Lifestyle

มติบอร์ดแม่วัยใส 'นร.-นศ.ท้อง' ต้องได้เรียนต่อเนื่อง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คกก.ป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งครรภ์ในวัยรุ่นห่วงแม่วัยใส กำชับทุกจังหวัดดูแลให้เข้าถึงบริการที่เป็นมิตร ย้ำ'นร.-นศ.ท้อง' ต้องได้เรียนต่อเนื่องไม่ถูกกดดันให้ลาออก

 

 

             วันที่ 16 ธันวาคม 2562  ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นครั้งที่ 2/2562 โดยมี นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย ผู้แทนกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ ยุติธรรม มหาดไทย แรงงาน เข้าร่วมประชุม

    อ่านข่าว :  คุณแม่ถูกให้ออกรร.หลังตั้งท้องวัย 14 วันนี้ควงลูกรับปริญญา

                  : ตั้ง 2 ข้อหา แม่วัยใสคลอดทารกฝังดินทั้งเป็น

 

           นายอนุทิน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น มีมติให้ทุกกระทรวงเร่งรัด ติดตามหน่วยงานในระดับจังหวัด ขับเคลื่อนป้องกันแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควรซึ่งเป็นภารกิจที่ท้าทายของคณะกรรมการชุดนี้ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาที่ตั้งครรภ์ ได้รับการศึกษาในสถานศึกษาเดิมอย่างต่อเนื่อง ตามรูปแบบที่เหมาะสม ไม่ถูกกดดันให้ลาออก

 

 

มติบอร์ดแม่วัยใส 'นร.-นศ.ท้อง' ต้องได้เรียนต่อเนื่อง

           " และจัดบริการสุขภาพที่เป็นมิตรเชิงรุกแก่เยาวชน ส่งเสริมการให้คำปรึกษา ก่อน ระหว่าง หลังคลอดหรือหลังแท้ง เพื่อให้เข้าถึงบริการคุมกำเนิดด้วยวิธีสมัยใหม่อย่างทั่วถึงตามสิทธิประโยชน์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยจัดระบบรับฟังปัญหาให้คำปรึกษาที่ถูกต้องในโรงพยาบาลรัฐ หรือทางสายด่วนนิรนาม 1663 ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บเป็นความลับ" นายอนุทิน กล่าว 

 

 

มติบอร์ดแม่วัยใส 'นร.-นศ.ท้อง' ต้องได้เรียนต่อเนื่อง

             นายอนุทิน กล่าวอีกว่า เนื่องจากมีแม่วัยรุ่นหลังคลอดหยุดเรียนหรือลาออกจากสถานศึกษาถึงร้อยละ 44 สำหรับกลุ่มที่กลับไปเรียนต่อ ร้อยละ 78.1 ได้กลับไปเรียนในสถานศึกษาเดิมร้อยละ 18.8 เรียนนอกระบบการศึกษา และร้อยละ 37.8 ย้ายสถานศึกษา


     

    นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับประเทศไทยมีการดำเนินการแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะลดจำนวนวัยรุ่นตั้งครรภ์ในวัยเรียนเหลือน้อยกว่า 25 คนต่อหนึ่งพันประชากรหญิงได้ภายในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าระยะเวลาที่องค์การอนามัยโลกได้

 

   

           นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า กำหนดให้ทุกประเทศดำเนินการสำเร็จตามเป้าหมายภายในปี 2569 อย่างไรก็ตามแม้รายงานสถานการณ์และเฝ้าระวังการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ของสำนักอนามัยเจริญพันธุ์ กรมอนามัย ตั้งแต่ปี 2555-2561 จะพบว่ามีแนวโน้มลดลง โดยกลุ่มอายุ 15-19 ปี ลดลงจาก 53.4 เหลือ 35.0 ต่อหนึ่งพันประชากรหญิง และกลุ่มอายุ 10-14 ปี ลดลงจาก 1.8 เหลือ 1.2 ต่อหนึ่งพันประชากรหญิง แต่ขอให้โรงพยาบาลทุกแห่งจัดระบบบริการที่เป็นมิตรเพื่อการเข้าถึงบริการของวัยรุ่น

 

         ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์วัยรุ่นระดับชาติพ.ศ.2560-2569 ประกอบด้วย การพัฒนาระบบการศึกษาที่ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านเพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิตที่มีคุณภาพและมีระบบการดูแลช่วยเหลือที่เหมาะสม การส่งเสริมบทบาทครอบครัว ชุมชน และสถานประกอบกิจการในการเลี้ยงดูสร้างสัมพันธภาพและการสื่อสารด้านสุขภาวะทางเพศของวัยรุ่น การพัฒนาระบบบริการสุขภาพทางเพศและอนามัยเจริญพันธุ์ที่มีคุณภาพและเป็นมิตร การพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือ การคุ้มครองสิทธิอนามัยการเจริญพันธุ์และการจัดสวัสดิการสังคมในกลุ่มวัยรุ่น การส่งเสริมการบูรณาการจัดการฐานข้อมูล งานวิจัย และการจัดการความรู้

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ