แม่หรือพ่อ
    “ได้แม่ ความตลก ทุกวันนี้ขอเคลียร์นะ ลูกได้ความตลกจากแม่ พ่อเป็นคนซีเรียสขรึมๆ พวกเอนเตอร์เทนเนอร์ พวกคนตลกหน้าทีวี คุณสังเกตได้เลยว่าร้อยทั้งร้อยกลับบ้านมาจะขรึมอยู่กับตัวเอง จะคุยเยอะตอนไลฟ์ พูดอยู่คนเดียว เพ้อ (หัวเราะ) แต่ลูกเนี่ย แม่เอนเตอร์เทน ยายเอนเตอร์เทน สังเกตลงคลิปเล่นกับยายขำ เล่นกับแม่ขำ แม่ล้วนๆ นะจ๊ะ แม่ตัวดีเลย เราดูว่าเป็นคนคุยน้อย แต่จริงๆ คุยเยอะ คุณเล็กดูเป็นพูดเยอะ แต่เป็นคนพูดไม่เยอะ เขาจะพูดเยอะในเรื่องที่เขาสนใจ อย่างเช่นเรื่องกู้ภัย เรื่องอุปกรณ์จะอยู่ในกลุ่มเขา”

 


    เขามีปลูกฝังลูกเรื่องกู้ภัยอะไรไหม
    “ลูกก็มีสนใจ อย่างเขาก็เคยบอกว่า ป๊ะป๋าถ้าป๊ะป๋าไปแจกของแล้วหนูไปได้ เอาหนูไปด้วยนะ อยากไปด้วย เราก็ไม่ได้ห้าม แต่ก็ดูพื้นที่ด้วยว่าไปแล้วลำบากไหม ห้องน้ำห้องท่า ลูกเราเป็นเด็กผู้หญิงไง ไม่เหมือนเด็กผู้ชาย ถ้าไปแล้วไปเป็นภาระ ก็อย่าไปเลย เอาไว้เป็นงานบุญ งานอะไรใกล้ๆ ค่อยไปดีกว่า” 
 
    อีกมุมที่คนอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับ "โบ" สุนิตา 

 

 

 

โลกแห่งความจริงสิ่งที่เป็นตัวตน 'โบ-สุนิตา' 

 

 

โลกแห่งความจริงสิ่งที่เป็นตัวตน 'โบ-สุนิตา' 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ