โดย... ปาริชาติ บุญเอก [email protected]
ปัจจุบันมีการบูรณการสหวิชาชีพแพทย์แผนไทย หรือแพทย์ทางเลือก กับแพทย์แผนปัจจุบันที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน (รพร.) สว่างแดนดิน โรงพยาบาลทั่วไป ขนาด 320 เตียง ถือเป็น 1 ใน 26 ต้นแบบหน่วยบริการแพทย์แผนไทยซึ่งสามารถรวมการทำงานของทั้ง 2 ศาสตร์ได้อย่างสมบูรณ์
โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน มีฐานะเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาด 320 เตียง เปิดให้บริการแพทย์แผนไทยมาตั้งแต่ปี 2547 ให้บริการตรวจผู้ป่วยนอกคู่ขนานในปี 2554 และคลินิกเฉพาะโรคเพื่อดูแลฟื้นฟูผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม ภูมิแพ้ อัมพฤกษ์-อัมพาต และสะเก็ดเงิน ในปี 2556 ถือเป็น 1 ใน 26 หน่วยบริการต้นแบบการบริการแพทย์แผนไทย โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
นพ.วิโรจน์ วิโรจนวัธน์
นพ.วิโรจน์ วิโรจนวัธน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของการให้บริการแพทย์แผนไทยเพราะอยากให้ประชาชนเข้าถึงแพทย์แผนไทยและพึ่งพาตนเองได้นอกเหนือจากการพึ่งยาจากตะวันตก จึงเริ่มมีการ “ตรวจผู้ป่วยนอกคู่ขนาน” ให้แพทย์แผนไทยตรวจคู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน โดยไม่ทำให้คนไข้รู้สึกไม่ปลอดภัย สำหรับผู้ป่วยนอกคู่ขนาน ให้การรักษาทั้งหมด 17 กลุ่มโรค ระยะแรกใช้ยาเดี่ยวๆ คล้ายแพทย์แผนปัจจุบัน 40 รายการ เพื่อให้ง่ายต่อการอยู่ในระบบ หลังจากนั้นจึงพัฒนาเป็น “ยาปรุงเฉพาะราย” มีตัวยาทั้งหมด 120 ชนิด และนำยาเหล่านี้มาผสมเฉพาะตัวคนไข้
ศาสตร์ของแพทย์แผนไทย ผู้ป่วยแต่ละคนรักษาไม่เหมือนกัน แนวทางการปฏิบัติ คือการแยกโรคที่รุนแรงออกไปให้แพทย์แผนปัจจุบันดูแลเท่านั้น เช่น ปวดหัว ต้องไม่ใช่ความดันโลหิตสูง ภาวะแรงดันในสมองสูง จึงจะส่งไปที่แพทย์แผนไทย และสุดท้ายอยู่ที่ตัวคนไข้ว่าต้องการรับการรักษาแบบใดเนื่องจากเหตุผลในเชิงจริยธรรมจึงต้องใช้การรักษาที่ได้มาตรฐานและบูรณาควบคู่กันไป
นอกจากนี้โรงพยาบาลยังขยายบริการออกไปในส่วนของชุมชน โดยการออกหน่วยเพื่อให้แพทย์แผนไทยเป็นที่รู้จักในชุมชน และทำความรู้จักกับแพทย์พื้นบ้าน เพราะมีตำรับยาดีๆ อยู่ในชุมชนอีกมากที่ยังไม่ได้รับการเผยแพร่ การออกหน่วยทำให้ค้นพบสิ่งเหล่านี้และแปรตำรับยาต่างๆ ของพื้นบ้านเป็นสมบัติของสกลนครได้
บูรณาการแผนไทย-เวชศาสตร์ฟื้นฟู
สำหรับคลินิกเฉพาะโรค 4 คลินิก ได้แก่ ข้อเข่าเสื่อม อัมพฤกษ์-อัมพาต ภูมิแพ้ และสะเก็ดเงิน ส่วนใหญ่คนไข้เข้ามารักษาในกลุ่มอัมพฤกษ์-อัมพาต โดยเฉพาะการบริการดูแลผู้ป่วยพ้นภาวะวิกฤติ Intermediate care: IMC โรคหลอดเลือดสมอง ในแง่ของการฟื้นฟู โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่าง “แพทย์แผนไทย” และ “เวชศาสตร์ฟื้นฟู” จากการทดลองมา 1 ปี พบว่าคนไข้พึงพอใจ ดัชนีการดูแลตัวเองดีขึ้น
นพ.พิชิต แร่ถ่าย
นพ.พิชิต แร่ถ่าย แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน กล่าวว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยหลอดเลือดสมองตีบ ซึ่งต้องได้รับการฟื้นฟู 4–14 วัน ก่อนกลับไปดูแลต่อที่บ้าน หากคนไข้ไม่ได้รับการฟื้นฟูที่ดีอาจพิการถาวรจนไม่สามารถกลับมาปกติได้ ดังนั้นคนไข้ต้องได้รับการฟื้นฟูแบบเต็มรูปแบบเพื่อไม่ให้กลับไปเป็นภาระของญาติ โดยการทำงานแบบบูรณาการสหวิชา แบ่งบทบาทหน้าที่ คือ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ประเมินภาวะของชีพจร การให้ยา การกลืน การรับรู้ และฝังเข็ม ส่วนพยาบาลดูแลทางการช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวัน
“นักกายภาพบำบัดจะดูแลเรื่องการฝึกเดิน เคลื่อนย้ายตัวเองโดยรถเข็นหรือไม้ค้ำยัน ถัดมาคือแพทย์แผนไทยใช้ศาสตร์ตามแบบฉบับแผนไทย คือประคบสมุนไพร นวดกดจุด ผ่อนคลาย ช่วยกระตุ้นให้คนไข้ฟื้นฟูที่ดีขึ้น ซึ่งจะวางโปรแกรมว่าแพทย์แผนไทยจะต้องมาวันเว้นวัน พบนักกายภาพบำบัด 2 วัน จิตเวช 1 วันเพื่อประเมินภาวะซึมเศร้า และพบนักโภชนาการ”
ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 14.00 น. จะมีการวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ระหว่างแพทย์แผนปัจจุบัน เวชศาสตร์ฟื้นฟู แพทย์แผนไทยและครอบครัวคนไข้ เกี่ยวกับแนวทางการรักษาเพื่อให้มีการเข้าใจตรงกัน พร้อมนัดติดตามอาการและออกเยี่ยมบ้าน โดยมีระบบการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) ทั้ง 21 แห่ง ทั่วทั้งอำเภอสว่างแดนดิน โดยให้แพทย์แผนไทยทำงานร่วมกับ อสม. ติดตามอาการ
นายเที่ยง แร่ทอง อายุ 67 ปี อดีตหมอสู่ขวัญ ชาวบ้านหมู่ 4 ต.แวง อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร หนึ่งในผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ ซึ่งได้รับการบำบัดมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี 3 เดือน เล่าว่า หลังจากที่ตรวจพบว่าเป็นเส้นเลือดสมองตีบเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา เดินไม่ได้ ปากเบี้ยว ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 3 คืน และกลับมารักษาตัวที่บ้าน หลังจากกลับมาอยู่ที่บ้าน มี อสม. มาช่วยฟื้นฟูสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ฝึกกายภาพบำบัด รวมถึงใช้ศาสตร์ของแพทย์แผนไทย ได้แก่ นวด ประคบยา และรับประทานยาต้ม จนปัจจุบันสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อีกครั้ง
........................................
รศ.ภญ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ รองประธานคณะทำงานพัฒนาประเภทและขอบเขต บริการสาธารณสุขด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สปสช. กล่าวว่า การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเป็นหนึ่งในทางเลือกด้านสุขภาพของประชาชน เพื่อสนับสนุนและพัฒนาต่อยอดการแพทย์แผนไทย ภายใต้พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ในมาตรา 3 ได้กำหนดให้บริการการแพทย์และสาธารณสุข ให้รวมถึงบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
โดย 12 ปี ของการดำเนินงาน “กองทุนชดเชยค่าบริการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก” ได้ร่วมกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เครือข่ายวิชาชีพแพทย์แผนไทยและหน่วยบริการที่ร่วมจัดบริการการแพทย์แผนไทย ได้ก่อให้เกิดนวัตกรรมการบริการและการพัฒนายาสมุนไพรที่หลากหลาย ปัจจุบันมียาสมุนไพรและยาแผนไทยที่บรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ 74 รายการ ขณะที่หน่วยบริการมีการจัดตั้งคลินิกแพทย์แผนไทยเพื่อให้บริการเฉพาะ โดยในปี 2562 มีหน่วยบริการต้นแบบบริการแพทย์แผนไทยซึ่งเป็นหน่วยบริการ ปฐมภูมิ 397 แห่ง
สำหรับในส่วนของงบบริการการแพทย์แผนไทย บอร์ด สปสช.ได้สนับสนุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2562 อยู่ที่ 563.95 ล้านบาท หรือ 11.61 บาท/ประชากรผู้มีสิทธิ จากปี 2550 ที่เริ่มต้นจำนวน 28.2 ล้านบาท หรือ 0.50 บาท/ประชากรผู้มีสิทธิ เพิ่มขึ้น 535 ล้านบาท หรือ 11.11 บาท/ประชากรผู้มีสิทธิ สำหรับในปีงบประมาณ 2563 บอร์ด สปสช. ได้อนุมัติงบประมาณสนับสนุนเพิ่มขึ้นเป็น 14.8 บาท/ประชากรผู้มีสิทธิ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง