บันเทิง

'บีบี' ลูกไม้ใต้ต้น 'วชิรบรรจง' สานต่องาน 'พ่อออฟ-พงษ์พัฒน์'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บีบี" เอกนรี ลูกสาวคนโตของผู้กำกับชื่อดัง "ออฟ" พงษ์พัฒน์ และ "แดง" ธัญญา วชิรบรรจง เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงการมาดูแลงานแทนคุณพ่อที่ป่วย ต้องพักรักษาตัว 


    ทีมบันเทิง  คมชัดลึก  -   เรียกว่าเป็นทายาทรุ่นที่ 2 ของตระกูล “วชิรบรรจง” ที่กำลังจะก้าวเข้ามาสานงานต่อจากคุณพ่อ “ออฟ” พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ที่ป่วยและยังไม่ได้แข็งแรงที่จะกลับมาทำงานได้อย่างเดิม ทำให้ “บีบี” เอกนรี ลูกสาวคนโตของผู้กำกับชื่อดัง “ออฟ” พงษ์พัฒน์ และ “แดง” ธัญญา ถูกจับตามมองว่าจะมาเป็นผู้สานต่องานและฝันของคุณพ่อในการมาคุมบังเหียนค่ายละคร "แอค-อาร์ตเจเนเรชั่น จำกัด" และบทบาทนี้ถูกให้มาทำอย่างกะทันกันในภาพยนตร์เรื่อง “นาคี 2” 
 

    “บันเทิง คมชัดลึก” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “บีบี” ถึงการมายืนตรงนี้ในฐานะตัวแทนของพ่อในภาวะแบบนี้
    @@ ในโปรเจ็คหนัง “นาคี 2” ได้มาทำอะไรบ้าง
    “ได้มาช่วยทางด้านเบื้องหลังแรกๆ ไม่ได้เข้ามาอยู่ช่วยเพราะว่าเราติดภารกิจในเรื่องของการเรียนต่อ แต่พอในระหว่างการถ่ายทำช่วงหลังๆ ก็มีโอกาสได้มาเก็บภาพทำทีมเบื้องหลัง เป็นการเก็บภาพเบื้องหลัง และตอนนี้ก็ได้มีโอกาสช่วยคุณพ่อคุณแม่ในเรื่องของบรู๊ฟโปรดักชั่น เรื่องของการตัดต่อให้ความเห็นทางด้านซีจี การคุมงานต่างๆ ในเรื่องของว่าเด็กรุ่นใหม่มีมุมมองยังไง เพราะบางทีคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องการความคิดใหม่ๆ บ้าง หนูกับน้องก็มาช่วยทางด้านการเสริมความคิดในส่วนนี้ ในส่วนของคุณพ่อซึ่งเป็นผู้กำกับก็จะมองว่าดีหรือไม่ดี ไม่ได้มองในส่วนของความที่เราเป็นลูก แต่มองในเรื่องของความเหมาะสม”
    @@ เรียนจบทางด้านอะไรมา
    “หนูเรียนจบทางด้านถ่ายภาพ ทางด้านปริญญาตรีและมีโอกาสได้เรียนต่อ เพราะคุณพ่อฝันไว้ว่าอยากให้หนูเรียนด้านภาพยนตร์ก็เลยไปเรียนต่อให้คุณพ่อ ก็ได้มีโอกาสไปเรียนเป็นคอร์สสั้นๆ ในเรื่องของการทำซีจีและเรื่องของภาพยนตร์ เราเรียนให้รู้เพื่อเราจะได้บอกความต้องการของเรากับทีมงานได้อย่างถูกต้อง และได้มีโอกาสไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทางด้านโปรดักชั่น ในเรื่องของการทำหนัง ซึ่งทางโรงเรียนที่เราไปเรียนก็จะมีการให้เราลงสนามโดยการจัดเป็นคอร์สให้เราทำผลงานในทุกๆ สัปดาห์ ก็เป็นงานที่ท้าทายพอสมควรทำให้เราได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงของการทำงาน แต่พอกลับมาไทยจริงๆ เราเองก็คุ้นเคยกับกองถ่ายมาตั้งแต่เด็กแล้ว ซึ่งมันทำให้เรารู้ว่าการทำงานในสนามจริงมันสำคัญที่สุด ถึงเราจะได้รับการฝึกงานที่ต่างประเทศมา แต่ระบบมันก็ไม่เหมือนกันอยู่ดีการคุยงานแผนงาน การวางระบบงานมันก็ไม่เหมือนกัน ซึ่งเราได้เรียนรู้จากคุณพ่อคุณแม่ดีที่สุด เราโชคดีด้วยแหละที่มีโอกาสมีคุณพ่อเป็นคนคอยสอนงาน ได้อยู่กับคุณพ่อตลอดเวลาทำให้เราได้เรียนรู้งาน เพราะตอนนี้เราเรียนจบมาแล้ว เราต้องมาสานต่อสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำไว้ให้ดีที่สุดเพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็ต้องเตรียมตัวรับมือให้ดีที่สุด ซึ่งสามารถที่จะใช้ต่อได้ทันทีทำงานให้ได้ประสิทธิภาพพร้อมกันกับที่คุณพ่อคุณแม่ทำไว้ หรือให้ได้ใกล้เคียง แต่ถ้าจะให้เหมือนเป๊ะ มันก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะเป็นคนละคนกัน แล้วการทำงานไอเดียความคิดก็คนละแบบกัน แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด เชื่อในสายเลือดคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ในตัวเรา

 

 

'บีบี' ลูกไม้ใต้ต้น 'วชิรบรรจง' สานต่องาน 'พ่อออฟ-พงษ์พัฒน์'

'บีบี' ลูกไม้ใต้ต้น 'วชิรบรรจง' สานต่องาน 'พ่อออฟ-พงษ์พัฒน์'

'บีบี' ลูกไม้ใต้ต้น 'วชิรบรรจง' สานต่องาน 'พ่อออฟ-พงษ์พัฒน์'

 

 

 

     เราถูกคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงมาเราเห็นวิธีการทำงานเขา เพราะฉะนั้นหนูมีความเชื่อว่าหนูมีความเป็น “วชิรบรรจง” มากอยู่แล้ว ส่วนน้อง (“ไรเฟิล” ภูรีพงษ์ ลูกชายคนเล็กของออฟ) เขาเรียนจบด้านการถ่ายภาพวีดีโอภาพเคลื่อนไหวมาโดยเฉพาะ ฉะนั้นเรื่องของการถ่ายทำเขาจะรู้เยอะกว่า ส่วนตัวของหนูก็จะขอทำเป็นโปรเจ็คอย่างตอนทำโฟโต้บุ๊ครากนครา ตอนนี้ก็ขอคุณแม่ทำโฟโต้บุ๊คกรงกรรมต่อ โดยเราจะพอจะมีการขอทาง คุณแม่ว่าเราจะรับผิดชอบในส่วนนั้น ส่วนนี้พร้อมกับการซึมซับการทำโปรดักชั่นไปด้วย แต่ก็อาจจะไม่ได้ทำเต็มมากเท่ากับน้องซึ่งเราเองกับน้องก็มีมุมมองเพราะๆ กันอาจจะมีความเห็นต่างกันบ้างแต่เมื่อมารวมกันมันจะได้มุมมองที่ดีขึ้น”
    @@ คุณพ่อคุณแม่ปูทางให้บีกับน้องมาตั้งแต่แรกแล้ว
    “ใช่ แต่จริงๆ แล้วเราเองก็เรียนรู้ตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้วว่าเราชอบทางไหนและรักทางไหนเพราะที่ผ่านมาคุณพ่อคุณแม่เองให้หนูได้เรียนทุกอย่างเรียนให้รู้ว่าชอบไม่ชอบเปิดโอกาสให้หนูได้ทดลองทุกอย่าง”

 

 

'บีบี' ลูกไม้ใต้ต้น 'วชิรบรรจง' สานต่องาน 'พ่อออฟ-พงษ์พัฒน์'

'บีบี' ลูกไม้ใต้ต้น 'วชิรบรรจง' สานต่องาน 'พ่อออฟ-พงษ์พัฒน์'
 

    @@ เหมือนบีมีความคิดอยู่แล้วที่จะมาช่วยสานต่องานของคุณพ่อ แต่คิดไว้ไหมว่ามันจะเร็วขนาดนี้
    “ไม่นะ เพราะเราคิดว่าทุกๆ วันคือการทำงาน เผื่อคุณพ่อจะสบายดีหรือไม่สบายดี เราไม่มีทางรู้ ถึงคุณพ่อจะสบายดี หนูเองก็อยากทำงานอยู่เคียงข้างคุณพ่อ ตอนนี้ถึงพ่อจะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้สะดวกกับการทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งนี้แหละทำให้เราได้เรียนรู้งานเร็วขึ้น ตอนนี้เราเรียนจบมาแล้ว ก็ทำเลยเพราะเราไม่รู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น ถ้าเราเตรียมตัวให้ดีที่สุดทำทุกวันให้ดีที่สุดถามว่าพร้อมรับมือกับปัญหาที่จะต้องเจอไหม พร้อมนะ เพราะหนูก็เคยขอคุณแม่ว่าจบเรื่องหนังนาคี ถ้าไว้ใจหนูเมื่อไหร่ให้หนูขึ้นชาร์ต หนูพร้อมแต่อาจจะต้องมีคนคอยตบ เพราะด้วยความที่เราอาจจะมีความอาร์ตจ้ะเหมือนคุณพ่ออาจจะต้องมีคนดูในเรื่องพานิชย์เหมือนคุณแม่มาคอยช่วยเพราะด้วยความที่หนูกับน้องมีความทั้งคู่ไม่มีใครที่เป็นพาณิชย์เลยก็เลยต้องมีคนคอยตบ ในฟิลด์ของการทำละครในการผลิตเนื้องานมันจะต้องมีการผสมผสานกันตรงนี้”
    @@ มั่นใจว่าความเป็นวชิรบรรจงของเราจะสานต่องานของคุณพ่อได้
    “เป็นเรื่องที่ว่าหนูเชื่อว่าการทำงานที่หนูจะทำต่อไปจะทำให้คนได้เห็นว่าหนูกับน้องมีความเป็นวชิรบรรจง แต่ถามว่าผลงานที่ออกมาจะเป็นเหมือนของคุณพ่อเลยไหมมันไม่มีทางเป็นไปได้เพราะอย่างที่บอกว่างานศิลปะคนทำคนละคนถึงจะให้วาดภาพเหมือนกันยังไงก็จะเป็นฝีมือของคนละคนอยู่ดี ความเป็นพงษ์พัฒน์ก็คือพงษ์พัฒน์ หนูไม่มีทางเป็นคุณพ่อได้ถึงหนูจะเป็นลูก  หนูไม่เคยหวังว่าคนจะมองว่าเป็นลูกออฟ-พงษ์พัฒน์ทำไมทำได้แค่นี้ สิ่งที่หนูอยากบอกก็คือหนูกับพ่อคือคนละคนกัน ความเป็นวชิรบรรจงไม่ได้เป็นการบอกว่าหนูจะต้องเหมือนคุณพ่อคุณแม่ แต่มันเป็นการบอกว่าหนูได้สายเลือดของเขามาทำงานให้มันเป็นแอ็คอาร์ตมากที่สุด”

 

 

'บีบี' ลูกไม้ใต้ต้น 'วชิรบรรจง' สานต่องาน 'พ่อออฟ-พงษ์พัฒน์'

'บีบี' ลูกไม้ใต้ต้น 'วชิรบรรจง' สานต่องาน 'พ่อออฟ-พงษ์พัฒน์'

'บีบี' ลูกไม้ใต้ต้น 'วชิรบรรจง' สานต่องาน 'พ่อออฟ-พงษ์พัฒน์'

 


    @@ แต่การที่เราเป็นวชิรบรรจงจะมีความคาดหวังของผู้ชมตามมาอยู่แล้วรู้สึกยังไง
    “ยอมรับว่าตอนแรกๆ หนูเครียดมากว่าถ้าหนูทำไม่ได้เหมือนพ่อล่ะ แต่พ่อก็จะบอกว่าจะเครียดทำไมงานศิลปะให้ทำยังไงมันก็ไม่เหมือนกันให้หนูกับคุณพ่อวาดรูปวงกลมวงกลมของหนูกับคุณพ่อยังไม่เหมือนกันเลยมันเป็นสิ่งที่พูดไม่ได้แต่ ถามเรื่องความกดดันว่ามันมีไหมมันมีอยู่แล้ว แต่มันเป็นตัวบอกเราว่าเราต้องทำให้ดีที่สุด หน้าที่ของเราคือการสร้างผลงานที่ดีที่สุดออกมา ในส่วนของความชอบของคนดูเป็นหน้าที่ของคนรู้เราไม่สามารถบอกเขาได้ว่าเขาต้องชอบหนังเรา สิ่งที่เราทำได้คือเราเต็มที่และทำมันออกมาให้ดีที่สุด พ่อจะสอนเสมอว่าถ้าเราเต็มที่กับงาน ให้งานออกมายังไงเราก็จะไม่มีวันเสียใจกับมัน พราะเราไม่สามารถทำทุกอย่างได้ถูกใจทุกคนแต่สิ่งเหล่านี้มันคือบทเรียนที่เราจะต้องเอามาปรับปรุงใช้ในงานหน้า พ่อมักจะบอกเสมอว่างานละครทุกงานมันคือการเริ่มต้นใหม่ มันไม่มีทางที่เราจะอยู่กับความสำเร็จในครั้งก่อนๆ ได้ไปตลอด”
    @@ ยืนยันว่าจะสานต่อค่ายแอ็คอาร์ตของคุณพ่อ
    “จริงๆมันก็ค่อนข้างแน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่มีหนูกับน้องไม่ว่ายังไงหนูกับน้องก็เป็นทายาทที่จะสืบต่อและอย่างที่บอกว่าเราสองคนจบมาด้านนี้ด้วยค่อนข้างตรงสายเลยเป็นที่ชัดเจนว่ายังไงเราก็ต้องทำตรงนี้และรับมือกับตรงนี้ และทำมันออกมาให้ดีที่สุด ที่ผ่านมาคุณพ่อคุณแม่ลำบากแทนเราเราก็อยากที่จะตอบแทนและด้วยความที่เราเป็นลูกคนโตด้วยละมั้งก็อยากที่จะเดินหน้าไปให้เร็ว”
    @@  พร้อมที่จะมาเป็นผู้นำแทนคุณพ่อใช่ไหม
    "อย่าเรียกว่าเป็นผู้นำเลยเพราะที่ผ่านมาคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้ที่จะเป็นผู้นำพอบ้านเราจะเท่าเทียมกันมากกว่าคือพวกเราอยู่กันแบบการเดินข้างๆกันอยู่เคียงข้างกันยิ่งน้องกับหนูไม่มีใครที่เป็นผู้นำแน่นอนโอเคหนูอาจจะเป็นพี่คนโตแต่น้องเป็นผู้ชายมันก็จะมีความขัดตรงนี้แล้วมันเลยทำให้เราไม่ได้คิดว่าใครจะมานำใครคือเราจะเคียงข้างกันไปแต่จะเคียงข้างกันในรูปแบบไหนคงต้องมาดูกันอีกทีเราต้องมีการแบ่งบทบาทหน้าที่ของกันและกันให้ชัดเจนเพื่อว่าจะได้เดินหน้าในหน้าที่และบทบาทของเราให้ดีที่สุดอย่างกับคุณพ่อคุณแม่คุณแม่ไว้ใจให้คุณพ่อกำกับคุณพ่อเองก็เชื่อใจให้คุณแม่บริหารมันต้องต่างคนต่างวัยใจเชื่อใจกัน"
    ให้กำลังใจกับทายาท “วชิรบรรจง” 

 

 

'บีบี' ลูกไม้ใต้ต้น 'วชิรบรรจง' สานต่องาน 'พ่อออฟ-พงษ์พัฒน์'

'บีบี' ลูกไม้ใต้ต้น 'วชิรบรรจง' สานต่องาน 'พ่อออฟ-พงษ์พัฒน์'

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ