ข่าว

เยียวยา"คนตกงาน"กู้วิกฤติศรัทธา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์ - ขีดเส้นใต้ โดย - นายดินสอ 

       หลังจาก รัฐบาลและกรุงเทพมหานคร มีประกาศคำสั่งปิดสถานที่ต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งชุมนุมไปแล้ว 2 ขยักแต่ล้มเหลวไม่เป็นท่า ขยักแรกเมื่อวันที่ 17 มีนาคม รัฐบาลมีคำสั่งให้ปิดสถานบริการ พวกสนามมวย สนามม้า ฟิตเนส อื่น ๆ สถานบันเทิง โรงหนัง โรงละคร ผับ บาร์ต่างๆและสถานศึกษา โรงเรียนกวดวิชา แต่ไม่ได้ปิดห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร 

   

      มาตรการดังกล่าวหวังจะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จึงไม่ได้ผลเพราะคนก็ยังสัญจรไปมา ยังไปกินข้าวในร้านอาหารเป็นหมู่คณะ ยังเดินห้างสรรพสินค้ากันปกติ กระทั่งนำไปสู่ การ”ล็อคดาวน์”กรุงเทพฯจากประกาศของผู้ว่าฯกทม.เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา

           แต่แทนที่ประกาศดังกล่าวจะ”ล็อกดาวน์”ตรึงคนอยู่กับที่ไม่ให้ไปไหน แต่กลายเป็น”ล็อคเอาท์”คนออกนอกจากกรุงเทพฯกันจ้าละหวั่น คลื่นมหาชนไหลออกไปต่างจังหวัดจำนวนมหาศาล

          ในที่สุดรัฐบาลก็ต้องออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีผลวันพฤหัสที่ 26 มีนาคม 2563 คือวันนี้เป็นวันแรกเป็นเวลา 1 เดือน การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่น่าจะตัดวงจรการสัญจรของประชาชนได้ แม้ว่าจะโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ฉุกเฉินจริงเพราะ นายกฯแถลงวันอังคารที่ 24 มีนาคม แต่จะมีผลหลังจากนั้นอีก 2 วันต่อมา

       ปกติเวลารัฐบาลจะประกาศมาตรการฉุกเฉินก็จะมีผลทันที อาจเป็นไปได้ว่านายกฯอาจจะกลัวคนตื่นตระหนกก็เลยให้เวลาตั้งหลักก่อน แต่ที่น่าสนใจเที่ยวนี้ได้มีมาตรการเศรษฐกิจช่วยเหลือปากท้องประชาชนในห้วงเวลาที่ไม่มีงานทำ และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ รายกลางและเล็กให้อยู่รอดในยามวิกฤติเช่นนี้

         ทั้งนี้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยให้ความช่วยเหลือทางการเงินและมาตรการทางภาษีกับผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดดังนี้ให้เงินช่วยเหลือ 5,000 บาท/เดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับแรงงานลูกจ้าง-ลูกจ้างชั่วคราว-อาชีพอิสระ

          ยืดเวลายื่นภาษีเงินได้ไปถึง ส.ค.63 ให้สินเชื่อพิเศษดอกเบี้ยต่ำเสริมสภาพคล่องแรงงานนอกระบบประกันสังคม ยืดเวลายื่นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภงด.50 ถึง 31 ส.ค.63 และ ภงด.51 ยืดเวลายื่นถึง 30 ก.ย.63 ให้ธนาคารเอสเอ็มอี จัดวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ให้สินเชื่อช่วยผู้ประกอบการขนาดเล็กมาก ยืดจ่ายภาษีสรรพสามิตสถานบริการ-ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมน้ำมันเป็นเวลา 3 เดือน

         ยืดเวลาเสียภาษีสรรพากร ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม ธุรกิจเฉพาะ 1 เดือนให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ แต่ที่น่าสนใจคงจะเป็นมาตรการที่ให้ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)เป็นผู้รับลงทะเบียนผู้เข้าร่วมมาตรการ เป้าหมายรวมทั้งสิ้น 3 ล้านคน โดยการสนับสนุนเงินช่วยเหลือรายละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างเมษายน – มิถุนายน 2563

       อย่างน้อย ๆ มาตรการนี้ช่วยให้คนที่ไม่มีงานทำคนที่เป็นแรงงานนอกระบบ มีเงินติดกระเป๋ามีเงินซื้อข้าวกิน เอาไว้ใช้จ่ายในสิ่งจำเป็น เดือนละ 5 พันบาทถ้าใช้อย่างประหยัด ๆ ก็น่าจะพออยู่ได้ ส่วนคนที่อยู่ในระบบประกันสังคมก็โชคดีหน่อยเพราะจะได้รับเงินตามมาตรการที่ออกมางวดแรก เมื่อรวมกับแพ็กเก็จใหม่ ใน 3 เดือนนี้ ก็น่าจะอยู่ได้แบบสบายๆ

       แม้จะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมออกมาก็ตาม แต่ก็ต้องอดใจรอกันหน่อยเพราะจะมีผลจริง ๆ ก็ต้นเดือนเมษายนเป็นต้นไป มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา เพราะตอนแรกไม่คิดว่ารัฐจะแจกเงินอยู่แล้ว แต่เมื่อแจกอย่างนี้ถือว่าส้มหล่น ก็ทนรอสักหน่อย แต่อย่างนน้อยก็พอทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง

      แต่สำหรับผู้ประกอบการรายเล็ก ๆ ที่รัฐออกมาตรการช่วยเหลือผ่านธนาคารของรัฐที่มีอยู่ทั้งธนาคารออมสิน ธนาคารเอสเอ็มอี. ธนาคารอาคารสงเคราะห์นั้น อาจจะต้องยุ่งยากสักหน่อย อย่างที่รู้ ๆ ว่าการทำงานของธนาคารรัฐก็ไม่ต่างจากระบบราชการเท่าไหร่ จะมีเงื่อนไขรกรุงรังไปหมด เรียกว่ากว่าจะได้เงินก็อาจจะท้อ หรืออาจจะไม่ได้เลยก็ได้

        ในสถานการณ์วิกฤติอย่างนี้รัฐควรจะต้องทำให้รวดเร็ว โดยอาจจะผ่านธนาคารพาณิชย์แทนโดยมีรัฐบาลคอยค้ำประกันให้ มิเช่นนั้นอาจจะเข้าตำรากว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ เสียของไปเปล่าๆ

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ