ความห่วงใย!! จาก 'บอสบอย' ถึง 'ฟิล์ม' 

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก - ถูกมองว่าขึ้นแท่นลูกรักคนใหม่ของบิ๊กบอส "บอย" ถกลเกียรติ ไปแล้ว สำหรับ "ฟิล์ม" ธนภัทร สามีแห่งชาติคนล่าสุด ที่ดังชั่วข้ามคืนกับละคร "เมีย 2018" โดยดังแบบไม่ทันตั้งตัว หลายคนเลยออกอาการเป็นห่วงว่าพระเอกหนุ่มเลือดใหม่จะรับมือกับความดังตรงนี้ได้ยังไง ล่าสุดพอมีโอกาสเจอบอสใหญ่แห่งค่าย "เอ็กแซกท์" อย่าง "บอย" ถกลเกียรติ จึงถามถึงการดูแลความดังของพระเอกหนุ่มคนนี้
 

    เคยเตือนสติฟิล์มบ้างไหม แบบซึ่งๆ หน้า 
    “ไม่หรอกครับ นักแสดงทุกคน คนที่ผมทำงานด้วยเขาจะรู้ว่าผมจะคอยสอน คอยเตือนสติ คอยให้คำแนะนำตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแสดง การวางตัว ทั้งในความเป็นนักแสดงและความเป็นดารา ซึ่งก็มีความต่างกันนะ ผมว่าวินัยในการทำงานอะไรแบบนี้ ผมว่ามีอะไรก็คุยกันอยู่ตลอด สิ่งที่เราทำ จริงๆผมทำแบบนี้มาตั้งแต่ผมเข้าวงการนะ ลองไปถามศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง มอส (ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) 3 หนุ่ม 3 มุม ดู เวลาเราทำงานกับใคร เราก็ถือว่าเขาเป็นพี่เป็นน้อง เป็นครอบครัว เราก็ทำด้วยความที่อยากให้ทุกคนเจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน”

    คนจะมองว่าฟิล์มประจบที่เอารูปคุณบอยขึ้นหน้าจอมือถือ
    “โอ้ย...ถ้าผมมัวแต่คิดแบบนั้นผมไม่ต้องทำงานแล้วครับ (หัวเราะ) ผมดูคนผมดูที่งาน ดูที่ผลงาน ความตั้งใจ ดูที่เขามีความตั้งใจในการทำงานขนาดไหน จริงใจในการทำงานขนาดไหน เพราะว่าอาชีพนี้ไม่ได้มากันได้เล่นๆ ไม่ใช่ทำเล่นๆแล้วมากันได้ มันต้องจริงจัง จริงใจ ต้องทุ่ม ผมทำอาชีพนี้มาเกือบ30ปี เราผ่านอะไรมาเยอะ ผ่านความเหนื่อยยากลำบาก ทั้งประสบความสำเร็จ ทั้งไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งความโด่งดัง ทั้งไม่โด่งดัง ทั้งโดนด่า ทั้งได้รางวัล มันผ่านมาเยอะหมด แล้วเราก็เห็รบุคคลที่เจ้ามาอยู่ในวงการนี้ เหมือนเป็นวงการที่เหมือนมันหอมหวานท่ามกลางแสง สี บางคนก็ดังพลุแตกแล้วแป๊บเดียวก็ไป บางคนมาไม่ดังสักที แต่ผ่านไป 5-6 ปีก็มาดังพลุแตก หรือบางคนดังอยู่แล้วก็ต่อเนื่องกันไปเป็นสิบกว่าปีก็มี มันมีทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้นทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่ที่ของเขา ความจริงจังและจริงใจกับอาชีพขนาดไหน”
    เป็นห่วงเขาขนาดไหน
    “ผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องปกตินะครับ สิ่งที่เราจะคุยกัน เนื่องจากประสบการณ์ที่เคยพบเจอกันนะครับ เขาก็มีความกังวลว่างานต่อไปเขาจะได้เหมือนที่เขาเคยได้จากเมีย2018มั้ย หรือยังไง เราก็คอยคุยกับเขาว่าไม่ต้องไปห่วงผลลัพธ์ เอาทำงานของเราให้มันดีที่สุด ให้งานเป็นตัวพาเราไป และตั้งใจกับการทำงาน ถ้ามัวแต่พะวงกับผลลัพธ์ เราจะลืมเป้าหมาย เพราะเป้าหมายกับผลลัพท์มันไม่เหมือนกัน ถ้าเรามีเป้าหมายเป็นตัวตั้ง ผลลัพท์จะออกมาเป็นยังไง เราไม่รู้ อาจจะน้อยหรือมากกว่าเป้าหมายก็ได้ใครจะรู้”

    ตอนนี้ฟิล์มเป็นลูกรัก
    “ก็รักหลายคนนะครับ (ยิ้ม) ตอนนี้บอกได้เลยว่ามีนักแสดงใหม่ๆที่มาแรง ที่เราทำงานด้วยหลายคนมากๆเลยที่น่าจับตามอง มันบอกอะไรบางอย่าง ผมว่างานของเราที่ผ่านมา 2-3 ปี มันก็เป็นตัวอย่างเป็นข้อพิสูจน์บางอย่างว่าสิ่งที่เราพยายามตั้งใจทำตั้งแต่แรกมันจะดียังไง แตกต่างยังไง และบอกได้เลยว่าทำให้มีนีกแสดงหลายๆคนไม่ว่าจะหน้าใหม่หรือที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว โด่งดังอยู่แล้ว อยากมาร่วมงานกับเรา นั่นเป็นสิ่งที่ดี นั่นเป็นสิ่งที่ผมมีความสุขมากๆ เราอยากทำงานกับคนเก่งๆ เราชอบทำงานกับคนเก่งๆ ชอบทำงานกับคนที่ตั้งใจ เราชอบทำงานกับคนที่รักในอาชีพนี้ เพราะเรารักในอาชีพนี้ เราไม่ต้องการให้ใครมาดูถูกอาชีพเรา”
    ก่อนหน้านี้ฟิล์มมีข่าวด้านลบ อย่างผู้ดูแลเรื่องเยอะ หรือมีปัญหาเรื่องงาน เป็นห่วงอะไรมั้ย
    “อันนี้มันจุกจิกครับ ผมว่าคนที่ประสบความประสบผลสำเร็จแบบนี้ก็จะเจอเรื่องจุกจิกแบบนี้ไปหมด ก็ไม่ได้ห่วงอะไร อยู่ที่ตัวของเขา อยู่ที่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของเขานะครับ ผมว่าเขามีเดิมพันเยอะมาก เขาเข้ามาผมยังจำได้ในวันที่เราเจอเขา และพูดคุยกัน เขาก็ฝึกการแสดงอยู่หลายปีอยู่เหมือนกันนะครับ สักพักหนึ่งเลยแหละและก็ไม่มีงานสักที จนเขาบอกว่าเขาต้องไปหาอาชีพเสริม เขาก็ไปสมัครเป็นสจ๊วตรายได้ก็ใช้ได้ ก็อยู่ทำงานเป็นสจ๊วดสักพักหนึ่ง จนได้เริ่มเล่นละคร ก็ยังไม่ได้ดังมากเท่าไหร่ จนวันหนึ่งทางพี่ป้อน (นิพนธ์ ผิวเณร) ก็คุยกับเขาว่าจะจริงจังกับอาชีพนี้แค่ไหน เพราะว่าถ้าเผื่อเรามีละครให้คุณเล่นเรื่องหรือสองเรื่อง แต่คุณยังมีอาชีพอื่นให้ต้องไปทำ โฟกัสอยู่ตรงไหนยังไง คุณคิดว่ายังไง เขาบอกว่าเขาอยากจะทำในแบบนี้ ซึ่งผมว่าน้อยคนนะครับที่จะทำแบบนั้น อันนี้มันก็เป็นเดิมพันของเขา เขาทิ้งอาชีพที่เขาสามารถสร้างรายได้ให้เขาเดือนละเป็นแสน เขาทิ้งมาก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง แต่จากการที่เขาทิ้งตรงนั้นแล้วและตั้งใจทำมันออกมา มันได้เสียงตอบรับที่ดีมากๆ มันก็เป็นสิ่งที่ดีกับเขา ผมว่าอันนี้ต่างหากที่น่าชื่นชม”