บันเทิง

(คลิป) 'ก้อง ห้วยไร่' รับเห็นแก่ตัวเกินจะออกมายอมรับความจริง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ก้อง ห้วยไร่" ขอโทษที่ปกปิดความจริงมาตลอด รับมีภรรยาและลูกมาแล้วจริง และคบซ้อนภรรยาปัจจุบัน "เบลล์" กับอดีตคู่หมั้น "เอ๋" จริง

 

 

                ทีมบันเทิง คมชัดลึก – หลังจากที่  "ก้อง ห้วยไร่" ออกมาประกาศลงอินสตาแกรมส่วนตัวว่าเขามีลูกแล้ว กับภรรยาปัจจุบัน “เบลล์” ขนิษฐา และกับอดีตภรรยาอีก 2 คน จนทำให้อดีตคู่หมั้น “เอ๋" พัชรพร นักร้องลูกทุ่งสาว ออกมาแฉว่านักร้องลูกทุ่งชื่อดังคบซ้อน

               

          ล่าสุดในงานแถลงข่าวรอบสื่อมวลชนภาพยนตร์ “ออนซอนเด" เจ้าตัวจึงเปิดใจถึงเรื่องนี้

          พูดถึงกระแสดราม่าหลังจากเปิดตัวเรื่องครอบครัว

          "มันเป็นความผิดของตัวเราเองเพราะว่าผมก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำไว้เจตนาคือเห็นแก่ตัวมากกลัวว่าความนิยมที่ตัวเองได้รับจะหายไปเป็นความคิดของเด็กบ้านนอกที่มีโอกาสได้มาอยู่ตรงนี้ก็เลยคิดไปต่างๆ นานาก็เลยทำสิ่งต่างๆนานาให้ตัวเองรอดแต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องที่ทำร้ายความรู้สึก พี่น้องแฟนเพลงผมต้องขอโทษทุกๆคน ซึ่งก็ขอโทษกับพี่สื่อหนึ่งคือ nine entertain ซึ่งเขาพยายามถามผมตลอดว่าเคยแต่งงานหรือยังมีรูปจริงไหมซึ่งก็โกหกเขามาตลอดเพราะเจตนาเหมือนเดิมคือคิดว่าฉันจะปกปิดเพื่อความนิยมของตัวฉันเองผมก็ต้องขอโทษจริงๆนะ (ยกมือไหว้)"

 

          เรื่องราวทั้งหมดที่เราปกปิดมาเป็นระยะเวลานานแค่ไหน

          "ผมอยากที่จะเล่าเรื่องที่หลายคนสงสัยให้มันจบให้มันจบความสงสัยไปเลยก็ตั้งแต่มีข่าวว่าผมกับคุณเอ๋คบหากันก่อนที่จะมีชื่อเสียง ซึ่งผมได้ไปคบกับคุณเบลล์ตอนที่คบกับคุณเอ๋อยู่ ซึ่งชาวเน็ตก็พยายามถามว่าคบซ้อนไหม ผมยอมรับครับว่าคบซ้อนผม ต้องขอโทษด้วยที่ผมทำร้ายจิตใจเอ๋ ทำให้เอ๋ต้องผิดหวัง เสียใจ แต่ก็พูดด้วยความจริงว่า ผมขอโทษ ผมเลือกที่จะรักเบลล์และกลับกลายมาเป็นว่าผมพร้อมที่จะแต่งงานกับเบลล์

 

          ถามว่าตอนนั้นเบลเขารู้ไหมว่าเราคบกับเอ๋อยู่ ในตอนแรกเบลไม่รู้ แต่พอเริ่มคุยกันสักพักนึง ที่ผ่านมาผมไม่เคยเปิดตัวเอ๋ ทุกคนรับรู้ว่าผมโสด มีหลายคนก็ถามมาว่าโกหกใช่ไหม เรื่องที่โดนเมียทิ้งแล้วแต่งเพลง เรื่องของการแต่งเพลงมันเกิดจากภรรยาที่ผมมีบุตรด้วยกัน 2 คนและหย่าร้างกัน จนผมได้มาทำงานที่นิติพลคลินิก และได้รักกันกับผู้หญิงคนหนึ่ง และก็ตั้งความหวังว่าจะไปสร้างชีวิตครอบครัว ตอนนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก วัยรุ่นคึกคะนองคิดว่าตัวเองเจ๋ง และอีกอย่างหนึ่งผมไม่เคยคิดเลยว่าอนาคตข้างหน้า ผมจะได้มาเป็นก้อง ห้วยไร่ ตอนนั้นคึกคะนองมากก็สนุกสนาน เจ้าชู้ พอมีแฟน หลังจากจดทะเบียนหย่ากับภรรยาที่มีบุตรด้วยกัน ก็มีแฟนใหม่ปั๊บ โดนเขาบอกเลิก กลายเป็นความเจ็บปวดที่เราเคย กับภรรยาเก่าก็มาโดนกับตัวเราเอง ก็เขียนเพลงขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ต้องขอโทษอีกครั้งหนึ่ง งหลายคนก็เอามาโยงว่าไหนบอกว่าแต่งเพลง ไสว่าบ่ถิ่มกัน ทั้งที่จริงๆ แล้วผมเป็นคนทิ้งคุณเอ๋ เพื่อมาคบกับเบลล์ ทำไมถึงโกหกแฟนเพลงว่าคุณแต่งเพลงนี้ว่าเพราะคุณอกหัก"

 

          ซึ่งพอหลังจากที่เบลรู้ว่าเราคบซ้อนแล้วเลิกกับคุณเอ๋มาคบกับเขาเขาว่ายังไงบ้าง

          "คือตอนนั้นเรารักกันไปแล้ว ผมกับเบลล์ยอมรับผิดทุกอย่าง ขอโทษด้วย คือไม่ได้คุยกันตั้งแต่ตัดสินใจเลิกและแยกออกจากกัน เพราะว่าผมกับเอ๋ได้หมั้นกัน ได้มีการหมั้นเป็นพิธีของอีสาน ซึ่งก็ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ส่วนเรื่องประเด็นของสินทรัพย์ มันเป็นเรื่องของการเชื่อมโยงที่ไม่ใช่มาจากตัวเรา แล้วทำให้เขารู้สึกว่าเขาถูกทำร้าย ซึ่งผมเป็นเขาผมก็อยากที่จะออกมาพูดว่าจริงๆ ทุกคนออกมาด้วยความเจ็บป่วย เขาก็ออกไปด้วยความเจ็บปวด แล้วทำไมยังต้องไปตอกย้ำเขาอีกซึ่งเอ๋พูดมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ"

 

          หลังจากที่เป็นข่าวได้คุยกับคุณเอ๋ไหม

          "ยังไม่ได้พูด ยังไม่ได้คุยตั้งแต่วันที่ตัดสินใจแยกทางกันเป็นการแยกทางการ ในฐานะของคนที่เป็นคู่หมั้นและแยกทางกัน ส่วนเรื่องของเงินที่หมั้นหมายผมเป็นคนผิดสัญญาหมั้น เพราะผมเป็นคนเลิก ผมก็ได้ให้เอ๋ไปโดยที่ไม่ได้ทวงคืนในส่วนของเงินตรงนั้นไป แต่เรื่องที่เอ๋เขาออกมาพูดคือในเรื่องของรายได้จากการทำงานของผม ถึงตอนนั้นเราอาจจะไม่ได้ใช้คำว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขเพราะตอนนั้นผมเป็นแค่เน็ตไอดอล มีคนรู้จักเพลงจากการดีดกีต้าร์ลงเฟซบุ๊ค เป็นที่รู้จักจากการร้องเพลง ไสว่าบ่ทิ้งกัน ซึ่งตอนนั้นเราอยู่ในฐานะคู่หมั้นกัน เงินที่เราหาได้ทุกบาท ทุกสตางค์เราแบ่งคนละครึ่งได้ไหมตัวผมเองผมก็ต้องดำเนินชีวิตต่อ ผมมีค่าใช้จ่าย มีครอบครัวพ่อแม่พี่สาวและญาติๆ ที่ต้องดูแล ผมก็ขอตรงนี้จากเอ๋มา ซึ่งมันเป็น เงิน 1.8 ล้านบาท แบ่งกันได้ประมาณคนละ 9 แสนบาท ซึ่งหลังจากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เคลียร์ใจ เพราะเรากลัวว่าเขาไปรับข้อมูลว่าเราอยากทำร้ายเขา เราทำร้ายเขาไปมากแล้ว ยิ่งพูดถึงเขาก็เป็นการทำร้ายเขามากไปอีก ก็ได้แต่ฝากพี่ๆ สื่อเพื่อความสบายใจของผมด้วย และของภรรยาของผม คือน้องเบลเราก็ไม่คุยกันเรื่องเก่าๆ ดีกว่าเนาะ ไม่ได้หมายถึงไม่ได้คุยกับพี่ๆ สื่อมวลชนนะ แต่หมายถึงว่าไม่ได้คุยกับคุณเอ๋ ทำให้เราปิดการติดต่อสื่อสารกันในทุกช่องทางคือเราอยากให้มันจบไป"

 

          แปลว่าจบกันไม่สวย

          "จบไม่สวยเพราะว่าผมคือคนที่คบซ้อนแล้วทำให้เขาต้องเสียใจผมจำได้ว่าผมเคยบอกสื่อว่าผมแอบชอบเบลมานานมากความรักของผมกับเอ๋เกิดขึ้นเร็วมากเกิดขึ้นเร็วและผมตัดสินใจหมั้นกันโดยที่เราไม่ได้ตกลงกันว่าเรารักกันดีไหมสุดท้ายแล้วเอ๋เขาคือคนดีแต่ผมกลับไม่เลือกเขาทั้งที่ผมมี เขาเป็นคู่หมั้นแล้วซึ่งผมทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจทุกสิ่งทุกอย่างมันกระทบตัวผมแน่นอน 100% ทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมต้องรับมันให้ได้"

 

 

 

 

          พอเป็นข่าวออกมาเบลรู้สึกยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น

          "ถามเบลว่า เอาตรงๆเลยนะเบลถ้าได้พูดกับเองโดยที่ไม่ต้องผ่านใครเพราะเวลาพูดผ่านใครมันเหมือนเป็นการแปลงสารคือเราฝากคนนี้ไปเขาก็ไปตีความในแบบของเขาถ้ามีโอกาสจริงๆก็อยากให้เขาได้คุยกันและอยากให้เบลขอโทษอีกผมกับน้องไข่เจียวก็อยากที่จะไปขอโทษเอ๋  ว่าถ้าไม่เลิกกันวันนั้นถ้าไม่มีเรื่องราวร้ายๆกันวันนั้นวันนี้ฉันมีครอบครัวที่อบอุ่นแต่ผมก็ต้องขอโทษแฟนเพลงของเอ๋ญาติของเอ๋และต้องขอโทษที่ทำลายรู้สึกของคนจากการที่ผมโพสรูปลูกเมียบ่อยๆ ผมก็ต้องขอโทษด้วย (ยกมือไหว้) มันเป็นความสุขของผมแต่ผมก็ลืมมองไปว่าความสุขของผมมันไปทำร้ายจิตใจคนอื่นด้วยอีกเรื่องนึงที่ผมอยากบอกผ่านพี่ๆ สื่อ ก็คือเรื่องลูกอีก 2 คนที่มีพี่ๆ น้องๆ แฟนเพลงเข้ามาถามว่าทำไมรักลูกไม่เท่ากัน ทำไมไม่โพสต์ถึงลูกทั้งสองคน ซึ่งลูกทั้งสองคนของผมคนนึงอายุ 11 ขวบส่วนอีกคนอายุ 10 ขวบเขาอายุไล่เลี่ยกันเขาอยู่ในช่วงที่เพื่อนๆ กำลังล้อวันนั้นวันที่ผมเปิดตัวน้องไข่เจียว เขาเองไม่ได้ตามข่าว แล้วเขาไปโรงเรียนเพื่อนๆ ก็ทักว่าเห็นปื๊งเป็นลูกพ่อก้องจริงๆ นึกว่าโกหก เพราะว่าผมได้เลิกรากับภรรยาเก่า ตั้งแต่ลูกอายุได้ 6 ขวบ ซึ่งก็ผ่านมาแล้ว 4-5 ปีคือเรื่องเวลาผมไม่แน่ใจ ที่ผ่านมาผมคุยกับลูกตลอด ซึ่งลูกทั้งสามคนของผมเขาก็มาหากันทั้งปิ๊ง ปลื้มและไข่เจียว ลูกๆเข้าใจในสิ่งที่ผมเป็น แต่สิ่งที่ผมไม่ได้เอารูปลูกอีก 2 คนมาโพสต์ก็เพื่อความสบายใจของลูก และอีกอย่างคือเขารู้สึกไม่โอเคเวลาโดนเพื่อนล้อว่ าทำไมพ่อก้องเป็นพ่อของเขาแล้วทำไมไม่มาหาบ้าง ก็อย่างที่ผมบอกว่าผมได้เลิกรากันไปแล้ว ผมอยากให้เกียรติภรรยาเดิมที่จดทะเบียนสมรสครั้งแรก เพราะว่าวันที่จดทะเบียนหย่าจะต้องมีการเซ็นว่าใครจะเป็นผู้ดูแลบุตรซึ่งเขาคือคนที่ดูแลลูกตั้งแต่เล็กจนโตพอวันนึงที่ออกสื่อเสร็จปั๊บแล้วผมไปโพสอวดลูกทั้งสองคนทั้งที่ผมไม่ได้เลี้ยงเขา ก็ทำให้เขาไม่มีความสุขซึ่งหลังจากที่เป็นข่าววันนั้นผมกับปิ๊งและปลื้มยังไม่ได้พูดคุยกันเลยเขาบล็อกข้อความผมซึ่งเขาบอกผมว่าเขาไม่ได้โกรธผมแต่เขากลัวแม่กลัวแม่ด่ากลัวแม่คิดมาก"

 

          ได้มีการส่งเสียเลี้ยงดูยังไง

          "ก่อนที่เป็นก้อง ห้วยไร่ไม่ได้มีการส่งเสียเลี้ยงดูอะไรเพราะโดยตัวเองก็เอาตัวเองไม่รอดซึ่งหลังจากเลิกรากันไปผมก็ทำงานก่อสร้างแจกใบปลิวจนมาทำงานที่นิติพลคลินิกก็ยังไม่มีการส่งเสียจนเริ่มเป็นก้องห้วยไร่และมีงานคอนเสิร์ตที่เรณูนครซึ่งลูกของผมอยู่อำเภอป่าปาก ซึ่งมันใกล้กันคุยกับผู้จัดการว่าพี่ผมอยากไปทางครอบครัวพ่อแม่ฝ่ายหญิงเขาจะว่ายังไงเพราะผมทิ้งเขามา 5-6 ปีอยู่ดีๆจะไปตรงนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นซึ่งผมก็บอกว่าผมขอเสียงก็เลยไปพอไปถึงเสร็จปั๊บลูกกอดร้องไห้ซึ่งตอนที่ผมได้บ้าง เพลงแล้วแต่ยังไม่ได้มีเงินอะไรมากมายผมก็ส่งให้เดือนละ 10,000 บาทโดยที่คุณพ่อคืออดีตพ่อตาของผมท่านเป็นคนดีมากก็เปิดให้เป็นบัญชีให้ลูกผมโดยที่ถ้าอายุ 18 ปีก่อนถึงจะเบิกได้เราก็ใส่เข้าไปแล้วหากลูกไปโรงเรียนอยากได้รองเท้าฟุตบอล อยากได้คอมพิวเตอร์อยากได้อะไรที่เป็นอุปกรณ์การเรียนได้โทรศัพท์มือถือผมก็จะให้เค้าถ้าหากเขาตั้งใจเรียนและสอบได้ที่ 1 ผมก็จะซื้อให้ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังส่งเสียให้ทุกเดือนจนมาถึงช่วงนี้ที่ผมบอกเขาว่าพ่อซื้อรถตู้ใหม่ แล้วใช้เงินเยอะมากเพราะขอซัก 2-3 เดือนนะที่ไม่ได้ให้เป็นตัวเงินแต่ก็ให้เป็นของอย่างเขาอยากได้กระเป๋าก็พาไปซื้อกระเป๋าอยากได้รองเท้าวิ่งเพราะเขาชอบวิ่งด้วยความที่แม่เขาเป็นนักกีฬาเป็นนักวิ่งทีมชาติเป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติ"

 

 

(คลิป) 'ก้อง ห้วยไร่' รับเห็นแก่ตัวเกินจะออกมายอมรับความจริง

    ภรรยาเก่าเขาเข้าใจไหมที่เราไม่ได้ส่งเสียในช่วงนี้
    "จริงๆตั้งแต่เลิกลากันก็ไม่ได้คุยกันเลยเขาก็รู้สึกว่าคือเขาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยเขาสามารถเลี้ยงดูรูปได้รู้สึกว่าฉันเลี้ยงมาขนาดนี้แล้วก็ไม่ต้องมาเลี้ยงต่อหรอกแต่ผมก็เข้าไปขอให้ได้ทำหน้าที่พ่อหน่อยเพราะตอนนี้ผมมีรายได้แล้วต่างจากเมื่อก่อน ที่ลำพังตัวผมเองผมก็ยังเอาตัวเองไม่รอดทุกวันนี้ก็เป็นปกติเพราะตอนที่ไปเซ็นอย่าหักทะเลาะกันเจ้าทะเบียนเขาจะไปให้เซ็นถ้าผมพูดไปขอให้มันเป็นสตอรี่นี้นะครับคือว่าภรรยาเก่าผมเป็นนักกีฬาแล้วไปแอบมีอะไรกันจนเขาตั้งท้อง ผมขอพูดดีกว่าเพื่อความสบายใจของตัวผมเองด้วยและทำให้คนอื่นที่ถามกันมาว่าไม่รักเขาหรอทั้งที่เขาตั้งท้องลูกของเราแล้วทำไมถึงไปทิ้งเขาพอเขาตั้งท้องเสร็จปั๊บความเป็นวัยรุ่นก็จะเอาลูกไปทำแท้งซึ่งเขาก็ไม่สามารถบอกครอบครัวเขาได้เพราะตอนนั้นเขาเรียนต่อปริญญาโทอยู่และเป็นนักกีฬาทีมชาติผมก็เลยบอกเขาว่างั้นเอาอย่างนี้แล้วกันให้ปกปิดพ่อแม่ครู คุณคิดว่าคุณติดติดอะไรในขณะที่ท้องโตแล้วพอแล้วพอคลอดเสร็จปั๊บผมก็เอาลูกมาเลี้ยงอยู่ประมาณปีครึ่งไม่ได้มาเลี้ยงช่วยนะครับตอนนั้นผมอายุ 21 22 กำลังคะนองๆ ซึ่งเพื่อนๆที่เรียนอยู่ที่รามคำแหงจะรู้ว่าผมจะอุ้มลูกไปเรียนด้วยไปดีดกีต้าร์ร้องเพลง"


    แล้วทำไมถึงมีลูกคนที่ 2 ได้
    "ลูกคนที่ 2 มาจากการมาหากันแล้วก็มีอะไรกันแล้วก็ท้องอีกก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วคือจะปิดก็ปิดไม่อยู่แล้วซึ่งตอนนั้นเขาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแล้วก็ไม่สามารถที่จะหลบได้พอท้องเสร็จปั๊บผมก็โทรไปหาพ่อของอดีตภรรยา ผมขอเบอร์พ่อของคุณหน่อยโทรไปบอกพ่อผมทำลูกพ่อท้อง ได้ลูกคนหนึ่งอายุขวบกว่า และในท้องอีกคนนึงซึ่งเขาก็ตกใจเพราะตอนนั้นอนาคตลูกเขากำลังไปได้ไกลและด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่ของพ่อเขาเขาก็บอกกับเราว่า งั้นให้กลับบ้าน เพราะว่าน้องปิ๊งลูกคนแรกเขากินอะไร เพราะผมเลี้ยงเองมาตั้งปีกว่าโดยที่ครอบครัวฝั่งนั้นไม่รู้เลยผมก็เลยบอกว่าผมก็เลี้ยงตามอัตภาพของผมนั่นแหละพ่อตาผมก็เลยบอกว่าให้มาทำให้ถูกต้องด้วยการแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกันซึ่งก็อยู่ได้ไม่นานไม่กี่เดือนก็เลิกรากันเพราะว่าเขาไปทำงานและผมอยู่บ้านเลี้ยง ผมก็เลยตัดสินใจออกมาเพราะว่าลูกก็โตแล้ว และทางครอบครัวของเขาก็โอเค"

    ช่วงเวลาที่เราเป็นก้องห้วยไร่และเราเลือกที่จะปกปิดเรื่องนี้เรารู้สึกอึดอัดไหม
    "ไม่อยากโกหกเลย ทุกๆ เรื่อง แม้แต่เรื่อง ขอท้าวความว่าการก้าวเข้ามาเป็นนักร้องและถูกหาว่าไปโกงเงินเขา ถูกกล่าวหาว่าไปเป็นผัวของคนที่อยู่ต่างประเทศ ถูกทำร้ายแต่ก็พยายามคิดว่าถ้าเราไปสู้แล้วถ้าเรากลับไปอยู่เหมือนเดิมล่ะแล้วคนเกลียดเราก็เลยเลือกที่จะนิ่งดีกว่าทั้งที่อยากจะพูดแทบตาย"

 

    แล้วเพราะเหตุผลอะไรถึงออกมายอมรับในเรื่องนี้
    "เหตุผลที่ตัดสินใจโพสต์เพราะว่าถ้อยคำที่เขากล่าวหาเขาบอกว่าแม่ผมเป็นโสเภณีทั้งชาวเน็ตด้วยและตัวของเขาด้วยผมก็เลยไปตอบโต้อะไรบ้าง (เขาคือใคร) คือคนที่อยู่ต่างประเทศที่มีคดีความกันแล้วไม่ใช่คนที่มีปัญหากันเรื่องคอนเสิร์ตก่อนหน้านี้แต่เป็นผู้หญิงคนนึงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงตั้งแต่แรกก็น่าจะรู้้ ผมต้องเก็บความอดทนตรงนั้นถูกคนจมตีว่าเป็นครอบครัวที่เลวร้ายไปหลอกเงินฝรั่งซึ่งมันไม่มีเลยแม้แต่บาทเดียวแล้วเขาก็อัดคลิปด่าเป็นตุเป็นตะซึ่งผมก็เลือกที่จะนิ่งเพราะผมคิดว่าสักวันหนึ่งผมคงมีโอกาสเหมาะที่จะพูดจนวันนึงเพราะมันเป็นคดีความผมไปแจ้งความเพราะผมรู้สึกว่ามันไม่ไหวจริงๆ เพราะเขาด่าแรงมากสุดท้ายเขาก็ไปลบทุกอย่างออกซึ่งผมรู้สึกว่ามันไม่มีอะไรที่ต้องติดค้างกันแล้วนี่ซึ่งผมก็เลยไม่ได้พูดต่อแต่คนที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเขาก็คิดมาเสมอว่าผมคือคนที่ไปโกงเขาไปหลอกลวงเขา"

 

 

(คลิป) 'ก้อง ห้วยไร่' รับเห็นแก่ตัวเกินจะออกมายอมรับความจริง

 

 

       ช่วงเวลาที่เราเป็นก้อง ห้วยไร่แล้วเลือกที่จะปกปิดเรื่องนี้รู้สึกอึดอัดไหม

       “ไม่อยากโกหกเลย ทุกๆ เรื่อง  ขอโทษพี่ๆ สื่อมวลชน ที่ผมตอบบ่ายเบี่ยงจนทำให้รู้สึกว่าสื่อเอาข้อความเท็จมาปรักปรำผม หรือดิสเครดิตทั้งที่มันคือความจริง แต่เราก็พยายามที่จะบ่ายเบี่ยง ขอโทษพี่น้องแฟนเพลงทุกคน ขอโทษความรู้สึกของทุกๆ คนที่เสียไป และขอโทษคนที่สำคัญที่สุดคือทุกๆ คนที่เข้ามาในชีวิตผม และผมไปทำร้ายเขาด้วยความคึกคะนองทำร้ายเขาด้วยกันเลิกรา ทำร้ายเขาในช่วงวัยรุ่นทำร้าย ขอโทษในความคึกคะนองของผม ถามว่าที่คนตราหน้าว่าผมโกหก ผมก็ยอมรับเพราะว่าผมโกหกจริงๆ ซึ่งวันนี้ที่ผมเลือกมาพูด ไม่กังวลแล้วว่าผมเป็นก้อง ห้วยไร่ เพราะผมอยากให้ครอบครัวของผมที่อยู่ในปัจจุบันอยู่อย่างมีความสุขพ่อแม่ของน้องเบลจะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียใจที่ลูกเขามาแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่กับเรา เขาจะได้ไม่เสียใจที่เขามาใช้ชีวิตอยู่กับเรา ลูกของผมที่กำลังโตน้องไข่เจียว ซึ่งผมเชื่อว่าพอเขาโตเขาก็ไม่รู้อะไรหรอก หรือรู้ก็คงรู้น้อย ฉะนั้นผมจะไม่อ้างว่ามันเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจลูก แต่การที่ผมปิดบังเพราะผมเห็นแก่ตัวที่คิดว่าตัวเองจะเสื่อมความศรัทธา ความรัก เพราะช่วงนั้นรับงานหนัง รับงานละคร รับงานพรีเซ็นเตอร์เยอะมาก จนมองแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ตอนนี้ผมไม่กลัวตรงนั้นแล้วแล้วสิ่งที่ผมได้รับมามันสมกับสิ่งที่ผมได้โกหกไปในแทบทุกเรื่อง แล้ววันนี้ได้พูดทุกอย่างก็รู้สึกโล่งใจ”

 

 

(คลิป) 'ก้อง ห้วยไร่' รับเห็นแก่ตัวเกินจะออกมายอมรับความจริง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ