บันเทิง

เปิดสัมผัสรักจาก 'คุณแม่ต้นหอม-ลูกปกป้อง'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดใจการเป็นแม่ของ "ต้นหอม" ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ ที่มีต่อลูกชาย "น้องปกป้อง"

 


    ทีมบันเทิง คมชัดลึก -  วันแม่ปีนี้คุณแม่คุณลูกหลายคู่ต่างมีเรื่องราวที่อยากสื่อความในใจถึงกันและกันมากมาย “บันเทิงคม ชัด ลึก” ก็มีอีกหนึ่งเรื่องราวของแม่ลูกดาราคู่หนึ่งที่บ่มเพาะความรักความผูกพันจากความใกล้ชิด ที่ถึงจะไม่ได้คลอดออกมาด้วยตัวเอง แต่ความเป็นแม่ของ “ดีเจต้นหอม” ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ ที่มีต่อลูกชาย “น้องปกป้อง” ก็ไม่แพ้คุณแม่คนไหนๆ 

 

    @@ ปีแรกของการได้เป็นแม่ 
    ความรู้สึกของการเป็นแม่

    “หอมว่าน่าจะเหมือนแม่คนอื่นๆ เพราะเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความห่วงใย และความรักมันเพิ่มขึ้นทุกวันๆ แรกๆ เรายังมีความรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่อยู่ หลังๆ เราทำไปด้วยความรักแล้ว”

    ทำไมตอนนั้นถึงตัดสินใจที่จะเป็นแม่ให้ “ปกป้อง”
    "ตอนย้อนกลับไปว่า เราเองอยากมีลูกตั้งนานแล้ว อยากมีลูกตั้งแต่เด็กเลย ตั้งแต่ยังเรียนอยู่เลย คืออยากมีลูก โชคดีที่ตอนนั้นขี้เหร่เลยไม่มีผัว (หัวเราะ) แต่ยังมีเป้าหมายว่าต้องเรียนให้จบก่อน รู้หน้าที่ตัวเอง แต่คือตอนเด็กๆ อยากมีมากๆ และก็อยากมีมาตลอด พออายุ 30 กว่าก็คิดว่าคงไม่น่าจะมีแล้วมั้งก็ถอดใจอยู่ๆ ก็อยากมีอีก เคยไปบ้านเด็กอ่อนแล้วไปดูๆ

 

 

 


       อ๋อรู้แล้วที่วันหนึ่งเราอยากจะมีลูกขึ้นมา เพราะเรามีเงิน รู้สึกว่ามีความพร้อมทั้งหน้าที่การงาน มีบ้าน แล้วเรารู้สึกว่าเราเริ่มสร้างครอบครัว รู้สึกสามารถเอาเงินส่วนหนึ่งไปดูแลเด็กได้เลยคิดว่าอยากมี ตอนนั้นก็รู้สึกอยากมี เลยไปดูเด็กตามบ้านเด็กอ่อน แต่ความรู้สึกมันไม่อิน เราช่วยเหลือน้องเขา ช่วยเหลือได้ แต่จะให้รับมาเป็นลูกเลยเรายังไม่อินขนาดนั้น อาจจะเพราะเรายังไม่พบใครที่ถูกชะตา จนมาวันหนึ่งที่เรารู้ว่าน้องสะใภ้ท้อง แล้วมันเกิดเหตุการณ์ที่เหมือนเขาจะแท้งอยู่แล้ว  แม่เขามั่นใจว่าปกป้องแท้งแน่นอนแล้ว เขาคิดว่าจะเอาออกคือที่เขาจะเอาออกเพราะเขาคิดว่าลูกเขาตายแล้ว อย่าเข้าใจผิดว่าน้องสะใภ้จะทำแท้ง คือไม่ใช่ แล้วน้องชายเขาก็บอกกับแฟนเขาว่าให้ถามพี่ก่อนเพราะเขารู้ว่าเราอยากมีลูก น้องชายเขาอยากให้เรามีโมเมนต์ของการเป็นแม่เพราะเขารู้ และเขาก็รู้สึกว่าถ้าเกิดปกป้องรอดจริงๆ แล้วเขากลายมาเป็นลูกเรา มันมีแต่ดีกับดีคือเราได้เป็นแม่อย่างที่เราอยากจะเป็นมาตลอด และเขารู้ว่าลูกเขาจะอยู่ในจุดที่ดี น้องชายเลยไปขอแฟนเขาว่าขอรอดูอีกหน่อยได้ไหม

 

 

เปิดสัมผัสรักจาก 'คุณแม่ต้นหอม-ลูกปกป้อง'

 

เปิดสัมผัสรักจาก 'คุณแม่ต้นหอม-ลูกปกป้อง'

 

 

 


    ขอเล่าย้อนกลับไปนิดหนึ่งว่าก่อนหน้านั้นน้องสะใภ้ไม่รู้ว่าตัวเองท้อง คิดว่าตัวเองอ้วนเพราะเขาเป็นคนติดลูกยากมาก แล้วเขาเอาอาหารเสริมลดความอ้วนของเราไปกิน ซึ่งอาหารเสริมลดความอ้วนมันทำหน้าที่คือทำให้กินน้อยเพราะฉะนั้นพอกินน้อยปุ๊บร่างกายเอาทั้งหมดไปเลี้ยงแม่ ตลอดระยะเวลามาทำให้ลูกไม่เคยได้รับสารอาหารเลย ฉะนั้นร่างกายเลยจะทำการขับเด็กออกโดยการปล่อยให้มีเลือดไหลก็คือลอกผนังมดลูกออกทุกวันๆ ซึ่งเขาคิดว่าประจำเดือนมาเขาเลยไปหาหมอ คุณหมอแจ้งว่ามีเด็กอยู่ในนี้นะ แต่คุณหมอไม่สามารถตอบได้ว่าเด็กยังมีชีวิตรอดไหม เพราะตลอดระยะเวลาเขาไม่เคยได้รับอาหารเลย ซึ่งตัวแม่เขารู้สึกว่ายังไงก็ไม่รอด เพราะเขายังใช้ชีวิตปกติ ยังไปเที่ยวไปปาร์ตี้กับเพื่อนอยู่ เขาไม่ได้ดูแลตัวเองเลย เพราะตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าเขาท้อง เขาเลยคิดว่าเขาจะเอาออกเลย แต่ด้วยความที่น้องชายขอไว้และคุณหมอบอกว่าอีก 3 สัปดาห์ให้เขากลับมาดู ซึ่งพอกลับมาดูเขาก็ยังนิ่งอยู่ซึ่งตอนนั้นทุกคนคิดแล้วว่ายังไงก็ไม่รอดแค่จะหลุดมาวันไหนก็เท่านั้นเอง

 

 


    แต่เรากลับมีความรู้สึกว่าเขายังอยู่เราก็บอกเขาว่าเราขอดูไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมั่นใจ 100% ว่าเขาไม่รอดจริงๆ คุณหมอก็ขอรอดูอีก 3 สัปดาห์ ซึ่งตอนนั้นเราสวดมนต์ทุกวันเลย สวดมนต์ให้เขารอด อยากให้เขามาเป็นลูกเรา ขอให้เขาปลอดภัย แล้วปรากฏว่าท้องน้องสะใภ้เริ่มโตขึ้น โดยมีการเจริญเติบโตเพราะหลังจากที่น้องสะใภ้รู้ว่าตั้งท้องและจะเอาเด็กไว้เขาก็ดูแลตัวเองอย่างดีทำให้ร่างกายเริ่มมีการตอบสนอง แต่เมื่อเขาเริ่มเจริญเติบโตก็เช็กว่าเขาได้รับผลกระทบจากอาหารเสริมของเราไปมากแค่ไหน แต่ด้วยอาหารเสริมของเราไม่ได้มีเคมีที่เป็นอันตราย พอมาถึง 4 เดือนคุณหมอตรวจแล้วก็แจ้งว่าอวัยวะครบโคโมโซมครบคือเขาเป็นเด็กปกติ
    ซึ่งตอนนั้นเราเลยตัดสินใจว่าเอาล่ะเขาคงจะมาเป็นลูกให้เรา ก็เริ่มดูแลกันมาตั้งแต่ตอนนั้น พอน้องคลอดออกเราตื่นเต้นนะ แต่เราตื่นเต้นไม่เท่าแม่เขาหรอกเพราะเราก็ต้องยอมรับว่าเราเองไม่ได้อุ้มท้องเขามา 9 เดือน ในตอนนั้นความรู้สึกคือเราดีใจตื่นเต้นแต่ก็ยังไม่เหมือนคนเป็นแม่ 100%"

 

 

เปิดสัมผัสรักจาก 'คุณแม่ต้นหอม-ลูกปกป้อง'

 

 

 

    @@ คนที่รอคอย
    ทำไมถึงรู้สึกว่า “ปกป้อง” ใช่สำหรับเรา

    “อาจจะเพราะว่าเขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา เพราะเราเป็นคนรักน้องชายมาก แล้วหลานที่เกิดจากน้องชายเราก็รักมาก ตอนแรกที่เราเล่าว่าเรายังไม่รู้สึกเหมือนคนเป็นแม่ 100% แต่พอเราได้มาเลี้ยงปกป้องเราเลี้ยงเขาอยู่กับเขาทุกวันๆ เราให้ความรู้สึกให้ความรักให้ทุกอย่างเหมือนเขาเป็นลูกเราเลย ทำทุกอย่างในหน้าที่ของคนเป็นแม่ มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกแต่เราต้องทำให้พ่อแม่เขาได้เห็นว่าเรามีศักยภาพพอที่จะรับผิดชอบลูกเขาได้ แต่เราไม่เคยปิดกั้นพ่อแม่ลูกเขา พ่อแม่เขาให้สิทธิ์ในการตัดสินใจในชีวิตปกป้องกับเราทั้งหมดก็จริงแต่แม่เขาคือคนที่อุ้มท้องมา 9 เดือน”

 


    ที่บอกว่าทำหน้าที่แม่ร้อยเปอร์เซ็นต์คือยังไง
    “ตั้งแต่ปกป้องคลอดออกมา เราเป็นคนเลี้ยงปกป้อง พ่อแม่เขาไม่ได้เลี้ยง แม่เขาก็จะปั๊มนมแล้วเอามาให้เรานอกนั้นเป็นเราทำทั้งหมด”
    ตอนเด็กๆ อยากมีลูกพอตอนนี้เรามีแล้วความรู้สึกแตกต่างกันไหม
    “ตอนเด็กๆ ที่เราอยากมีลูกอารมณ์คือเราอยากมีเพื่อนเล่นแค่นั้น รู้สึกว่าถ้ามีเพื่อนเล่นคงสนุกดี ในตอนนั้นคือคิดแค่นี้ แต่ในภาวะตอนนั้นเราไม่มีศักยภาพพอที่จะเลี้ยงลูกได้ เพราะเราไม่รู้ว่าเด็กออกมาจะต้องเลี้ยงดูยังไง ไม่ใช่ออกมาแล้ววิ่งได้เลย พอเราโตมาปุ๊บแล้วมีปกป้องเรารู้เลยว่าต่างกันราวฟ้ากับเหว ภาพที่เราเห็นเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่มีลูกแล้วลงในไอจี อย่าง เรซซิ่ง (ลูกแพท) อลิน-อลัน (ลูกโอปอล์) เรารู้สึกว่าสนุกดีนะ แต่พอเราได้มาเลี้ยงปกป้องจริงๆ รู้เลยว่าไม่ได้สนุกขนาดนั้น เด็กจะต้องตื่นทุกๆ 3 ชั่วโมง ถ้าเขาไม่ตื่นก็ต้องปลุกเขาให้ตื่นมากินนม เดือนแรกเป็นช่วงนรกสำหรับเรามาก ตอนนั้นถามตัวเองเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต เราจะบริหารชีวิตเรายังไงคือชีวิตรวนไปหมด จำได้ว่าตอนนั้นมีอีเวนท์แล้วต้องสัมภาษณ์นักข่าวเรื่องคดีความ พอกลับมาฟังสัมภาษณ์ตัวเองรู้สึกเลยว่าเราพูดอะไรออกไป รู้สึกว่าเราสัมภาษณ์ไม่ค่อยดีเพราะตอนนั้นเราเบลอมาก พอมาถึงเดือนที่ 2 เหมือนเข้าสู่เดือนแห่งการปรับตัว พอเดือนที่ 3 ปรับตัวได้และลงตัว พอเดือนที่ 4 น้องเขาก็มีพัฒนาการและทำให้เราอยู่กันได้ง่ายขึ้น”

 

 

    อะไรที่ทำให้เรารู้สึกถึงความเป็นแม่ได้ชัดเจนมากขึ้น
    “ความอ่อนโยน เอาจริงๆ เป็นคนดีเลย (เปลี่ยนตัวเองไปเลย) พอมีปกป้องชีวิตเปลี่ยนไปเลย ดูเหมือนเป็นคนดัดจริตไปเลย มันอ่อนโยน ให้อภัย ปล่อยวาง แล้วรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุดในชีวิตเรา เรื่องอื่นกลายเป็นเรื่องเล็ก จะบอกยังไงดีล่ะ คนมองว่าข่าวที่ออกมาส่งผลต่อชีวิตของเรามาก แต่เชื่อไหมว่าเราไม่ได้รู้สึกอะไรเท่ากับแค่ลูกหน้าเป็นผื่น อันนี้คือที่สุดรีบขับรถไปโรงพยาบาลเลย จนหมอบอกว่าไม่ต้องมาคุณต้นหอมมันเป็นเรื่องปกติ แต่เราเครียดกังวลวิตกไปหมด”

 

    เรียกว่ามีปกป้องเข้ามาทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปเลย
    “มันเปลี่ยนไปเองโดยสัญชาตญาณ หอมไม่เคยบอกตัวเองว่าเราจะต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเอง มันเป็นสัญชาตญาณว่าพอลูกขยับตัวแล้วเราลุก ทุกปฏิกิริยาของเขามันมีผลต่อเราโดยตรง คือเราไม่เคยบอกตัวเองว่าเราต้องทำตัวดีขึ้นเพื่อลูก เราไม่รู้ตัวว่าเราไปเปลี่ยนตอนไหน แต่สิ่งที่เรารู้คือเราตอนนี้ไม่ใช่ต้นหอมก่อนหน้านี้”
    อะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเราเปลี่ยนไปเพราะลูกอย่างเห็นได้ชัด
    “เรื่องของอารมณ์ เมื่อก่อนเราใจร้อน ขี้หงุดหงิด อย่างเมื่อก่อนตอนอุ้มเขาแรกๆ ยังหงุดหงิดเลยนะ ซึ่งเราหงุดหงิดอยู่ข้างใน ไม่ได้แสดงออกมาด้วยซ้ำ แต่เหมือนเขามีเซนส์เขารู้สึกได้แล้วเขาก็ร้อง ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเด็กมันรู้ได้ยังไงวะ ก็เริ่มการทดสอบหลายๆ ครั้งว่าเวลาที่ฉันหงุดหงิดแล้ว ฉันอุ้มเธอ เธอจะเป็นยังไง เพราะเรารู้สึกว่าเรายังอุ้มเขาเหมือนเดิม แต่ทุกครั้งเขารับรู้ด้วยอารมณ์ของแม่ จากนั้นกลายเป็นว่าเราไม่หงุดหงิดแล้วเราก็คอยมอง เวลาแข (รัศมีแข) มาเลี้ยงปกป้องต่อให้ปกป้องร้องขนาดไหนแขก็ยิ้ม ซึ่งปกป้องก็สัมผัสได้เขาก็จะเลิกร้อง  แต่โชคดีที่ปกป้องเขาไม่ใช่เด็กร้องง่ายไม่มีความรู้สึกอะไร (หัวเราะ) มันเลยง่ายในการเลี้ยงดูเขาซึ่งเขาทำให้อารมณ์ของเราเย็นลงมากๆ”

 

 

    ชอบความรู้สึกของการเป็นแม่ตอนนี้ไหม
    “ชอบความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน แต่ก็มีข้อเสียเพราะกลายเป็นว่าเราเป็นคนที่เซนซิทีฟสูง แต่ก่อนเราไปทำบุญที่บ้านเด็กต่างๆ เราไม่จะร้องไห้ แต่พอตอนนี้พอเห็นเด็กเดินมาน้ำตาคลอมันเซนซิทีฟไปหมด เช่นตอนจัดรายการ พุธทอล์ค พุธโทร ที่ร้องไห้ ล่าสุดเป็นกรณีที่เขาเล่าเรื่องลูกกับแม่ที่เป็นเรื่องสะเทือนใจ กลายเป็นเรื่องเซนซิทีฟหนักมากที่สุดในใจเรา ซึ่งเรานั่งอยู่กับเผือก (พงศกร) เผือกก็บอกว่ากูก็เป็น ทำให้เราเข้าใจว่ามันเป็นสภาวะของคนมีลูก เข้าใจคอมเมนต์ในไอจีว่าคนไม่เป็นแม่ไม่รู้หรอก ซึ่งสมัยก่อนเราจะไม่เข้าใจแต่ตอนนี้เราเข้าใจแล้วว่าคนเป็นแม่มันลึกซึ้งไปกว่านั้น”

 

 

เปิดสัมผัสรักจาก 'คุณแม่ต้นหอม-ลูกปกป้อง'

 

 

เปิดสัมผัสรักจาก 'คุณแม่ต้นหอม-ลูกปกป้อง'

 

 

 

 

    @@ แม่ในแบบ“ต้นหอม” 
    อยากจะเลี้ยงลูกคนนี้ในแบบไหน

    “จะเลี้ยงเขาให้รู้สึกติดดิน เพราะเขามาในจังหวะที่เราพร้อมหมดแล้ว คนจะชอบถามหอมว่าจะสปอยปกป้องไหม บอกตรงนี้เลยว่าไม่มีทาง ตอนแรกจะให้เขาเรียนโรงเรียนวัดด้วยซ้ำ แต่เพื่อนๆ ห้ามไว้เพื่อนบอกว่าให้ปูดีๆ ก่อน ความตั้งใจของเราในตอนนี้จะไม่ให้เขาเรียนคุณหนูไปตลอดชีวิต เพราะมิฉะนั้นเขาก็จะมีแต่สังคมคุณหนู และในวันที่เขาจะต้องฝึกงานหรือยังไง เขาจะต้องทำเหมือนเด็กทั่วๆ ไป บอกตรงนี้เลยว่าหอมจะให้ลูกไปทำงานเคเอฟซี แมคโดนัลด์ เขาต้องได้ทำ ต้องทำงานแลกเงิน ทุกอย่างแม่จะไม่สปอยให้ทั้งหมด เพราะเราโตมากับความลำบากแล้วเรารู้สึกว่ามันมีความแกร่งอยู่ในนั้น ซึ่งเราเองมีเพื่อนที่เป็นลูกคุณหนูเต็มไปหมด แล้วเรารู้สึกว่าเขาเปราะบาง และรู้สึกว่าเขามีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าเรามาก ในขณะที่เราโคตรจะคลุกฝุ่นเลย กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้และรู้สึกว่ามันแข็งแรงทำให้เรารู้สึกว่าเราอยากให้ลูกเรารู้จักทุกระดับสังคมทั้งหมด”

 

    อะไรที่ทำให้คิดว่าเราสามารถเป็นแม่ให้เขาได้ทั้งที่เราไม่ได้อุ้มท้องเขามา
    “เรากับปกป้องมีสายเลือดเดียวกัน ตอนแรกเราอาจจะมีความผูกพันกันไม่มากขนาดนี้ ความรู้สึกตอนแรกเหมือนเราอุปการะเด็กคนหนึ่ง แต่ตอนหลังเราเลี้ยงเขา เลี้ยงเขาเหมือนเขาเป็นลูกเรา ดูแลเขาในฐานะคนที่ทำหน้าที่แม่เลี้ยงเขาทุกวันๆ ดูพัฒนาการของเขา ดูสิ่งที่เขาเป็น สังเกตและอยู่ใกล้ชิดเขาในทุกวันๆ กลายเป็นว่าเรารู้ใจเขาว่าเขาต้องการอะไร รู้จักเขา เห็นการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างของเขาตั้งแต่วันแรก ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปมันเป็นความผูกพัน ความรักและอยากจะเห็นเขาเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงและมีความสุขโดยที่มีเราคอยอยู่ข้างๆ”

 

    พอได้มาเป็นแม่ทำให้เราเข้าใจคำคำนี้มากขึ้นไหม
    “เราเข้าใจผู้ใหญ่ที่รักลูก แต่ก่อนเวลาขึ้นเครื่องบินแล้วเด็กร้อง จะมีความรู้สึกว่าเอาขึ้นมาทำไมเขายังเด็กอยู่ พอเด็กร้องเราก็จะรู้สึกรำคาญ แต่พอวันนี้วันที่เราได้เป็นแม่แล้วลูกคนอื่นร้อง เราเข้าใจเลยและทำให้เรารู้สึกรังเกียจตัวเองในวันนั้น รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนใจแคบมาก เอาตัวเองเป็นที่ตั้งว่าเรารำคาญเขา แต่เราไม่เคยมองว่าเขาอาจจะมีความจำเป็นในการขึ้นเครื่องบิน แล้วไอ้ที่บอกว่าทำไมแม่ไม่บอกให้ลูกเงียบคือไม่ใช่แม่ทุกคนจะสั่งลูกได้และแนวทางการเลี้ยงของแต่ละบ้านไม่เหมือนกันทำให้เราเข้าใจคนอื่นมากขึ้น”

 

    ความรู้สึกที่มีต่อปกป้องในตอนนี้คืออะไร
    “คือดวงใจเลย เขาคือหัวใจของเรา เขาเป็นอะไรนิดเดียวเราก็พารานอยด์ ถามว่าเคยรู้สึกอะไรหรือกับใครขนาดนี้ไหม จริงๆ หน้าที่นี้เคยเกิดขึ้นระหว่างเรากับแฟน แต่พอมาเป็นลูกมันเหมือนคุณ 2 เขาพูดไม่ได้เขาทำอะไรไม่ได้ มันทำให้เราอยากจะดูแลถ้าให้บอกว่าเขาในวันนี้สำคัญกับเราแค่ไหน ปกป้องคือที่สุดแล้ว คือทูนหัวเลย จนบางทีรู้สึกว่ารัก รักมากจนเกินไปไหม กลัวความผิดหวังว่าถ้าเขาโตมาแล้วทำให้เราผิดหวังเราจะเสียใจเจียนตายไหมคือเป็นสิ่งที่เรากลัว”

 

 

เปิดสัมผัสรักจาก 'คุณแม่ต้นหอม-ลูกปกป้อง'

 

เปิดสัมผัสรักจาก 'คุณแม่ต้นหอม-ลูกปกป้อง'

 

 

 

    คาดหวังยังไงกับลูกคนนี้
    “อย่างแรกปกป้องจะต้องเป็นคนดีก่อน และให้เขาได้ทำในสิ่งที่ชอบ แต่คือสิ่งสำคัญคือให้ลูกเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ อยากให้ลูกต้องขยันและไม่ขี้เกียจ”
    ในฐานะแม่เราคิดว่าเราเลี้ยงลูกคนนี้ได้ดีมากแค่ไหน
    “คิดว่า เดอะเบสท์ ที่สุดคือมีความมั่นใจสูงมาก เพราะว่าเรามีประสบการณ์เยอะ และเราได้แนะนำ สอนคนมาเยอะมาก และได้พูดคุยกับคนเยอะมากก็จะเอาตรงนี้มาสอนเขา หอมมั่นใจว่าหอมเป็นแม่ที่ไม่แพ้ใคร เพราะเรารู้สึกว่าจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวคนสอน คนเลี้ยงทำให้เรามั่นใจว่าเราสามารถทำให้เขาดีได้”

 

 

    อยากบอกอะไรกับ“ปกป้อง”
    “อยากให้เขาเป็นเหมือนเรา เราเป็นคนที่จิตใจดี เราเป็นคนดีเราไม่เบียดเบียนใครแล้วก็เป็นคนรักโลกและก็เป็นคนที่เผื่อแผ่ซึ่งเราจะสอนสิ่งเหล่านี้ให้เขาเป็นคนที่รู้จักเสียสละเพื่อคนอื่นและเขาจะได้ไม่เห็นแก่ตัว”
    นี่แหละความเป็นแม่ในแบบ“ต้นหอม” ที่มีต่อ“น้องปกป้อง”

 

    เรื่อง : ณัฏฐิรา หลอดแก้ว
    ช่างภาพ :  รชานนท์ อินทรักษา

 

 

 

เปิดสัมผัสรักจาก 'คุณแม่ต้นหอม-ลูกปกป้อง'

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ