บันเทิง

'เจษ' เผยจากความกลัวเป็นความเข้าใจผู้ป่วยติดเอดส์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เจษ" เจษฎ์พิพัฒ ติละพรพัฒน์ รับหน้าที่ทูตโครงการ Adam's Love  รณรงค์การตรวจเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ 

 


    ทีมบันเทิง คมชัดลึก -  เป็นนักแสดงหนุ่มที่มากความสามารถ สำหรับ "เจษ" เจษฎ์พิพัฒ ที่ล่าสุดรับหน้าที่ทูตโครงการ Adam's Love (โครงการรณรงค์ทางโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างความตระหนักถึงการป้องกัน การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย และรณรงค์การตรวจเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ในประเทศไทยและระดับภูมิภาค) ทำให้หลายคนสงสัยว่าไปไงมาไงหนุ่มเจษถึงได้มาเป็นทูตโครงการนี้ได้ 
 

    "โครงการ Adam's Love  เป็นโครงการที่ สนับสนุนให้คนไปตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ HIV ซึ่งหลังจาก ตรวจหากตรวจพบก็ต้องกินยา ซึ่งทางโครงการก็จะส่งข้อความ ให้ตลอดว่าถึงเวลากินยาแล้ว ส่งให้เรื่อยๆ อย่างที่รู้กันว่าโลกนี้มันไม่มีหาย แต่โครงการนี้จะดูแลไปจนสุดท้ายไปจนจบ ถามว่าทำไมเขาถึงเลือกผมผมว่าเพราะว่าผมเป็นผู้ชาย และมีความพูดตรงไปตรงมาพูดอะไรก็พูดตรงๆ เพราะก็ต้องยอมรับว่าข้อความที่เราต้องการส่งผ่านจากโครงการไปถึงบุคคลทั่วไปมันเป็นข้อความที่ละเอียดอ่อน เพราะการที่จะเปลี่ยนทัศนคติของคนให้หันมาตรวจเลือด ซึ่งโครงการนี้มีเพื่ออยากที่จะเปลี่ยนทัศนคติ ว่าการที่เห็นคนเป็นเชื้อ HIV หรือคนเป็นเอดส์ มันน่ากลัวมันน่ารังเกียจ เขาเลยอยากให้คนที่ออกมาพูดมาเปลี่ยนทัศนคติตรงนี้ ซึ่งถ้าเปลี่ยนได้แล้วคนหันมาตรวจเลือด มันทำให้หลายๆคนสามารถรักษา และสามารถอยู่กับโรคนี้ได้ โดยไม่เสียชีวิต"

 


    รู้จักโครงการนี้และเรียนรู้ เรื่องนี้ก่อนหรือหลังที่รับเป็นทูต
    “ยอมรับว่าผมเรียนรู้เรื่องทั้งหมดหลังจากที่ได้รับเป็นทูตแล้วแล้วก็เริ่มหาข้อมูลและทำความเข้าใจและรู้จักกับโครงการนี้มากยิ่งขึ้น ซึ่งพอผมได้เรียนรู้โครงการนี้จริงๆผมรู้สึกดีมาก ที่ได้รับโอกาสตรงนี้เพราะผมรู้สึกว่าโครงการนี้มันถูกต้องมากๆ ในการที่เราจะเปลี่ยนความคิดคน เพราะการเปลี่ยนทัศนคติตรงนี้เราช่วยคุณได้หลายคนมาก ทั้งคนที่อาจจะอายไม่กล้าตรวจเลือดหรือคนที่เป็นแล้ว แต่ไม่กล้ารักษาไม่กล้าบอก แต่ถ้าหากทัศนคติตรงนี้ถูกเปลี่ยน คนก็จะได้รับการรักษาที่ถูกต้อง”

 

 

 

'เจษ' เผยจากความกลัวเป็นความเข้าใจผู้ป่วยติดเอดส์

 


    ส่วนตัวเจษรู้สึกยังไงกับเชื้อ HIV (เอดส์) 
    “เชื่อไหมตั้งแต่ผมทำโครงการนี้ผมเปลี่ยนความรู้สึกไปหมดแล้ว ผมรู้สึกว่า เขาคือคนป่วยคนนึง เหมือนคนที่ป่วยเป็นโรคอื่นๆโรคมะเร็งหรือโรคอะไรก็ตาม และรู้สึกว่าคนป่วยก็ต้องได้รับการรักษา ไม่ควรมานั่งอาย เพราะจริงๆแล้วเราสามารถติดเชื้อ HIV หรือติดเอดส์ได้หลายช่องทาง ซึ่งคนส่วนใหญ่จะคิดว่าการติดเชื้อ HIV เกิดได้จากช่องทางเดียวคือ การมีเพศสัมพันธ์ โครงการนี้ทำให้ผมเข้าใจ ผู้ป่วยโรคนี้มากขึ้น ก่อนหน้านี้เหมือนเราถูกปลูกฝัง ซึ่งผมเองไม่ได้รังเกียจอะไรนะ แต่มันเป็นความกลัวมากกว่า เพราะเราถูกสอนมาว่าโลกนี้เป็นแล้วต้องเสียชีวิต 2 คือการติดโรคนี้มันมาจากการมีเพศสัมพันธ์ มันทำให้เรารู้สึกว่าโลกนี้มันน่ากลัว และเราก็รู้สึกว่าไม่อยากให้มันมาติดเรา แต่เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่เราควบคุมมันไม่ได้ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วมันก็ต้องแก้ไข”

 


    เคยมีโอกาส พูดคุยกับผู้ป่วยโรคนี้ไหม
    “เคยครับ มันเป็นเรื่องยากมาก ในเรื่องของสภาพจิตใจ เพราะทัศนคติตรงนี้แหละที่มันไม่ถูกเปลี่ยน มันทำให้สภาพจิตใจของคนเป็นโรคนี้ดาวลงไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะเขาจะรู้สึกอาย ไม่กล้าบอกคนอื่น ว่าตัวเองเป็น ซึ่งมันอาจจะดีกว่าโรคที่ทำร้ายร่างกายเราด้วยซ้ำ เพราะโรคนี้ สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติธรรมดา แต่เขากลับถูกทำร้ายจิตใจ ทั้งจากตัวเองและสังคม เราเลยอยากจะให้ตรงนี้มันถูกเปลี่ยนสักที”

 

 

 

 

'เจษ' เผยจากความกลัวเป็นความเข้าใจผู้ป่วยติดเอดส์

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ