ข่าว

จุรินทร์ เคาะประกันรายได้มันสำปะหลัง 2.5 บาทต่อ กก.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'จุรินทร์' เคาะประกันรายได้ 'มันสำปะหลัง' 2.5 บาทต่อ กก. จ่ายเงินส่วนต่างงวดแรก 1 ธ.ค.

 

 

          นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสําปะหลัง ปี 2562/63 ณ ห้องประชุมเวสสุวรรณ ชั้น 3 อาคารเฉลิมพระเกียรติพัชรกิติยาภา สํานักงานเทศบาลนครอุดรธานี อําเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

 

          ภายหลังการประชุมนายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้ร่วมกันกำหนดรายละเอียดของนโยบายประกันรายได้เกษตรกรมันสำปะหลัง มีมติให้ความเห็นชอบร่วมกันสำหรับการนับหนึ่งนโยบายประกันรายได้ดังนี้ 1.จะมีการประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 2.50 บาท ที่เชื้อแป้งที่ 15% 2.ประกันรายได้ครัวละไม่เกิน 100 ตัน 3.คือจะใช้เกณฑ์ราคาอ้างอิงเรื่องไปเป็นตัวกำหนดรายได้ที่ปรับเรื่องกำหนดตัวเลขส่วนต่างโดยจะใช้ราคาตลาดของราคาหัวมันสดที่ลานมันแป้งเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วันเป็นตัวเลขราคาอ้างอิง 4.เกษตรกรทุกรายสามารถเข้าร่วมโครงการได้โดยไปขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยขึ้นทะเบียนตามความเป็นจริงต้องแจ้งชัดเจนว่าปลุกมันกี่ไร่ จะเก็บเกี่ยวช่วงไหนอย่างไรตามความเป็นจริง 5.กำหนดจ่ายเงินส่วนต่างงวดแรกในวันที่ 1 ธันวาคม 2562 โดยจ่ายหกงวดในฤดูกาลผลิตปีนี้ ทุกเดือนจนหมดจำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียน และ 6.วงเงินที่ใช้ร่วมกันประมาณ 9400 ล้านบาท

 

          "ตั้งใจจะเอาเรื่องมาหารือวันที่ 11 พ.ย.ก่อนเข้าประชุม ครมในนวันที่ 12 พ.ย. ตอนที่ ครม. ไปประชุมสัญจรที่จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อ ครม.ให้ความเห็นชอบก็จะสามารถจ่ายเงินส่วนต่างแรกในวันที่ 1 ธ.ค.2562 " นายจุรินทร์ กล่าว

 

          นายจุรินทร์ กล่าวว่า และยังมีมาตรการเสริมสำคัญสำคัญอีกหลายประเด็นก็คือส่งเสริมให้มีการใช้มันสำปะหลังในประเทศมากขึ้นทั้งทำพลาสติกชีวภาพ ซึ่งประเทศจะเดินไปในแนวทางนี้มากขึ้นเพื่อรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนำไปใช้ทำพลังงานในรูปแบบต่างๆเ ช่น เอทานอล จะมีการเร่งรัดส่งผลิตภัณฑ์เอกชนเพื่อเร่งรัดส่งเสริมการส่งออกมันสำปะหลังของไทยไปในตลาดต่างประเทศ เช่น ที่ตนได้นำคณะเอกชนไปขายมันสำปะหลังที่จีน เมื่อไม่นานมานี้แล้วประสบความสำเร็จพอสมควรเพราะปีที่แล้วจีนนำเข้ามันจากประเทศไทย 3,000,000 ตัน แต่ที่ไปสามารถขายได้ 2,600,000 ตัน มูลค่าประมาณ 18,000 ล้านบาท

 

          นอกจากตลาดจีนแล้วไปตลาดอินเดียเนื่องจากอินเดีย เริ่มที่จะไม่ใช้พลาสติกจริง เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยต่อไปนี้จะต้องใช้วัตถุดิบทางชีวภาพโดยเฉพาะมันสำปะหลังมาทำถุงพลาสติก และทำหีบห่อ โดยอินเดียมีประชากร 1,300 ล้านคน โดยต้องใช้สิ่งเหล่านี้ทดแทนพลาสติกมหาศาลถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งสำหรับผู้ส่งออกมันสำปะหลังไทย จากนั้น ไปบุกตลาดตุรกีและนิวซีแลนด์ เนื่องจากสองประเทศนี้มีความต้องการใช้อาหารสัตว์จำนวนมากแต่ยังไม่รู้ที่ใช้มันสำปะหลังไปทำเป็นอาหารสัตว์ โดยจะเชิญผู้ผลิตอาหารสัตว์ของตุรกีและนิวซีแลนด์มาดูงานการทำด้วยมันสำปะหลังของไทย รวมทั้งตลาดเกาหลีและตลาดอื่นๆเป็นต้น       

 

          นายจุรินร์ กล่าวอีกว่า จะเร่งรัดเรื่องการนำเข้ามันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้มันสำปะหลังราคาตกโดยไม่จำเป็น ต้องมีมาตรการภายในดำเนินการต่อไปให้มีผลอย่างเป็นรูปธรรม กับรอติดตามภาวะมันสำปะหลังในประเทศที่จะออกมาตรการเสริม เช่น ชะลอการขุด หรือชดเชยการขุด มาตรการอื่นๆที่จะช่วยส่งเสริมการผลิตต่อไปเป็นต้น ต่อมาคือสถานการณ์มันสำปะหลังทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศจำเป็นที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด จึงเป็นที่มาถึงได้ทำตามความเห็นของภาคเอกชนที่จะจัดตั้งวอร์รูมมันสำปะหลังเพื่อติดตามอย่างใกล้ชิดและเสนอทางออกเพื่อประโยชน์ของเกษตรกรมันสำปะหลังไทยต่อไปด้วย

 

          "ผมได้มอบให้กรมการค้าภายใน เป็นเจ้าภาพเชิญภาคเอกชน เกษตรกร กระทรวงเกษตร ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาร่วมกันหามาตรการในการหาเครื่องมือเพื่อทำให้การขายหัวมันสดของเกษตรกรและการรับซื้อหัวมันสดของภาคเอกชนมีการกำหนดราคาที่เป็นธรรมของทั้งสองฝ่าย โดยลดการใช้ดุลยพินิจเพื่อกำหนดราคาตามความประสงค์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้น้อยที่สุด โดยให้กรมการค้าภายในไปหารือร่วมกันและสรุปมาว่าจะมีกลไกอะไรที่ทำให้เป็นธรรม" รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าว

 

          นายจุรินทร์ กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องโรคใบด่างในมันสำปะหลังซึ่งทุกฝ่ายกังวลจะมีผลกระทบต่อปริมาณการผลิตมันสำปะหลัง โดยครม.มติอนุมัติเงิน 248 ล้านบาทให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปเร่งรัดทำเรื่องการกำจัดโรคใบด่าง วันนี้ได้ไปเร่งรัดให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและให้มารายงานให้คณะกรรมการทราบในวันที่ 11 พ.ย. เช่นเดียวกัน เพื่อให้ผลผลิตเพียงพอสำหรับการใช้ในปีนี้และปีหน้า

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ