ข่าว

กกพ.สั่งตรึงค่าเอฟทีที่-11.60 สต.ต่อหน่วย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กกพ.สั่งตรึงค่าเอฟทีที่-11.60 สต.ต่อหน่วยส่งผลค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.- เม.ย. 2563 คงเดิม มุ่งเน้นลดภาระค่าครองชีพปชช.-ช่วยเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น

 

           วันที่ 11 พ.ย. 2562 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ให้คงอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที)

 

 

        สำหรับการเรียกเก็บเดือนมกราคม - เมษายน 2563 จำนวน -11.60 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.64 บาทต่อหน่วย ต่ออีก 4 เดือน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 6,869 ล้านบาท ในการบริหารจัดการค่าเอฟที

 

         ทั้งนี้ เงินในการบริหารจัดการเอฟทีในงวด ม.ค.- เม.ย. 2563 มาจากเงินที่ได้จากค่าปรับกรณีโรงไฟฟ้าไม่สามารถปฏิบัติได้ตามสัญญา และกรณีขาดส่งก๊าซธรรมชาติ จำนวน 264.97 ล้านบาท และส่วนที่เหลือประมาณ 6,604 ล้านบาท มาจากการกำกับฐานะการเงินให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่ กกพ. กำหนด ซึ่งเป็นผลจากการประมาณการค่าเชื้อเพลิงในงวดปัจจุบัน (ก.ย.- ธ.ค. 2562) เทียบกับราคาค่าเชื้อเพลิง ณ ปัจจุบัน ยังต่ำกว่าที่ประมาณการที่ตั้งไว้และทำให้ยังมีเงินคงเหลือในการบริหารจัดการค่าเอฟที

 

 

กกพ.สั่งตรึงค่าเอฟทีที่-11.60 สต.ต่อหน่วย

                                           นางสาวนฤภัทร อมรโฆษิต

          “แนวโน้มปัจจัยหลายตัวที่ส่งผลกระทบต่อค่าเอฟทีปรับตัวดีขึ้นกว่างวดก่อนอาทิ ราคาก๊าซที่มีแนวโน้มลดลง อัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้น ถึงแม้จะยังไม่ทำให้ค่าเอฟทีปรับลดลงได้ในทันทีแต่ก็ทำให้ กกพ. สามารถบริหารจัดการค่าเอฟทีได้ดีขึ้น และด้วยความตระหนักถึงการมุ่งลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและการสนับสนุนภาวะเศรษฐกิจโดยรวมให้ปรับตัวดีขึ้นกกพ.ยังคงต้องบริหารจัดการค่าเอฟทีต่อเนื่องและมีมติตรึงค่าเอฟทีต่ออีก 4 เดือน” นางสาวนฤภัทร กล่าว

               

      

          ทั้งนี้ ปัจจัยในการพิจารณาค่าเอฟทีในงวด ม.ค.- เม.ย. 2563 ประกอบด้วย

        1. ความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือน ม.ค. - เม.ย. 2563 เท่ากับ 65,724 ล้านหน่วยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดือน ก.ย. - ธ.ค. 2562 ที่คาดว่าจะมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเท่ากับ 64,195 ล้านหน่วยหรือเพิ่มขึ้น 2.38% ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเข้าสู่ฤดูร้อน

 

         2. สัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน ม.ค. - เม.ย. 2563 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก 57.71% ถ่านหิน 17.62% และการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ 14.75%   

          3. แนวโน้มราคาเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติเท่ากับ 266.69 บาทต่อล้านบีทียู ปรับตัวลดลงจากงวดที่ผ่านมา 23.70 บาทต่อล้านบีทียู ราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าเอกชนอยู่ที่ 2,471.60 บาทต่อตัน ปรับตัวลดลงจากงวดที่ผ่านมา 267.71 บาทต่อตัน

 

        ประเภทเชื้อเพลิง หน่วย ก.ย. - ธ.ค. 2562 (ประมาณการ) ม.ค. - เม.ย. 2563 (ประมาณการ) เปลี่ยนแปลง - - ราคาก๊าซธรรมชาติ ทุกแหล่ง* บาท/ล้านบีทียู 290.39 266.69 - 23.70 - ราคาน้ำมันเตา FO 3.5%S บาท/ลิตร 19.53 18.54 -0.99 - ราคาน้ำมันดีเซล บาท/ลิตร 25.18 22.53 -2.65 - ราคาลิกไนต์ (กฟผ.) บาท/ตัน 693.00 693.00 0.00 - ราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ย (IPPs) บาท/ตัน 2,739.31 2,471.60 - 267.714.

 

        อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือนกันยายน  เท่ากับ 30.60 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ แข็งค่ากว่าช่วงที่ประมาณการในงวดเดือน ก.ย.- ธ.ค. 2562 ซึ่งใช้อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือนพฤษภาคม 2562 ที่ 31.80 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ