'เจมส์ มาร์' ยกหูเคลียร์ 'พาย'

           บันเทิง คมชัดลึก - ก่อนหน้านี้ออกตัวให้สัมภาษณ์ปฏิเสธเป็นพระเอกอักษรย่อ จ. ซุ่มคบนักแสดงสาวร่วมช่อง “พาย” รินรดา แก้วบัวสาย มีโอกาสได้เจอหนุ่มตี๋ เจมส์ มาร์ ได้สอบถามว่าได้พูดคุยกับนักแสดงสาวรุ่นน้องหรือยังในงาน Plastics For Change ที่เซ็นทรัลเวิล์ด ได้ความว่า 

 

 

          “โทรไปคุยแล้ว ก็ขอโทษเขาที่ทำให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ก็ถามเขาไปว่าเขาโอเคไหม เขาบอกว่าเขาโอเค แต่เขากลัวว่าผู้จัดการของผมจะว่าเอา ณ ตอนนี้พูดง่ายๆ เขาก็คือเด็กในปกครองของพี่อ๋า (ผู้จัดการส่วนตัวเจมส์ มาร์) เช่นกัน เราอยู่ทีมเดียวกัน เขาก็จะโดนเหมือนที่ผม เหมือนที่พี่ณเดชน์โดน จะโดนพี่อ๋าสั่งสอน ดุ น้องก็เลยกลัว เขากลัวพี่อ๋าจะว่าเอา ซึ่งเราก็เข้าใจพี่อ๋า ด้วยการทำงานเขาก็ต้องทำทุกอย่างให้มันเป๊ะ จริงๆพี่อ๋าเขาไม่ดุนะครับ เขาจะคอยเตือน แต่วิธีการเตือนของเขาบอกคนก็อาจจะกลัวนิดหนึ่ง แล้วน้องเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยก็กลัวว่าเขาจะร้องไห้ แต่จริงๆไม่มีอะไร น้องเขาโอเค เข้าใจทุกอย่าง พอผมโทรไปคุยก็คิดว่าน้องเขาสบายใจขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจะโดนพี่อ๋าว่าหรือเปล่านะ

 

(พาย รมิดา)

 

         (แล้วตัวเราล่ะได้เคลียร์ตัวเองแล้วเป็นอย่างไรบ้าง) ที่ทุกคนสงสัยผมก็เข้าใจว่าทำไมทุกคนสงสัย อย่างที่บอกไปแล้วเราเป็นเหมือนเพื่อน ที่อยู่ในกลุ่มที่มีผู้จัดการคนเดียวกัน พอเราเป็นกลุ่มเดียวกัน ทำงานด้วยกัน ก็เลยสนิทกัน มันก็เข้าใจได้ว่าคนอาจจะเห็นว่าเราไปนั่นไปนี่ด้วยกันเป็นกลุ่มๆคนก็เข้าใจผิดได้ (ต่อไปเจอพายจะลำบากมากขึ้นไหม) ผมว่าไม่ลำบาก เราก็ทำทุกอย่างตามปกติ มันต้องได้เจอกันอยู่แล้วเพราะเราอยู่ในทีมเดียวกัน คงไม่ได้เกร็งอะไร คงทำตัวปกติเพราะเราก็เป็นพี่น้องที่สนิทกันอยู่แล้ว (ระแวงไหมไปไหนมาไหนกับน้องในสังกัดแล้วจะเป็นข่าวอีก) ไม่เลย เรามีจุดยืนของเราว่าเราเป็นยังไง ในเมื่อมันไม่มีอะไร เราก็รู้สึกสนิทใจ สบายใจที่จะไปกับคนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับเรามากกว่า ไม่งั้นผมก็คงจะต้องไปพาเพื่อนเพิ่มเติมเพื่อกินข้าวไม่อย่างนั้นผมก็ไม่มีเพื่อน ไม่มีคนชวนผม ผมเพื่อนน้อยอยู่แล้ว เลยรู้สึกว่าให้ผมมีเพื่อนอยู่บ้างเถอะ (หัวเราะ) ด้วยเพื่อนคนอื่นๆ บางทีเขาก็ว่างไม่ตรงกับเรา ก็เหมือนเราไปเที่ยวกับณเดชน์-ญาญ่าแหละ เป็นอารมณ์เดียวกัน 

 

(เจมส์ พาย)

 

          เมื่อถามต่อว่า มีคนเข้ามาถามเรื่องนี้เยอะไหม นักแสดงหนุ่มกล่าวว่า 

         “ส่วนใหญ่เขาจะส่งหน้าข่าวมาให้ ผมก็จะบอกว่าอย่างที่ผมตอบแหละ เขาก็จะมีส่งกันมาบ้างแต่ส่วนใหญ่เขาก็จะพอรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นกลุ่มเดียวกัน มีพี่อ๋า และคนอื่นๆอีก เราตอบความจริง แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามเราต้องให้เกียรติน้องเขา เขาเป็นผู้หญิง เราตอบในสิ่งที่อยากจะให้คนอื่นเข้าใจ เราชัดเจนอยู่แล้วว่ามันเป็นยังไง ผมเชื่อว่าการพูดความจริงให้ทุกคนเข้าใจ ซึ่งผมเชื่อว่าคนจะเข้าใจเรา มันไม่มีอะไรที่มันไม่ดีหรือเสียหายอยู่แล้ว อย่างที่บอกคือให้เกียรติน้อง ให้เกียรติเพื่อนๆของเราทุกคน ให้เกียรติผู้จัดการด้วย ไม่ว่าเขาจะมีมุมมองยังไงก็ตาม (แฟนคลับยังไม่พร้อมเห็นเรามีแฟน) เรื่องแบบนี้ผมว่ามันเป็นความคิดของแต่ละท่าน ผมก็มีความคิดเป็นของตัวเองซึ่งผมไม่มีสิทธิ์ไปออกเสียงว่ามันจะเป็นยังไง ผมเชื่อว่ามันถึงอย่างมันถึงเวลา ทุกอย่างมันใช่ ทุกอย่างจะโอเคเอง แล้วผมก็เชื่อว่าทุกคนเข้าใจว่าสุดท้ายแล้วเราก็เป็นมนุษย์คนนึง เราก็ต้องมีชีวิตของเรา เพียงแต่ชีวิตของผมอาจจะเดินทางไม่เหมือนคนอื่น อาจจะช้าหน่อย เหมือนมีโลกส่วนตัวหน่อยเท่านั้นเอง แต่เราก็แฮปปี้กับชีวิตของเราที่เป็นแบบนี้ แล้วเราก็แฮปปี้ที่จะให้คนอื่นด้วย

 

 

         (ถ้ามีตัวจริงจะเปิดตัวลำบากไหม จะกล้าเปิดตัวไหม) ผมว่าไม่ยากหรอก สมมติว่าถึงเวลานึงถ้าเราเจอใครสักคนนึงมันก็คงมีหลายเรื่องที่เราต้องคุยต้องคิด ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องอะไรที่มันน่าเป็นห่วงเพียงแต่ว่าต้องดูเรื่องของจังหวะเวลาว่าจะพูดออกมาได้มากน้อยแค่ไหนยังไง แต่ละคู่ก็ไม่เหมือนกัน มันเป็นเรื่องของคนสองคน (เพื่อนคนอื่นในกลุ่มต่างมีแฟนกันหมดแล้ว เพื่อนยังมีเวลาให้ไหม) ก็นี่ไง เหลือไม่มีกลุ่มแล้ว (หัวเราะ) แต่เวลาเพื่อนก็พอมีให้นะ เราก็รู้สึกว่าเราโอเคที่จะไปอยู่กับพวกเขาทั้งๆ ที่พวกเขามีแฟนแล้ว ไม่อยากใช้คำว่าเราไปเป็นก้างขวางคอนะ คือเราโอเคที่จะไป เราไม่ได้รู้สึกว่าเราจะต้องมีแบบเขาบ้างตลอดเวลา เราก็ยังสบายใจที่ยังเป็นแบบนี้อยู่ ก็พยายามมีเพื่อนให้เยอะขึ้น มีเพื่อนในกลุ่มที่กว้างขึ้น 

 

 

 

             เมื่อถามความรู้สึกถึงเหตุการณ์ประท้วงที่ฮ่องกง ซึ่งครอบครัวหนุ่มเจมส์อาศัยที่นั่น ว่าเป็นห่วงครอบครัวแค่ไหน  
          "สถานการณ์ที่ทุกท่านเห็นมันก็มีหลากหลายอารมณ์ หลายข้อมูล ครอบครัวผมก็ปลอดภัยดีครับ ตอนนี้อยู่เมืองไทย ท่านมาเที่ยวพอดี ไม่เกี่ยวกับเรื่องมีสถานการณ์ ที่บ้านใช้ชีวิตกันปกติมากๆ ถึงแม้เขาจะมีการชุมนุมกัน ทุกคนที่นั่นใช้ชีวิตกันปกติ ทุกคนปลอดภัยครับ แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่เมืองไทยกัน พวกเขามาเที่ยวกันพอดี พวกเขามาเมืองไทยบ่อยมาก คือครอบครัวผมมาก่อนที่จะมีปัญหาแล้วก็มาช่วงที่เขามีปัญหากันด้วย แม่ผมมาเมืองไทยตลอดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีปัญหาหรือไม่ท่านก็มาหาผมอยู่แล้ว เขาก็มีอัปเดตสถานการณ์ให้ฟังบ้าง เราก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะเราไม่ค่อยเข้าใจด้วยเราไม่ได้ติดตามสถานการณ์ตลอด แต่เชื่อว่าทุกคนที่นั่นปลอดภัย ถึงท่านจะกลับไปแล้วผมก็ไม่ได้รู้สึกกังวล ทุกคนโอเคอยู่แล้ว เขาจะมีการบอกกันล่วงหน้า วันนี้งดให้อยู่บ้าน ไม่ต้องไปทำงาน อะไรแบบนี้ เขาจะมีคอยเตือนทุกคนอยู่แล้ว ที่บ้านผมก็ติดตามสถานการณ์กันตลอด (พ่อแม่เป็นห่วงงานทางฮ่องกงไหมเวลาที่เขามาอยู่เมืองไทย) ไม่ ตอนนี้มาเที่ยวอยู่ ทางนั้นเขาก็จัดการของเขาไป ไม่ว่าจะเป็นบริษัทต่างๆนานาก็ต้องจัดการแต่บริษัทไป แต่ส่วนใหญ่แล้วทั้งหมดยังปลอดภัยดีอยู่ ครอบครัวยังปลอดภัย ตอนนี้กำลังแฮปปี้กับการมาเที่ยวเมืองไทย”