ข่าว

"5 พันบาท"ฝันสลายหรือฝันเป็นจริง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์ - ขีดเส้นใต้ โดย - นายดินสอ 

              เกือบจะกลายเป็นเจตนาดีแต่ประสงค์ร้ายเสียแล้วสำหรับมาตรการแจกเงินคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติไปเมื่อวันอังคารที่ 24 มีนาคม และเปิดให้ยื่นขอใช้สิทธิ์ตั้งวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา

   

             ปรากฏว่าเมื่อวันศุกร์ที่แล้วคนที่อยู่ในข่ายขอใช้สิทธิ์พากันแห่ไปเปิดบัญชีที่แบงก์กรุงไทยและแบงก์ออมสินทั่วประเทศแน่นเอี้ยด แต่ละสาขานับพันๆ คนเบียดเสียดยัดเยียดกันชนิดที่ลืมคิดถึงโควิด-19 ไปชั่วขณะ
                  เป็นภาพที่ดูแล้วทั้งเศร้า ทั้งหดหู่ ในที่สุดทั้งสองแบงก์ก็สั่งปิดรับเปิดบัญชีเพราะเกรงว่าจะมีการแพร่เชื้อโควิด จะกลายเป็นโศกนาฏกรรมจากนโยบายรัฐ
                 แต่ไม่รู้ว่าเมื่อเปิดลงทะเบียนจะต้องมีใครเศร้าบ้าง เนื่องจากมาตรการเยียวยาที่จะได้รับแจกเงินคนละ 5 พันบาท เป็นเวลา 3 เดือน มีคนจะได้รับแค่ 3 ล้านคนเท่านั้น อาจจะสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายอีกระลอกอาจจะหนักกว่าเดิม คิดง่ายๆ บ้านเรามีผู้ใช้แรงงานทั้งหมด 38.4 ล้านคน เป็นแรงงานในระบบ 19.7 ล้านคน ก็คือบรรดาข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ คนกลุ่มนี้ไม่มีสิทธิ์ได้รับแน่นอน
                   อีกกลุ่มที่ไม่ได้รับคือแรงงานในระบบตามมาตรา 33 ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทเอกชนราว 11.7 ล้านแต่ที่ได้รับแน่ๆ คือ แรงงานนอกระบบ พวกรับจ้างอิสระ พ่อค้า แม่ค้า หาบเร่ แผงลอย วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างคาดว่าจะมีราวๆ 9.5 ล้านคน แต่ภายหลังกระทรวงคลังยืนยันว่าคนที่ได้รับสิทธิ์นี้ให้รวมถึงผู้ประกันตนตามมาตรา 39 คือคนที่ทำงานบริษัทแล้วออกมา

                  แต่ยังส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคมและมาตรา 40 คือกลุ่มที่เข้าประกันสังคมด้วยความสมัครใจ กลุ่มนี้มี 5 ล้านคน รวมเบ็ดเสร็จคนที่มีสิทธ์ที่จะได้รับการเยียวยาเพิ่มพรวดเป็น 14.5 ล้านคนทันที ทั้งที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้แค่ 3 ล้านคน เท่ากับว่าคนที่เหลืออีก 11.5 ล้านคนจะไม่ได้รับการช่วยเหลือ คิดดูว่าจะวุ่นวายแค่ไหน
                 ไม่รู้ว่ากระทรวงคลังจะมีกระบวนการพิจารณาอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้มีสิทธิ์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน อีกเรื่องคือขั้นตอนในการดำเนินงานค่อนข้างใช้เวลานาน เกือบๆ อาทิตย์ อย่างเช่น ถ้าเปิดให้ผู้มีสิทธิ์ยื่นขอใช้สิทธิ์กับแบงก์รัฐไม่ว่าจะเป็นกรุงไทย ออมสิน จะต้องใช้เวลานานถึง 7 วันกว่าขั้นตอนจะเรียบร้อย ยื่นในวันที่ 28 มีนาคม ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนวันแรก กว่าจะได้ใช้เงินอย่างเร็วที่สุดก็ราวๆ วันที่ 2-3 เมษายนเลยทีเดียว
                   น่าเห็นใจเพราะบางคนตกงานตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว หรือถ้าจะนับวันที่มีผลกระทบจริงๆ ที่คนทำงานส่วนใหญ่เริ่มตกงานตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม ที่รัฐบาลสั่งปิดสถานบริการ สถานบันเทิง หากจะได้รับเงินต้นเดือนเมษายน เท่ากับคนเหล่านี้ต้องอยู่อย่างมีไม่เงินใช้นานถึงครึ่งเดือน เวลาที่รอคอยเขาจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร
                  ที่สำคัญยังมีคนที่อยู่ในเงื่อนไขได้รับสิทธิ์แต่ไม่ได้รับการคัดเลือกยังเหลืออีก 11.5 ล้านคนจะทำอย่างไรรับรองว่างานนี้ชุลมุนวุ่นวาย โกลาหลอย่างแน่นอน กระทรวงการคลังคงจะต้องเตรียมงบประมาณมาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาทเอาไว้รองรับคนที่ได้รับผลกระทบที่อยู่ในข่ายที่จะต้องได้รับการเยียวยาอีกมหาศาล
                   แต่ที่น่าห่วงที่สุดตอนนี้มีกลุ่มคนบางกลุ่มพยายามแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ถูกต้องผ่านโซเชียลมีเดีย พยายามชักจูงให้ประชาชนบอกหมายเลขบัญชี โดยอ้างว่าจะรับลงทะเบียนให้เพื่อแลกเปลี่ยนกับความสะดวก รวมทั้งขอค่าตอบแทนบางส่วนจากเงินที่ได้รับจากมาตรการช่วยเหลือนี้
                    ยังไงก็อย่าหลงเชื่อผู้ที่หาผลประโยชน์โดยไม่ถูกต้อง เพราะท่านจะสูญเงินฟรีๆ และจะไม่ได้รับสิทธิ์อีกอยากให้กระทรวงการคลังเร่งหามาตรการป้องกันและลงโทษพวกมิฉาชีพกลุ่มนี้อย่างเด็ดขาด
                                          
 

      เกิดเป็นคนจนชีวิตก็ลำบากอย่างนี้ ไหนจะตกงานไม่มีรายได้ เมื่อรัฐมีมาตรการเยียวยาต้องคอยลุ้นไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ แถมยังมาเจอพวกมิจฉาชีพหาประโยชน์อีก...โอ้ยเวรกรรม!                                

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ