สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) แนะแนวทางการพัฒนากรุงเทพมหานคร สู่การเป็นเมืองอัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบ ระบุหน่วยงานรัฐต้องศึกษาและปรับทุกระบบให้มีพร้อมในหลายด้าน
โดยเฉพาะระบบเตือนภัยพิบัติอัจฉริยะ (Smart Disaster) ระบบการขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) ระบบสาธารณูปโภคอัจฉริยะ (Smart Infrastructure) และระบบสารสนเทศอัจฉริยะ (Smart IT)
เนื่องจากระบบเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชนโดยตรง ชี้ปัญหา “ฝนตก” “น้ำท่วมขัง” และ “รถติด” คือสิ่งบั่นทอนคุณภาพชีวิตคนเมืองหลวง ชวนตรวจสอบสภาพอากาศ เพื่อวางแผนการดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ผ่านแอพพลิเคชั่น “WMApp” ที่มีความแม่นยำที่สุดในอาเซียน
ความพิเศษคือสามารถระบุตำแหน่งพื้นที่ พร้อมบอกความหนักเบา และเวลาที่ฝนจะตก ได้ทั้งระยะสั้นล่วงหน้า 28 ชม. หรือ 1 วัน และระยะยาวล่วงหน้า 5.5 วัน หรือติดตามได้ทางเฟสบุ๊กแฟนเพจ “สจล. พยากรณ์อากาศประเทศไทย” ย้ำ 11-16 ม.ค. จับตาฝนบริเวณภาคใต้ ขณะที่ตอนบนของประเทศส่วนใหญ่ค่อนข้างโล่ง อุณหภูมิจะต่ำสุดวันที่ 13 ม.ค. นี้ จากนั้นจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น และจะอุ่นขึ้นชัดเจนในวันที่ 16 ม.ค.
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยว่า ทุกวันนี้ชีวิตคนเมืองหลวงต้องเผชิญกับปัญหาหลากหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่สภาพอากาศแปรปรวน เกิดฝนตกหนักเป็นระยะเวลานานเกินกว่าศักยภาพการระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร ส่งผลทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังและรถติดเป็นอัมพาตยาวนาน จนกลายเป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทาง สจล. จึงผลิตแอพพลิเคชั่นที่สามารถทำนายล่วงหน้าได้แล้วว่าฝนจะตกจุดไหน เวลาอะไร เพราะเรามีแอพพลิเคชั่นพยากรณ์อากาศที่แม่นยำ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้มมูลไปใช้ จะช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ลดการสูญเสียทางด้านเวลา ค่าใช้จ่าย และสุขภาพจิต
“วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทย โดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่าง กทม. เมืองที่มีความวุ่นวายไม่หยุดนิ่ง ต้องก้าวข้ามปัญหาและข้อจำกัดเดิมๆ โดยการพัฒนาสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันชาญฉลาด ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือฝนตก น้ำท่วม รถติด ทั้งสามเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อกันเป็นทอดๆ ปัญหานี้ไม่เพียงเกิดจากระบบการทำงานที่ไม่เท่าทันสถานการณ์ แต่ยังรวมไปถึงความรวดเร็วในการส่งต่อข้อมูลข่าวสาร จากหน่วยงานรัฐไปถึงมือประชาชนด้วย ” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว
ดร.ประพัทธ์พงษ์ อุปลา
ด้าน ดร.ประพัทธ์พงษ์ อุปลา สถาบันวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจจริยะ (Smart City innovative Research Academy – SCiRA) สจล. กล่าวว่า ในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สจล. ได้ศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาและผลกระทบดังกล่าว
เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพมหานครให้ดีขึ้น โดยจัดตั้งสถาบันวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจจริยะ (SCiRA) ขึ้น เพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนากรุงเทพมหานคร สู่การเป็นเมือง Smart City ที่สมบูรณ์แบบ
โดยการจัดการและพัฒนาเมืองในอนาคตอย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นต้องศึกษาและปรับทุกระบบให้พร้อมในหลายด้าน โดยเฉพาะระบบเตือนภัยพิบัติอัจฉริยะ (Smart Disaster) ระบบการขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) ระบบสาธารณูปโภคอัจฉริยะ (Smart Infrastructure) ระบบสารสนเทศอัจฉริยะ (Smart IT) และระบบเศรษฐศาสตร์อัจฉริยะ (Smart Economy)
ผศ.ดร.ชินวัชร์ สุรัสวดี
ด้าน ผศ.ดร.ชินวัชร์ สุรัสวดี ผู้รับผิดชอบโครงการจัดตั้งวิทยาลัยวิศวกรรมอากาศและระบบโลก (SESE) สจล. กล่าวว่า เนื่องจากในสภาพอากาศของประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วฉับพลัน ประชาชนจึงควรหมั่นตรวจสอบสภาพอากาศ เพื่อวางแผนการดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ด้วยการตรวจเช็คผ่านแอพพลิเคชั่น WMApp
เนื่องจากมีความแม่นยำและความละเอียดสูงที่สุด รายเขตปกครองในเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ “อาเซียน” สามารถระบุตำแหน่งพื้นที่ พร้อมบอกความหนักเบาและเวลาที่ฝนจะตก ได้ทั้งระยะสั้นล่วงหน้า 28 ชม. (1 วัน) และระยะยาวล่วงหน้า 5.5 วัน อันเป็นผลมาจากการวิจัยพัฒนาอัลกอริทึมประมาณค่าหยาดน้ำฟ้า (ฝน หิมะ ลูกเห็บ)
จากการสังเกตของดาวเทียม และพัฒนาระบบพยากรณ์อากาศเชิงเลขความละเอียดสูงสำหรับเขตร้อน (Tropics) ต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี ซึ่งใช้ได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS และเพื่อความสะดวกในการอัพเดทข้อมูล
และขณะนี้ได้เปิดเฟสบุ๊กแฟนเพจ “สจล. พยากรณ์อากาศประเทศไทย” ขึ้นอีกหนึ่งช่องทาง เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงข้อมูลการพยากรณ์อากาศได้สะดวกยิ่งขึ้น