นายกฯ เรียกถก ครม.นัดพิเศษพรุ่งนี้ ออกมาตรการเร่งด่วนช่วยเหลือ-เยียวยาระยะ 3-4 ส่อขอมติออกพ.ร.ก.กู้เงิน 2 แสนล้าน ด้านแบงก์ออมสินพักชำระหนี้เงินต้น ดอกเบี้ยอัตโนมัติ 3 เดือน เริ่ม 1 เม.ย.-30 มิ.ย.
วันที่ 1 เมษายน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 3 เมษายน ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือเร่งด่วนรับฟังข้อมูลจากกระทรวงต่างๆ สิ่งที่จะออกเป็นมาตรการเยียวยาในระยะ 3 และ 4 สำหรับช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคมต่อไป รวมถึงหารือเรื่องงบประมาณ กรอบวงเงิน จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน รวมทั้งแหล่งที่มาของเงินจากที่ต่างๆ
ด้านนายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมที่จะถึงนี้จะเป็นการประชุมโดยมีรัฐมนตรีทุกคนเข้ามาประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากเห็นว่ายังมีความติดขัดที่จะประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ที่อาจมีความล่าช้ามากกว่าการหารือกันโดยตรง แต่การจัดประชุม ครม.จะเป็นไปตามมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 โดยจะจัดที่นั่งให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีให้ห่างกันและงดผู้ติดตาม มีการจำกัดบุคคลเข้าทำเนียบให้น้อยที่สุด รวมถึงการทำงานของสื่อมวลชนยังคงไม่อนุญาตให้สัมภาษณ์รัฐมนตรี แต่จะให้ข่าวผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย และการประสานงานผ่านสำนักโฆษกสำนักนายกระฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นที่น่าสังเกตว่าการจัดประชุม ครม.นัดพิเศษที่จะถึงนี้น่าจะมีเรื่องเร่งด่วนที่นายกฯ ต้องการขอมติที่ประชุม ครม. ทั้งที่เพิ่งจะมีการประชุมไปแล้วเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยคาดว่าอาจมีการขอมติในที่ประชุมเพื่อขอออกพ.ร.บ.ในการโอนปรับเปลี่ยนงบประมาณจากกระทรวงต่างๆ กระทรวงละ 10% เพื่อนำมาใช้เป็นงบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วน รวมถึงการออกพ.ร.ก.กู้เงินจำนวน 2 แสนล้าน เพื่อนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจและลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ส่วนนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินได้ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อเป็นการเพิ่มเติม ด้วยโครงการช่วยเหลือด้านสินเชื่อสำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยธนาคารจะดำเนินการพักหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยให้โดยอัตโนมัติเป็นเวลา 3 เดือน ให้ลูกค้าเงินกู้ทุกรายที่มีสถานะชำระปกติจนถึงที่มีหนี้ค้างชำระไม่เกิน 3 เดือน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 สำหรับลูกค้าสินเชื่อบุคคล สินเชื่อเคหะที่มีเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 3 ล้านบาท และสินเชื่อเอสเอ็มอี ที่มีเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 20 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน-วันที่ 30 มิถุนายน 2563
“ลูกค้าที่ถือบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดธนาคารออมสินช่วยลดอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำในปี 2563 ถึงปี 2564 จากเดิม 10% ของยอดเงินที่เรียกเก็บ เหลือ 5% ของยอดเงินที่เรียกเก็บ จากนั้นในปี 2565 ให้ชำระในอัตรา 8% ของยอดเงินที่เรียกเก็บ และปี 2566 อัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำอยู่ที่ 10% ของยอดเงินที่เรียกเก็บ” นายชาติชาย กล่าว
ผอ.ธนาคารออมสิน กล่าวอีกว่า หลังจากครบกำหนดระยะเวลาการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยดังกล่าวแล้วให้ลูกค้าชำระงวดค้างเดิมก่อนเข้ามาตรการ (ถ้ามี) แล้วจึงผ่อนชำระตามเงื่อนไขเดิม แต่หากไม่สามารถชำระได้สามารถใช้วิธีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือเลือกเข้าร่วมมาตรการพักชำระหนี้ที่ธนาคารได้ประกาศไปแล้วก่อนหน้าได้เลย ซึ่งเป็นมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
ส่วนความคืบหน้ากรณีรัฐบาลเห็นชอบให้คืนเงินค่าประกันการใช้ไฟฟ้า รายงานข่าวจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือพีอีเอ แจ้งว่า จนถึงวันที่ 1 เมษายน มีผู้ลงทะเบียนตรวจสอบสิทธิ์มากกว่า 3 ล้านราย จากผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด 19.5 ล้านราย โดยเริ่มทยอยจ่ายเงินให้ผู้ใช้ไฟที่ตรวจสอบสิทธิ์แล้วถูกต้อง วันแรกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม กว่า 350 ล้านบาท และวันที่ 1 เมษายน อีกประมาณ 520 ล้านบาท รวมเป็นเงินที่ประชาชนได้รับแล้ว 870 ล้านบาท โดยจะทยอยจ่ายผ่านช่องทางพร้อมเพย์ โอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร และเคาน์เตอร์เซอร์วิส ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น
ด้าน กฟน. พบว่ามีการทยอยคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าให้ประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่กฟน.รับผิดชอบแล้วเช่นกันเกือบ 200 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง