กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และ บริษัทเอชโปร (Hpro) จัดเทศกาลThe Art Thai Market ชม ชิม ช็อป สืบสานภูมิปัญญาไทย หัวใจ 4.0 งานที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ OTOP ที่เด่นดังจากกลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน จำนวน 46 ราย จากการเข้าร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ในโครงการพัฒนาเครือข่ายผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนตลอดห่วงโซ่อุปทาน ร่วมกับ โครงการพัฒนาและการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่ K Village สุขุมวิท 26 เมื่อเร็วๆ นี้
นายเพทาย ล่อใจ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าการยกระดับและการมีช่องทางทางการตลาดให้ผู้ประกอบการและเพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มหัตถกรรมประยุกต์ของเครือข่ายผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนตลอดห่วงโซ่อุปทาน จำนวน 46 รายและกลุ่มเครือข่ายไทยดีดีของการรวมกลุ่มและการพัฒนาผู้ประกอบการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ จำนวน 39 ราย ผ่านกระบวนการพัฒนาและฝึกอบรมและการแนะนำเชิงลึก และการศึกษาดูงานอย่างต่อเนื่อง ในการจัดงานแสดงสินค้า The Art Thai Market ชม ชิม ช็อป สืบสานภูมิปัญญาไทย หัวใจ 4.0 ครั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มเครือข่ายได้นำผลิตภัณฑ์มาทดลองตลาดและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จัก ตลอดจนทำให้กลุ่มผู้ประกอบการและผู้เที่ยวชมงานได้เห็นความสำคัญของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของเครือข่าย
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ทำร่วมกับ มศว โดยศูนย์บริการวิชาการที่ได้อบรมบ่มเพาะเทคนิคการพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการจำหน่ายสินค้า โดยเรายึดทุนทางวัฒนธรรมภูมิปัญญาเป็นตัวตั้ง พัฒนาสินค้าตามกลุ่มเป้าหมายคือนักท่องเที่ยวที่จะสร้างรายได้ให้ชุมชนได้ เป็นสินค้าของฝากของที่ระลึก แนวทางที่ 2 คือยึดสินค้าตามความต้องการของตลาดเป็นหลักจาก 5 ประเภท อาหาร เครื่องดื่ม ผ้าและเครื่องแต่งกาย ของใช้ ของตกแต่ง สมุนไพร ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดปัจจุบันที่ต้องการสินค้าที่ไม่เหมือนกัน ต้องเป็นสินค้าเฉพาะที่มีการออกแบบหลากหลาย รวมทั้งการยกระดับศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้ผู้ประกอบการใน 4 ช่วง คือ ช่วง Start up ให้มีผู้ประกอบการใหม่ๆ / การพัฒนาทายาทของธุรกิจเดิม / การสร้างความเจริญเติบโตให้กับธุรกิจโดยเน้นคุณภาพมาตรฐานสินค้า เช่น มพช. มาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อมแบบย่อ (Green) การพัฒนาบรรจุภัณฑ์และรูปแบบสินค้า ไปสู่ช่วงการสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจเช่นการนำดิจิทัล สื่อออนไลน์ที่เป็นช่องทางการตลาดที่สำคัญตอนนี้ การใช้ผ่านโมบายได้ในการวางแผนธุรกิจ เป็นต้น ทั้งนี้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมั่นใจว่ากิจกรรมการนำเครือข่ายผู้ประกอบการมาแสดงและจำหน่ายสินค้าในครั้งนี้จะช่วยให้ประเทศไทยเรามีสินค้าดีเด่นเพื่อยกระดับผู้ผลิตและกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมั่งคั่งและยั่งยืน”
ปิลันธนา นามวงศ์ ผู้ผลิตและจำหน่ายงานถักแฮนด์เมดจากไหมพรม ย้อมสีธรรมชาติ “จุ๊บเจลเนอรัลกล่าวว่า “กลุ่มเราอยู่ที่เขตภาษีเจริญ มีจุดเด่นใช้ไหมพรมย้อมสีธรรมชาติ เช่น หมวกถักสีม่วงเทากะปิย้อมมาจากเปลือกมังคุด สีครีมจากยูคา เป็นต้น สินค้าขายดีจะเป็นสินค้าที่พัฒนารูปแบบและการใช้งานให้สามารถเป็นของชิ้นเดียวกันแต่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น หมวกเป็นผ้าพันคอ เป็นสายคาดเอวได้ เป็นผ้าคลุมไหล่ ชิ้นนี้ ราคา 750 บาท งานถักสายหุ้มกระเป๋าแบรนด์เนมทุกรุ่น สินค้าเราได้เป็นสินค้าอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย”
ปิลันธนา นามวงศ์
เอกฉันท์ จันอุไรรัตน์ เจ้าของสินค้า “เครื่องลงยาสีโบราณ” กล่าวว่า “ตอนนี้มีผู้ที่ทำเครื่องลงยาสีเหลือน้อยแล้ว ส่วนตนเองรับช่วงต่อมาจากรุ่นแม่ ทำมา 50 ปีแล้ว อยู่ที่นนทบุรี เสน่ห์ของสินค้าคือเป็นสินค้าไทย มีลายไทยอย่างลายกนก ลายพุดตาน เครื่องลงยาสีเป็นงานศิลปะที่ใช้ตกแต่งเครื่องเงินเครื่องทองของไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยการนำหินที่มีสีสันต่างๆ มาเผาให้ละลายติดอยู่บนเครื่องประดับที่ต้องการ เป็นภูมิปัญญาไทย มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย สินค้าของเราผลิตโดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเครื่องลงยาสีโบราณตามมาตรฐาน OTOP ห้าดาว จากการที่ได้ร่วมในโครงการก็ทำให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนารูปแบบสินค้าให้หลากหลายและทันสมัยขึ้น สินค้าส่วนใหญ่เป็นของฝากของที่ระลึก มีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปถึงหลักหมื่น กลุ่มลูกค้ามีทั้งหน่วยงานราชการต่างๆ ที่สั่งสินค้าลงยาสีประทับตราหน่วยงานเพื่อเป็นของที่ระลึกมอบให้กับบุคคลสำคัญบ้าง ชาวต่างชาติบ้าง หรือแม้แต่เด็กๆ รุ่นใหม่ที่หันมาสนใจมากขึ้น ซื้อเป็นของฝากเวลาไปเรียนต่อต่างประเทศเพราะสินค้าบ่งบอกเอกลักษณ์ความเป็นไทย สินค้ามีตั้งแต่ชิ้นเล็กไปจนถึงชิ้นใหญ่ที่ทำมามีประมาณ 2,000 แบบ เครื่องประดับและของใช้ เช่น เข็มกลัดติดเสื้อ ตลับใส่นามบัตร แหวน ขวดยาดมลงยา ที่คั่นหนังสือ กรอบรูป โดยเฉพาะ ‘กล่องเครื่องประดับลงยาสีนพเก้า’ ที่เป็นสินค้าเด่นของกลุ่ม”
เอกฉันท์ จันอุไรรัตน์
พิรุณ ศรีเอี่ยมสะอาด ผู้ผลิตและจำหน่าย “บางกอกหุ่นไทย” พลิกผันชีวิตจากสถาปนิกเพราะพิษเศรษฐกิจยุคฟองสบู่แตกมาสู่การสร้างงานศิลปะให้เป็นของที่ระลึกมีคุณค่าและมีมูลค่าได้สำเร็จในวันนี้ โดยการปั้นหุ่นพระรามเป็นหุ่นกระบอกใส่ตู้ตั้งโชว์ ออกขายและขายได้ในราคา 800 บาทในช่วงเริ่มอาชีพ ตอนนี้ตัวละหลายพันหลังจากนั้นก็ลองผิดลองถูกสร้างสรรค์ชิ้นงานขายตามตลาดเปิดท้าย ขายในห้าง สอนด้วย ทำมาจนสินค้าได้รางวัล OTOP ของกรุงเทพมหานคร และเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแสดงสินค้าให้กับอาคันตุกะในทำเนียบรัฐบาลก็หลายครั้ง ได้รับออร์เดอร์เป็นสินค้าของที่ระลึกให้กับบุคคลสำคัญๆ พิพิธภัณฑ์บางแห่งก็เคยสั่งให้ทำเป็นหุ่นกระบอกชุดยกรบ รามเกียรติ์ ตัวละครในวรรณคดีไทย ราคาเฉลี่ยหลักร้อยไปถึงหลักแสนบาท ทุกวันนี้ก็พัฒนารูปแบบสินค้าตามความต้องการของลูกค้าซึ่งมักจะเป็นโจทย์ใหม่ๆ ให้ได้เรียนรู้สร้างชิ้นงานที่แปลกใหม่มากขึ้นและมีช่องทางการตลาดทางออนไลน์ด้วยขณะนี้”
พิรุณ ศรีเอี่ยมสะอาด
สมชาย น้อยจินดา ประธานกลุ่ม “แก้วเป่าประยุกต์ศิลป์ไทย” และผู้ผลิตจำหน่ายสินค้าแก้วเป่าที่สร้างชื่อเสียงคือ เรือสุพรรณหงส์แก้วเป่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ยาว 2.50 เมตร ตลอดจนยังได้สิทธิบัตรการออกแบบตู้หรือบรรจุภัณฑ์ที่สามารถมองเห็นความงดงามของสินค้าได้รอบด้าน “ปัจจุบัน เรือสุพรรณหงส์ก็ยังผลิตอยู่ มี 3 ขนาด เดิมผมขับรถแท็กซี่เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้วแต่อยากทำอะไรที่คนอื่นไม่ทำ ใหญ่ที่สุด จึงคิดว่าเรือสุพรรณหงส์แสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่คนไทยและต่างชาติรู้จัก เลยไปดูศึกษาจากคนที่รู้มาบ้าง ครูพักลักจำ กระทั่งได้ทำมาถึงทุกวันนี้จนอยากทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งตอนนี้ก็หันมาเพิ่มสีสันและรูปแบบสินค้าให้หลากหลายกับความต้องการของคนรุ่นใหม่และตลาดทั้งเครื่องประดับและของที่ระลึก ราคาเฉลี่ยหลักร้อยไปจนถึงหลักแสน เช่น ที่ชงน้ำ ตุ๊กตานักษัตร สัตว์ปีเกิด ชุดม้า ยากกว่านั้นก็มีการเป่าแก้วแบบยุโรป อิตาลี เอาลายมาใส่ เป่าแก้วเป็นดอกเห็ด ดอกลีลาวดีใส่ลงไปในกบตัวจิ๋วก็เป่ามาจากแก้วทั้งชิ้น เพราะคนไม่ค่อยรู้ว่าแก้วทำอะไรต่างๆ ได้มากมาย เราได้เรียนรู้เทคนิคการสร้างชิ้นงานใหม่ๆ ทำให้เพิ่มมูลค่าได้และมีกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ๆ”
ประสาท ขันธพัฒน์ ผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์เสื้อผ้า INLADAA BLOUSE หนึ่งในตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการเครื่องนุ่งห่ม เล่าว่า “ผมเติบโตมากับการได้ช่วยกลุ่มสตรีมุสลิมที่แถวบ้านอยุธยาทำงานรับจ้างปักจักร เย็บปักถักร้อย ทำเสื้อ จนที่สุดผมก็ทำเสื้อยี่ห้อ อาลาดิน แนวมุสลิมผู้ชายๆ จนเปลี่ยนมาทำเสื้อผู้หญิงอินลดา นี้ก็เลยสลับคำว่าอาลาดินเป็นอินลดาให้รู้สึกถึงความเป็นผู้หญิง มีแต่ใจที่อยากทำเสื้อขาย ทำมา 12 ปีแล้วก็ได้เข้ามาเรียนรู้การปรับปรุงสินค้าให้ทันสมัย เหมาะกับลูกค้า เพิ่มช่องทางการตลาดเพราะโลกเปลี่ยนเป็นสังคมออนไลน์ ดิจิทัลมากเราต้องตามให้ทัน ก็พัฒนาตัวแบบเสื้อ ล่าสุดก็เป็นเสื้อคลุมตัวยาวแต่ยังคงเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้คือ เป็นเสื้อแขนเป้า เสื้อคลุมตัวสั้นที่ตัดเย็บด้วยผ้าไหมใส่ได้ 2 ด้าน ตอนหลังก็มีงานปักลวดลายต่างๆ แต่เป็นการปักจักรที่ละเอียดร่วมด้วย
The Art Thai Market ชม ชิม ช็อป สืบสานภูมิปัญญาไทย หัวใจ 4.0 งานที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจับมือร่วมกับสถาบันการศึกษาภาครัฐ เพื่อขยายช่องทางการเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ OTOP ดีเด่นหลากหลายประเภท เพื่อให้คนไทยได้ภาคภูมิใจว่าสินค้าไทยเป็นสินค้าดี มีมาตรฐานและมีคุณภาพระดับประเทศ สนับสนุนให้สินค้าไทยมีเวทีโชว์และเพิ่มช่องทางการตลาดทางสื่อสังคมออนไลน์ ให้สินค้าไทยคงความเป็นภูมิปัญญาไทยที่ทรงคุณค่าและมีมูลค่าอย่างสมศักดิ์ศรี.