'ปู-พงษ์สิทธิ์' ศิลปินด้วยจิตวิญญาณ

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก -  ใกล้ถึงวันแสดงคอนเสิร์ต “คำภีร์ Black • White ร็อกสุดขั้ว รักสุดใจ” ของศิลปินเพื่อชีวิตชื่อดัง “ปู” พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ซึ่งเป็นการจัดคอนเสิร์ตสองรอบสองวัน สองรูปแบบที่แตกต่างกันแบบสุดขั้ว โดยนักร้องหนุ่มเล่าให้ฟังว่าคอนเสิร์ตวันที่ 21 กันยายน จะเป็นคอนเสิร์ต คำภีร์ WHITE รักสุดใจ ส่วนสายร็อกไปมันในวันที่ 22 กันยายน กับคอนเสิร์ต คำภีร์ BLACK ร็อกสุดขั้ว ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี
 

    พร้อมประกาศแขกรับเชิญที่จะมาทำให้การแสดงมีสีสันมากขึ้น ซึ่งวันของเพลงรักได้ดีว่าสาวเบอร์ต้นๆ อย่าง  “แก้ม" วิชญาณี มาขึ้นแสดงร่วมกันกับ "ปู" พงษ์สิทธิ์ เป็นครั้งแรก ขณะที่วันร็อกสุดขั้วจะได้หนุ่มร็อกมาดเข้ม “แบงค์ วงแคลช” ซึ่งมาแจมร่วมกันเป็นครั้งแรกเช่นกัน

    “คอนเสิร์ตมี 2 วันชื่อคอนเสิร์ต คำภีร์ แบล็ค-ไวท์ ร็อกสุดขั้ว รักสุดใจ ก็แยกกันเลย วันแรกเป็นรักสุดใจ ประมาณนั่งฟังสบายๆ เป็นหลัก มีวงออร์เคสตรามาเล่นด้วย แต่ร็อกคือวันที่สอง ร็อกสุดขั้ว ถามว่าเหนื่อยไหมเพราะว่ากลายเป็นสองคอนเสิร์ต มันก็เหนื่อยหน่อย แต่เป็นเสียงจากแฟนเพลง บางคนเขาก็ไม่อยากอึกทึกคึกโครมมาก แต่บางคนเขาก็ชอบ เลยหารือกัน เลยทำแยกวันกันเลย แต่ไม่ถึงกับว่าวันแรกที่เป็นรักสุดใจจะไม่มีเพลงสนุกๆ เลย วันที่เป็นร็อกสุดขั้วก็มีสุดส่วนเพลงช้าน้อยหน่อย”

 

 

 

    เหมือนจัด 2 คอนเสิร์ตเพราะแยกทุกอย่าง แต่วันติดกัน สำหรับคนแสดงไหวไหม
    “ในส่วนของเรา เราก็อยากจะแสดงแหละ ถามว่าเหนื่อยไหม มันเหนื่อยแหละ แต่ถ้าแฟนเพลงต้องการเราก็ทำได้ เรื่องการทำการบ้านหนักน่าจะเป็นรอบรักสุดใจ เพราะว่ามีออร์เคสตรา มีนักดนตรีหลายๆ สิบชีวิตมาเล่นกับเรา เลยต้องแชร์กัน ซึ่งเราไม่ได้เล่นกับวงออร์เคสตรามานานแล้ว หลังสุดคือเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วเล่นกับพี่หงา คาราวาน และพี่แอ๊ด คาราบาว ที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์นานมาก ที่เราอยากเอาวงออร์เคสตรากลับมาเล่นด้วยกันอีก เพราะว่าเราอยากให้เพลงมันดีขึ้น เมื่อ 20 ปีที่แล้วที่เราเล่น เล่นกับวงออร์เคสตราต่างประเทศ เป็นนักดนตรีต่างประเทศทั้งหมดเลย แต่ครั้งนี้เราเลือกวงออร์เคสตราของมหิดลมาแสดงร่วมกัน”

    มีการเช็กกระแสตอบรับจากแฟนๆ บ้างไหม
    “มีดูในเฟซบุ๊กบ้าง แต่ต้องเอามือถือของคนอื่นดูนะ เพราะว่ามือถือเราไม่สามารถเล่นได้ มือถือเราเป็นรุ่นเก่าที่ทำได้แค่โทรเข้าโทรออก ส่งข้อความทาง SMS ได้เท่านั้น ถ่ายรูปยังไม่ชัดเลย (หัวเราะ) แต่ทุกคนรอบตัวเรามีมือถือแบบที่ถ่ายรูปได้ เข้าดูอะไรก็ได้ ก็ไปใช้ของเขาเวลาอยากดู (ทำไมไม่เปลี่ยนมือถือให้ทันสมัยมากขึ้น) ไม่เอา ไม่อยากคุยกับใคร (ยิ้ม) คิดถึงใครก็โทรหา อยากฟังเสียง (ยิ้ม)”

 

 

 

    มาถึงคอนเสิร์ต “คำภีร์ BLACK ร็อกสุดขั้ว” บ้าง
    “คอนเสิร์ตนี้คงหนักในเรื่องของแรง วันที่สองกะเล่นเอามัน (หัวเราะ) คือเป็นคอนเสิร์ตสองวันที่ขาวดำเลย ต่างกันเลย ถือว่าปีหนึ่งทำเพื่อแฟนเพลง”

 

    เป็นศิลปินที่ขึ้นคอนเสิร์ตเยอะมาก 
    “เราทำคนเดียวไม่ได้หรอก ยิ่งอย่างเราที่เล่นทุกวัน ย้ายจังหวัด เราเอาตัวขึ้นรถแล้วก็หลับ ตื่นขึ้นมาก็จ่อหลังเวทีแล้ว มันต้องมีคนช่วยคิดด้วย เพราะเราเล่นคอนเสิร์ตทุกวัน คนจำนวนมากก็ไปดูเราอยู่แล้ว พอเป็นคอนเสิร์ตใหญ่เราจัดปีละครั้งก็เลยอยากทำอะไรที่มันดีๆ ให้คนฟังได้เห็นอะไรที่ดีขึ้นมากกว่าที่เราเล่นตามผับ ทำให้ทีมงานก็ต้องคิดเยอะขึ้น”

 

 

 

 

    เคยหมดไฟในการเล่นคอนเสิร์ตไหม เล่นแทบทุกวัน
    “ไม่เคยเบื่อเล่นเลย แต่วัยมันมากขึ้นก็มีเหนื่อยเรื่องของการเดินทาง เวลานอน แต่ไม่เคยมีอารมณ์ว่ารู้สึกจำเจ ทำแบบนี้ทุกวัน หรืออารมณ์ติสต์เบื่อไปพักผ่อนต่างประเทศ ไม่มีเลย ไม่เคยคิดถึงตรงนั้นเลยมาตลอด 32 ปี ไม่คิดไปทำเท่เดินอยู่อังกฤษ ไม่มี เดินสยามก็ได้ (เคยเดินสยามไหม) ไม่อะ (หัวเราะ) คือเคยไปเดินเพราะไปทำธุระ แต่เรื่องที่จะต้องไปเติมเชื้อไฟไปหาแรงบันดาลใจ ไม่มี ไฟเรามีเต็มตัว (หัวเราะ)”

 

    มีวิธีเติมพลังตัวเองยังไง
    “ผมไม่มีปัญหาเรื่องนั้น กลับบ้านเจอลูก นั่งคุยกัน นั่งหยอกกัน อยู่กับเพื่อน นั่งสังสรรค์ ก็มีไฟแล้ว แค่นั้นเราก็มีความสุข แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ไม่เคยมองว่าจุดสิ้นสุดของเราในการยืนอยู่ตรงนี้มันอยู่ตรงไหน เพราะเราทำเป็นอย่างเดียวคือการเป็นนักดนตรี ถ้าเกษียณก็คือเรามีปัญหาเรื่องสุขภาพ ไม่ใช่เพราะว่าหมดไฟ เพราะว่าในความคิดเรา ถ้าวันไหนไม่ได้เล่นคงเฉา มันไม่ใช่เรื่องของเงินแล้ว แต่คิดว่าการเล่นดนตรี การทำเพลงที่ทำอยู่ทุกวันนี้คือการต่อชีวิตเรา เราไม่ได้เล่นเพราะมันเป็นอาชีพที่ทำรายได้”

    เป็นศิลปินด้วยจิตวิญญาณจริงๆ