Lifestyle

จุฬาฯ มหาวิทยาลัยสีเขียวอันดับ 3 ของไทย ปี 2019

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จุฬาฯ มหาวิทยาลัยสีเขียวอันดับ 3 ของไทย ปี 2019 อันดับ 1 ด้านการจัดการพลังงานการจัดการขยะ การเรียนการสอนและการวิจัย 

 

 

              ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยสีเขียวของโลก หรือ UI Green Metric World University Ranking 2019 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับการจัดอันดับเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวอันดับที่ 84 ของโลก และเป็นอันดับที่ 3 ของมหาวิทยาลัยไทย โดยได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ใน 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ ด้านการจัดการพลังงาน ด้านการจัดการขยะ และด้านการเรียนการสอนและการวิจัย

อ่านข่าว:จุฬาฯ ครองมหาวิทยาลัยอันดับ1ของประเทศไทยเป็นปีที่ 4

 

 

             สำหรับปีนี้มีมหาวิทยาลัย 780 แห่งทั่วโลก ที่เข้าร่วมการจัดอันดับ และมีมหาวิทยาลัยไทยเข้าร่วมทั้งสิ้น 37 แห่ง ในภาพรวมอันดับของมหาวิทยาลัยไทย โดยเฉพาะสามอันดับแรกคือมหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีผลคะแนนและอันดับที่ขยับขึ้นจากปีก่อน

 

            ทั้งนี้ Green Metric World University Ranking มีเกณฑ์ชี้วัดแบ่งออกเป็น 6 หมวด ได้แก่ 1) Setting and Infrastructure (การจัดการพื้นที่ในมหาวิทยาลัย เช่น พื้นที่สีเขียว พื้นที่ซึมซับน้ำ) คิดเป็น 15% ของคะแนน 2) Energy and Climate Change (การจัดการพลังงาน รวมไปถึงเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและ Carbon Footprint องค์กร) คิดเป็น 21% 3) Waste Management (การจัดการขยะ) คิดเป็น 18% 4) Water Management (การจัดการน้ำ) คิดเป็น 10% 5) Transportation (การขนส่ง) คิดเป็น 18% และ 6) Education and Research (การเรียนการสอน การวิจัย ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องของสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน) คิดเป็น 18 %

 

 

              กอปร ลิ้มสุวรรณ หัวหน้ากลุ่มภารกิจการจัดการสิ่งแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  เปิดเผยว่า การที่จุฬาฯ ได้ผลคะแนนเป็นอันดับ 1 ใน 3 ตัวชี้วัด ได้แก่ ด้านการจัดการพลังงาน ด้านการจัดการขยะ และด้านการเรียนการสอนและการวิจัย เป็นผลมาจากความสำเร็จในการดำเนินการด้านต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในด้านการจัดการขยะ

 

จุฬาฯ มหาวิทยาลัยสีเขียวอันดับ 3 ของไทย ปี 2019

              จุฬาฯ มี โครงการ Chula Zero Waste ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการยกระดับการจัดการขยะในมหาวิทยาลัยและสร้างความตระหนักให้แก่ประชาคมจุฬาฯและสังคมภายนอก ส่วนด้านการจัดการพลังงาน สิ่งที่จุฬาฯ เน้นคือการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพส่งเสริมการใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงาน มีโครงการปรับเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพสูง

 

               และโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยแสงอาทิตย์ เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน Renewable Energy ซึ่งมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการติดตั้งเรียบร้อยแล้วทั้งมหาวิทยาลัย และทยอยดำเนินการ โดยในปีนี้กำลังติดตั้งที่อาคารจามจุรี 9 ส่วนเรื่องของการศึกษาและวิจัย จุฬาฯ มีกองทุนวิจัยต่างๆ ที่ส่งเสริมการวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในหลากหลายมิติ อีกทั้งมีการประเมิน Carbon Footprint และจัดทำรายงานความยั่งยืน หรือ Sustainable Report ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2013 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คะแนนของจุฬาฯ เพิ่มมากขึ้น

 

            หัวหน้ากลุ่มภารกิจการจัดการสิ่งแวดล้อม จุฬาฯ กล่าวว่า ในด้านการจัดการพื้นที่ในมหาวิทยาลัย (Setting and Infrastructure) จุฬาฯ ค่อนข้างเสียเปรียบเพราะเป็นมหาวิทยาลัยใจกลางเมืองที่มีอาคารจำนวนมากว่า 200 อาคาร รองรับกิจกรรมการเรียนการสอนการวิจัยของนิสิตบุคลากรมากกว่า 45,000 คน ซึ่งทำให้ จุฬาฯ มีข้อจำกัดอย่างมากในการเพิ่มปริมาณพื้นที่สีเขียว แต่เราพยายามเพิ่มคุณภาพของพื้นที่สีเขียวให้คนได้เข้ามาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ หรือในด้านการจัดการน้ำ (Water Management) จุฬาฯ ก็มีข้อจำกัดด้วยเรื่องของพื้นที่เช่นกัน ทำให้เราจำเป็นต้องใช้น้ำประปาและไม่สามารถสร้างบ่อสำหรับเก็บกักน้ำฝนหรือระบบบำบัดน้ำเสียรวมขนาดใหญ่เพื่อหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ยังคงต้องใช้ระบบบำบัดน้ำเสียภายในแต่ละอาคารเป็นหลัก
         

 

 

                 “เรื่องระบบขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จุฬาฯ ทำได้ดีจากการดำเนินงานตามแผนแม่บทการพัฒนามหาวิทยาลัย โดยเรามีอาคารจอดรถสี่มุมเมือง ช่วยลดการจราจรและมลภาวะทางอากาศ รวมทั้งมีทางเลือกการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่น รถโดยสารภายในจุฬาฯ (Chula Pop Bus) ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด หรือการส่งเสริมให้คนเดินเท้าด้วยการทำทางเดินมีหลังคาคลุม และมีโครงข่ายการสัญจรที่จุฬาฯ ทำไว้ทั้ง CU Bike, CU Toyota Ha:mo และ Muvmi” กอปร กล่าว

 

 

จุฬาฯ มหาวิทยาลัยสีเขียวอันดับ 3 ของไทย ปี 2019

               แม้จะมีข้อจำกัดทางด้านกายภาพและพื้นที่ แต่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังคงไม่หยุดที่จะพัฒนาเพื่อการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างยั่งยืนต่อไป สิ่งที่จะพัฒนาต่อไปในอนาคต จุฬาฯ จะให้ความสำคัญกับในเรื่องของคุณภาพสิ่งแวดล้อม และการมีส่วนร่วม (Engagement) ของคนในจุฬาฯ และชุมชนรอบๆ ให้มากขึ้น เน้นการสร้างจิตสำนึกของคนในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิสิตเช่น โครงการ Chula Zero Waste ที่มีการบริหารจัดการขยะในภาพรวมของมหาวิทยาลัย และลงไปถึงพฤติกรรมของนิสิตด้วย ทั้งนี้เรื่องของมหาวิทยาลัยสีเขียวหรือมหาวิทยาลัยยั่งยืนไม่ควรถูกจำกัดอยู่แค่เรื่องกายภาพอย่างเดียว แต่ควรขยายไปยังเรื่องของสังคม เศรษฐกิจ และอื่นๆ ที่ครอบคลุมบริบทของความยั่งยืนด้วยเช่นกัน

 

            “การจัดอันดับมหาวิทยาลัยสีเขียว โดย UI Green Metric ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้เราได้เห็นมาตรฐาน (benchmark) เมื่อเทียบกับตัวเองในอดีต และเทียบกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ ด้วย แต่สิ่งสำคัญมากกว่านั้นคือการทำให้ทุกคนตระหนักและร่วมมือกันทำให้จุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างยั่งยืน" กอปร กล่าวทิ้งท้าย

 

           ติดตามผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยสีเขียวประจำปี 2019  ได้ที่www.greenmetric.ui.ac.id/

   

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ