'ลีโอพุฒ' โล่งอกลูกชายปลอดภัย

   ทีมบันเทิง คมชัดลึก-ทำเอาใครๆ ต่างตกอกตกใจหลังภรรยาโพสท์ภาพลูกชายบาดเจ็บ ได้สอบถาม "ลีโอพุฒ" พุฒิพงศ์ ศรีวัฒน์ อดีตนักร้องดัง ถึงอาการลูกชายตอนนี้ในงานบวงสรวงละคร "กั๊กนักรักซะเลย" ที่พีพีทีวี

   "กลับมาบ้านพักฟื้นแล้ว ก็เป็นอุบัติเหตุที่เขาเล่นปืนอัดลมกับเพื่อน แล้วเพื่อนยิงเข้าตา แต่ตอนนี้คุณหมอช่วยแล้ว และกลับมาบ้านพักฟื้น ก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ถามว่าซีเรียสไหม ตอนแรกก็ซีเรียสนะ ก็ต้องกลับมาผ่าตัด และเอาเลือดที่คั่งในตาออก ตอนนี้ก็คือให้ประสาทตาได้พักฟื้นครับ ตอนนี้ก็ผ่าเรียบร้อยแล้ว หมอบอกว่าจะกลับมาปกติ แต่ก็ต้องคอยดูอาการ เพราะว่าคนที่มีปัญหาเรื่องอุบัติเหตุที่ตาก็จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นต้อหินมากกว่าคนปกติ ก็ต้องไปเช็คสุขภาพทุกๆ ปี ตอนที่ทราบข่าวยอมรับว่าตกใจมาก หมดแรงเลยล่ะ แต่สุดท้ายพอมันผ่านไปได้ก็ทำให้เข้าใจชีวิตมากยิ่งขึ้น มันก็ไม่ได้มีอะไรแน่นอน นี่ก็เป็นอีกครั้งห่นึงที่ลูกได้สอนและให้บทเรียนเราอีกแล้วว่าควรจะมีสติและระมัดระวังอะไรให้มากกว่านี้ (ห้ามน้องไม่ให้เล่นเลยไหม) มันคงจะเป็นไปได้ยาก เด็กพอเขาไม่เจ็บแล้วเขาก็ซนเหมือนเดิม ก็คงจะต้องอบรมและสอนให้เขารักตัวเองมากยิ่งขึ้น และระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ตอนนี้เขาก็เริ่มกลับมาซนแล้ว"

เมื่อถามต่อว่าลูกชายต้องใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน นักแสดงหนุ่มกล่าวแจงว่า
     "เป็นเดือนอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ต้องขอความเข้าใจจากทางโรงเรียนด้วย ว่าตอนนี้เรายังไม่กล้าปล่อยให้ไปเรียนหนังสือจริงๆ เพราะถึงแม้ว่าคุณหมอจะผ่าตัดแล้วก็ยังห้ามไม่ให้มีการกระทบกระเทือนครับ ก็ต้องอยู่บ้าน ตอนนี้เขายังเห็นไม่ชัดหรอก เพราะว่ามันบวมอยู่ (ได้คุยกับทางผู้ปกครองเด็กอีกคนไหม) ก็มีคุย ตอนแรกโดยธรรมชาติของคนเป็นพ่อก็โกรธนะ โกรธมากด้วย คิดอะไรฟุ้งไปหมด แต่ลูกไม่โกรธ ก็เป็นอีกอันหนึ่งที่เขาสอนเราว่ามันก็ต้องรู้จักให้อภัย คือเรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากจะให้มันเกิดขึ้นมาหรอกครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลูกของตัวเอง คือถ้าเลือกได้ให้มันเกิดกับตัวผมเองยังดีซะกว่า แต่ในเมื่อมันเกิดแล้วก็ต้องรับมือกับสถานการณ์ให้มีสติและเรียบร้อยที่สุด และสิ่งที่มันจะประเสิร์ฐที่สุดที่คนจะสามารถทำได้ก็คือการไม่ผูกใจเจ็บและการให้อภัย ผมยอมรับนะว่ามันเป็นทางแยกที่ยากมากๆ สำหรับผมที่ผมต้องเห็นลูกของผมเจ็บ แต่ถ้าลูกทำได้ ผมก็ต้องทำได้ ถ้าตอนนั้นยั้งอารมณ์ไม่อยู่ คงไม่มีไปทำร้ายร่างกายอะไรหรอกครับ แต่ถามว่าเคยคิดจะเอาเรื่องเอาราวทางกฎหมายมั้ย มันก็มีครับ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น จริงๆ แล้วผมก็ควรจะใช้เหตุการณ์นี้ในการที่จะอบรมเขามากกว่า แสดงให้เขาเห็นถึงความเข้มแข็ง และแสดงให้เขาเห็นถึงประโยชน์ของการให้อภัย น่าจะใช้โอกาสนี้ในการที่จะสอนให้ลูกมีระดับจิตใจที่สูงขึ้น แทนที่จะไปอาฆาตเขา ไปโกรธไปเกลียดเขา มันไม่มีประโยชน์"

คู่กรณีเขาได้มาขอโทษไหม
      "เขาก็มาขอโทษ แต่ก็ผ่านไปหลายวัน จนเขารู้ว่าเรื่องมันซีเรียส ก็มาขอโทษ ก็ให้อภัย ถามว่าเขาแสดงความรับผิดชอบยังไงบ้าง เขาก็ทำตามกำลังครับ คือคู่กรณีเขาก็ไม่ได้มีสตางค์อะไรมากมาย ผมก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร ก็แล้วแต่เขา (เด็กคนที่ทำเป็นเพื่อนของน้องเลยใช่ไหม) ใช่ และพ่อก็เป็นเพื่อนกันด้วย ถามว่าคุยง่ายไหมไม่ง่ายเลยเรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่อย่างที่บอก ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ มันง่ายนะ แต่เรื่องนี้ผมยอมรับเลยว่ามันยากมาก ต่อไปจะต้องเข้มงวดกับการเล่นมากๆ เลยเพราะว่าถ้าเล่นแบบนี้มันมีโอกาสไปทำให้ลูกคนอื่นเขาเจ็บเหมือนกัน มันไม่ใช่แต่ตัวเขา และก็อยากจะฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองด้วย เลือกของเล่นให้ลูก ก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับวัย และก็ความยั้งคิดของเขา แล้วก็สติในการที่จะเล่น เพราะเด็กไม่คิดหรอกครับ มันซนจริงๆ" พุฒิ กล่าวปิดท้าย