บันเทิง

สูตร "เฮียฮ้อ" จะปั่นรายได้อาร์เอสทะลุ 5 พันล้าน?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สูตร "เฮียฮ้อ" จะปั่นรายได้อาร์เอสทะลุ 5 พันล้าน? : คอลัมน์...  มายาประเทศ  โดย... นิตี้ fb/nitylive

 


          ในขณะที่ค่ายอโศก “แกรมมี่” ยังดูเงียบๆ หลังรายงานผลไตรมาส 3/2561 มีผลกําไร 15 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้วขาดทุน 773 ล้านบาท แต่สำหรับค่ายลาดพร้าว “อาร์เอส” ออกมาตีปี๊บ จะดันรายได้ก้าวกระโดดทะลุ 5,000 ล้านบาท พุ่งทะยานสูงสุดในรอบ 37 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

 


          ใครได้ยิน “อาร์เอสจะโกย 5 พันล้าน” ท่ามกลางสถานการณ์สื่อและทีวีดิจิทัลถูกโซเชียลมีเดียถูกดิสรัปชั่น ก็คงสงสัยว่า “เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) จะโม้ไปหน่อยหรือเปล่า


          ลองดูสิว่า “เฮียฮ้อ” วาดฝันในอากาศปีหน้าอย่างไรบ้าง ซีอีโอค่ายลาดพร้าว มองว่ากลุ่มธุรกิจอาร์เอสในปี 2019 จะก้าวสู่ยุคใหม่ของการดำเนินธุรกิจใหม่ ชูแนวคิด Horizontal Integration สร้างการเติบโตแนวราบ เปิดโอกาสตัวเองทำธุรกิจใหม่ๆ กำหนดยุทธศาสตร์การทำงานแบบ Diversification กระจายธุรกิจสร้างความหลากหลายและแตกต่างจากธุรกิจเดิม มีการนำความแข็งแกร่งของบิสิเนสโมเดลธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง (Multi-platform Commerce หรือ MPC) มาซีเนอจี้กับธุรกิจสื่อ (Media) และธุรกิจเพลง (Music) เข้าด้วยกันแบบมีประสิทธิภาพมาก มุ่งเน้นเจาะกลุ่มคนดูและแฟนเพลงเปลี่ยนเป็นฐานลูกค้า (Database) ถือเป็นระบบจัดการแบบไร้กรอบที่จะนำมาสู่ผลลัพธ์สูงสุด กลายเป็นอีกหนึ่งปีทองของอาร์เอส


          “ธุรกิจ MPC เติบโตเป็นรายได้หลักของกลุ่ม คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ตามด้วยรายได้กลุ่มสื่อเติบโตดีแต่จะมีสัดส่วนเป็นธุรกิจรอง คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ขณะที่ธุรกิจเพลงและอีเวนท์ทำกำไรดีสม่ำเสมอถือเป็นธุรกิจสนับสนุนที่สำคัญของบริษัท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10%”


          “เฮียฮ้อ” ชี้ตลอดระยะเวลาร่วม 4 ปีที่ทำธุรกิจ MPC ปรากฏว่าประสบความสำเร็จดีมาก มีผู้บริโภคให้การตอบรับเกินคาด ล่าสุดตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมามียอดขายเติบโตโดดเด่นทุบสถิติใหม่ต่อเนื่องทุกเดือน สำหรับกลยุทธ์ในปีหน้าจะจัดบิ๊กแคมเปญส่งเสริมการขายกระตุ้นยอดซื้อตลอดทั้งปีแล้ว พร้อมทั้งเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่กว่า 100 รายการ จากการจับมือกับแล็บชั้นนำระดับโลกผลิตสินค้าที่สุดแห่งนวัตกรรม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการจับมือกับคู่ค้าเติมสุดยอดสินค้าคุณภาพแบรนด์ชั้นนำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างบรรยากาศการจับจ่ายสินค้าหลากหลายยิ่งขึ้น จากปัจจุบันมีสินค้ากว่า 100 รายการ แบ่งเป็นกลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม (Health and Beauty) 80% ได้แก่ กลุ่มดูแลผิวภายใต้แบรนด์มาจีค (Magique), กลุ่มดูแลผมภายใต้แบรนด์รีไวฟ์ (Revive) และกลุ่มอาหารเสริมภายใต้แบรนด์ (S.O.M) ตามด้วยกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ภายในบ้านและไลฟ์สไตล์ (Home&Lifestyle) 15% และกลุ่มเครื่องประดับ (Accessories) และอื่นๆ 5%


          ส่วนแพลตฟอร์มจัดจำหน่ายสินค้าที่เข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุดในขณะนี้ ได้แก่ แพลตฟอร์มทีวีอย่างช่อง 8, ช่อง 2, ช่องสบายดีทีวี เลข 141, ช่องเพลินทีวี และวิทยุคูลฟาเรนไฮต์ ตามด้วยแพลตฟอร์มสื่อออนไลน์อย่าง www.shop1781.com, LINE@shop1781


          และประเด็นสำคัญเรื่องบริหารจัดการฐานลูกค้า (Database) ว่ากันว่ามีขนาดใหญ่มากกว่า 1 ล้านราย มุ่งสร้างธุรกิจ “ไลฟ์สตาร์ บิส (LIFESTAR BIZ)” ที่จะมาเป็นอีกหนึ่งธุรกิจไฮไลท์ตัวใหม่ โดยเป็นการสร้างตัวแทนขายตรงด้วยการรับสมัครนักขายขั้นเทพจากทั่วประเทศผ่าน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ โทรศัพท์ 0-2090-1214, เว็บไซต์ https://biz.lifestar.co.th และแอพพลิเคชั่น Lifestar BIZ ที่รองรับทั้งระบบแอนดรอนด์ และระบบไอโอเอส เข้ามาเป็นทีมนักธุรกิจไลฟ์สตาร์บิส เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าไลฟ์สตาร์ ซึ่งคาดว่าจะมีกระแสตอบรับดีภายในสิ้นปีหน้ามีนักธุรกิจไลฟ์สตาร์บิส ครบ 1,000 ราย เพราะในเบื้องต้นมีการจัดแคมเปญมอบสิทธิพิเศษมากมายให้นักธุรกิจไลฟ์สตาร์บิส อาทิ ซื้อสินค้าราคาพิเศษก่อนใคร หรือยิ่งซื้อสินค้ามากก็ยิ่งได้รับส่วนลดมาก หรือสะสมยอดซื้อครบตามกำหนดก็ลุ้นรับรางวัลเพียบ รวมทั้งในอนาคตจะนำสินค้าแบรนด์เอ็กซ์คูลซีฟหลากหลายประเภทมาขายให้เฉพาะนักธุรกิจไลฟ์สตาร์บิส เท่านั้น


          พลันคิดตาม “เฮียฮ้อ” ดูแล้วเหมือน “ธุรกิจขายตรง” เครื่องสำอางนั่นและ? เพียงแต่ใช้ความชำนาญด้านใช้สื่อมาเป็น “ช่องทาง” การขายสินค้า และใช้ “ดารา-นักร้อง” มาป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อประชาสัมพันธ์แนะนำผลิตภัณฑ์นั่นเอง


          หากดูตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 3 “บมจ.อาร์เอส” สามารถทำกำไรได้ดี เป็นแรงส่งให้ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกที่ผ่านมาทำกำไรสะสมแล้ว 381 ล้านบาท และมีรายได้รวม 2,762 ล้านบาท


          ดูเหมือนทิศทางความอยู่รอดขององค์กรอย่างอาร์เอส คือใช้ความชำนาญด้านธุรกิจดั่งเดิมมาเป็น “แพลตฟอร์ม” นำเสนอสินค้าที่กำลังเติบโตในตลาดอย่างเครื่องสำอาง โดยคงธุรกิจเพลงที่มีรายได้แค่ 10% ไว้เป็นมูลค่าทางการตลาด ซึ่งปี 2562 จะเป็นปีทองของ “เฮียฮ้อ” หรือไม่ก็คงต้องจับตาดู!!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ