'แจ๊ส' เก็บค่ามัดจำป้องกันโดนหลอก

         บันเทิง คมชัดลึก - ก่อนหน้านี้ บอล เชิญยิ้ม ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า “ขอโทษพี่น้องอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่บางท่านซื้อบัตรหรือว่าจองร้านค้า ไปกับงานเปิดตลาดตัวโน๊ตวินเทจ ขนอม วันที่ 17-18 สิงหานี้ครับ พวกเราไม่ได้ไปนะครับและพวกเราก็โดนหลอกด้วย" ซึ่งงานนี้มีการนำภาพศิลปินดาราหลายรายไปทำป้ายโปรโมตซึ่งหนึ่งในนั้นมีวงดนตรีของแจ๊ส ชวนชื่นด้วย แถมมีขายบัตรเข้างานอีกด้วย

 

(แจ๊ส และภรรยา)

          โดย “แจง” ปุณณาสา พรหมยศ ภรรยาของ “แจ๊ส ชวนชื่น” ผดุง ทรงแสง ได้โพสต์ข้อความผ่านไอจีส่วนตัว มีข้อความว่า  “เตือนนะคะนักร้องศิลปินทุกท่าน หลังจากที่วงเราโดนมาหลายครั้งเรื่องการจองคิวแล้วไม่มัดจำเงินแล้วนำรูปใช้เพื่อโปรโมท ทั้งที่ยังไม่ได้วางมัดจำ!!! เมื่อถามถึงมัดจำหายไปเลยแล้วเลื่อนวัน คุณทำแบบนี้มันเป็นบาปและทำให้เสียโอกาสในการรับงานอื่นๆ ถ้ายังไม่พร้อมอย่าพี่งจอง และอย่าเอารูปไปโปรโมทเพื่อหลอกลวงคนอื่น!!! ต่อไปนี้ ทางวงแจ๊สสปุ๊กนิค ขออนุญาตรับมัดจำ ล็อคคิวทั้งหมดก่อนโปรโมทนะคะ ส่วนเรื่องงานขนอม ก็เหมือนกัน ขอให้จับให้ได้นะคะ เห็นน้องๆ หลายคนเสียเงินซื้อบัตรไปแล้วด้วย เห้อ!!! เจอคนพวกนี้แล้วเหนื่อย”

 

 

          ได้พูดคุยกับ “แจ๊ส ชวนชื่น”ผดุง ทรงแสง ในงานเปิดตัวแบรนด์เสื้อผ้า MOO Pop-up Store ของ “หมู”พลพัฒน์ที่ เซ็นทรัลเวิลด์ ได้ความว่า

          "คือพี่บอลโทรมาบอกก่อน ก็คุยกันแล้วนะเพราะนานๆ จะไปเล่นรวมกันสักที พอพี่บอลโทรมาบอก เราก็คิดว่ามันมีแบบนี้ด้วยเหรอ เคยเจอแค่มีป้ายหลอก แต่ศิลปินไม่ได้ไป แต่เคสใหญ่ๆ แบบนี้ไม่เคยเจอจริงๆ มันขอสปอนเซอร์ ไปหลอกเขามาแบบขนอมคืองานใหญ่มาก เรางงว่า ทำได้นี่เก่งมากนะ ส่วนเรื่องการรับงานนั้นทางแจงเป็นคนคุยงานทั้งหมดเลย เรื่องของเรื่องคือพี่บอลโทรมาบอกเราก่อน เราก็กลัวว่าเขาจะไปทำแบบนี้กับคนอื่น อย่างเราไม่เท่าไหร่ เพราะยังมีงานอื่นหาเลี้ยงปากท้องได้ แต่แม่ค้าล่ะ สงสารเขา 1 พัน เขารอเอาเงินมาหมุน แจงเขาก็เลยโพสต์ลงเลย จริงๆ เราไม่อะไรหรอก อย่างน้อยแจงลงไป มันก็เป็นประโยชน์ให้คนอื่นด้วย เดี๋ยวคนอื่นโดน ถามว่าเขามีเข้ามาเคลียร์ไหม คือเมียผมไม่ต้องห่วงหรอก เจาะไปจนรู้หมด ทั้งที่งานก็ไม่รู้เรื่อง ทางตลาดก็เสียหายเพราะคนนี้คนเดียว (ศิลปินจะรวมตัวดำเนินคดีไหม) ผมว่าตอนนี้ก็หลายฝ่ายนะ แต่ผมว่าจับไม่ยากหรอก เพราะมันมีหลายคนที่โดน ถามว่าผมเจอเคสแบบนี้บ่อยไหม เจอบ่อย อย่างที่บอกคือเอารูปไปแล้วเราไม่ได้ไป บางทีเป็นก๊อบปี้โชว์เรา แต่ใช้ภาพเรา จนบางทีผมไป แต่เป็นรูปก๊อปปี้ก็มี มีช่วงหนึ่งออกเพลงใหม่ๆ ไปแล้วไม่มีคนดูเลย เขาบอกคนแถวนี้กลัวกันหมดแล้ว เสก โลโซ โป่ง หินเหล็กไฟมาก๊อปปี้หมดเลย แต่ก็ไม่เป็นไรเขาทำมาหากิน แต่คนที่จัดงานก็ต้องรัดกุม"

 

 

        เหมือนทางภรรยาก็โพสต์บอกจากนี้ขอมัดจำ 50% เพื่อป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ 

         “ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องรายได้ครอบครัวหรืออะไร (หัวเราะ) เพราะมันก็เอามัดจำทุกงานอ่ะ แต่ก็คงจะระวังมากขึ้น เพราะหลานเป็นคนรับงาน เขาก็คอยถามว่ารับมัดจำมาหรือยัง ทีแรกเวลาเมียไปจี้เอามัดจำ ยังคิดว่าโหดไปหรือเปล่า แต่จริงๆ มันก็สำคัญนะ ตอนนี้น่าจะต้องเก็บก่อนทุกงานแล้ว บางทีเจ้าภาพก็บอกรอหมุนเงินค่าบัตรก่อน ยังไม่มี แนะนำนะ ถ้ายังไม่มีอะไรพร้อม ไม่ต้องจัดงานเชื่อผม รอพร้อมๆ ดีกว่า ไม่งั้นจะเสียหายไปหมด คือมันเสียดายโอกาสของงาน เราต้องแคนเซิลงานอื่นไป งานแต่ละงานเงินทั้งนั้น (มีวิธีการจัดการยังไงบ้าง) ส่วนใหญ่แจงดูแลหมดเลย เราเป็นหัวหน้าวงแท้ๆ เด็กยังไม่ฟังเลย ฟังแจงหมดเลย แต่เราก็รับรู้ทุกขึ้นตอนนะ เรื่องงานขนอม ไม่ได้โกรธนะ เพราะไม่ได้ทำเราเสียหายมากมาย เหมือนงานๆหนึ่งที่โทรแคนเซิลเราไป แต่มันมากกว่านั้นคือใจร้ายกับคนอื่นมากไปหน่อย (ทางบอล เชิญยิ้มดูปรี๊ดแตกมาก) อันนี้ต้องให้พี่บอล เขาคงจัดการเต็มที่ เพราะมันเสียประโยชน์ (ยืนยันเราไม่ได้ไปงานนี้) ไม่ได้ไปแน่นอน งานเขาไม่มีแล้วด้วย"

 

           เมื่อถามถึงเรื่องซื้อบ้านใหม่ ซึ่งตลกดังแจงว่า 

          “เราทำเป็นโฮมอ๊อฟฟิศ ชีวิตตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ นี่คือสิ่งสุดท้ายที่จะปั่นให้เสร็จ ให้ไวที่สุดด้วยกำลังตอนนี้ จะทุ่มกับตรงนี้ เพราะมีทั้งห้องอัด ห้องดนตรี ที่พักผ่อน อ๊อฟฟิศ ที่ทำงานอยู่ที่นั่นหมด มีคนเข้ามาคอมเม้นต์ในไอจีว่าเราฟุ่มเฟือย ไม่ได้ฟุ่มเฟือยนะ เอาจริงๆ ผมนอนบ้านแม่ยาย บ้านนี้ไม่ใช่บ้านแต่เป็นอ๊อฟฟิศ เราเอาไปต่อยอดไม่ได้มีความเวอร์วัง ทุกสิ่งพยายามเซฟ บ้านแม่ผมก็ทาวเฮาท์ปกติ ถามว่าสาเหตุที่ย้ายบ้านหนีเพราะเหตุการณ์ที่เป็นข่าวมีส่วนไหม ก็มีนิดเดียว เพราะไม่อยากไป ไม่อยากเห็น เราอยู่จุดนี้ไม่ได้เหมือนเขา ถ้าเราเหมือนเขา บอกตรงๆไม่มีใครกลัวใครเลยนะ ผมรู้ตัวว่าควรทำอะไร แต่เรื่องจบแล้วก็คือจบ แต่มันก็ระแวง แล้วก็รำคาญด้วย ทุกคนก็เหมือนผมแหละ คนมาฆ่าคนในบ้านเรา แล้วเราต้องเห็นหน้าเขา ก็กลัวเราจะอดใจไม่ไหว พูดอะไรออกไป มีแต่เสียสุขภาพจิต ถามว่าจะขายเลยไหม คงไม่ขาย แม่แจงยังไงก็ต้องอยู่ที่นั่น จริงๆไม่ได้น่ากลัวหรอก เพราะคนเยอะมาก แต่ห่วงสภาพจิตใจมากกว่า ลูกก็เอามาอยู่นี่ก่อน เพราะไม่รู้ความปลอดภัยมันยังไง แต่จริงๆ สน.มีนบุรี เขาเอาตำรวจมาอยู่หน้าบ้านตลอด

            (ย้ายเข้าบ้านใหม่เมื่อไหร่) สักพักใหญ่ๆ แล้ว แจงก็เร่งอยู่ จะเปิดอ๊อฟฟิศใหม่ แล้วก็รับพนักงานมาทำยูทูปจริงจัง (สำหรับครอบครัวคนที่เสียชีวิตไปเราดูแลยังไง) เขาอยู่ในการดูแลของแม่แจงอยู่แล้ว ผมแค่เป็นกระบอกเสียง ผมกลัวจะช้า แต่หลังจากเขามามอบตัว เราก็ฝากทนายตั้มดูแลรูปคดีไป (สภาพจิตใจเขาก็ยังย่ำแย่) ผมยังไม่ได้เจอนะ แต่แจงก็คอยปลอบตลอด ก็ย่ำแย่นะ ขนาดงานศพเขายังไม่ให้ทางญาติผู้ก่อเหตุเข้ามาเลย เป็นใครก็ทำใจไม่ได้หรอก ถ้าพูดกันตรงๆ ฆ่าลูก มาขอโทษ แล้วให้อภัย มันไม่มีในโลกหรอก ก็ต้องทำใจยอมรับกันไป แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นหน้าบ้านมันฝังใจ" แจ๊ส กล่าวปิดท้าย