โครงการรถไฟความเร็วสูง3 สนามบินเตรียมนำเสนอครม.28 พ.ค.นี้
หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ไฟเขียวผลการประมูลและกรอบสัญญาร่วมลงทุน โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภฒมิ-อู่ตะเภา) มูลค่ากว่า 2.24 แสนล้านบาทกับบริษัทซีพี โฮลดิ้ง และพันธมิตรไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาและเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุม คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาอนุมัติในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้
แหล่งข่าวในกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าในส่วนของ กระทรวงคมนาคมนั้นถือว่า ไม่พ้นความรับผิดชอบไปแล้ว เพราะโครงการดังกล่าว อยู่ในความรับผิดชอบ ของสำนักงานคณะกรรมการ เขต พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ที่ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟฯ เป็นผู้ดำเนินการจัดประมูลจัดหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนในรูปแบบ"พีพีพี" เท่านั้น
ส่วนการบริหารและกำกับดูแลโครงการในอนาคต จะมีการตั้งสำนักงานพิเศษขึ้นมากำกับดูแลโดยเฉพาะ รวมทั้งการจัดตั้ง วิสาหกิจพิเศษ(SPV) ขึ้นมาดูแลโครงการโดยเฉพาะ โดยจะมีหน่วยวานของรัฐอย่างการรถไฟฯ เข้าร่วมถือหุ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม การที่สกพอ.จะนำเสนอโครงการดังกล่าว ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ครมในปลายเดือน นี้ ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ หลายฝ่ายค่อนข้างกังวล เนื่องจาก คณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันนั้น เหลือรัฐมนตรีร่วมคณะอยู่ไม่ถึงครึ่งหลังจากบางส่วนได้ลาออกไปรับตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา หรือสว.
"หากเป็นเมื่อก่อน รัฐบาลชุดใดดำเนินการในลักษณะนี้ คงถูกองค์กรภาคประชาชน และองค์กรอิสระดาหน้าคัดค้านกันหัวชนฝา หรือคงมีใครต่อใครยื่นเรื่องต่อศาลปกครองขอให้ระงับยับยั้งเพื่อรอให้มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดูโดยตรง แต่หากจะรอก็อาจทำให้บรรยาากาศการลงทุนเสียไป"
และแม้คณะกรรมการเจรจาที่มีรักษาการผู้ว่ารถไฟฯเป็นประธานจะยืนยันว่าได้มีการพิจารณาข้อตกลงระหว่างกันอย่างละเอียดรอบคอบแล้วก็ตาม แต่ก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้ เพราะเกรงว่าด้วยข้อตกลงที่มีอยู่นับ 100ข้ออาจมีที่เล็ดรอดจนกลายมาเป็นค่าโง่เอาในภายหลังแบบค่าโง่โฮปเวลล์เอาได้
"ต้องยอมรับว่า ไม่บ่อยหนักทีจะเห็นคอลัมนิสต์ใหญ่ที่เป็นถึงอดีตรองเลขาสภาพัฒน์จะออกมาท้วงติงรัฐแบบตรงๆ เช่นนี้ ย่ิงในส่วนของการรถไฟฯเองก็เพิ่งผ่านบทเรียนในโครงการทางรถไฟและถนนยกระดับโฮปเวลล์ ที่ต้องจ่ายค่าโง่ให้แก่บริษัทเอกชนไม่น้อยกว่า 25,000 ล้านบาท รวมทั้งยังมีบทเรียนโครงการรัฐหลายต่อหลายโครงการที่ต้องจบลงด้วย “ค่าโง่ในบักษณะนี้ ก็ย่ิงเป็นเริ่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องระมัดระวัง"
แหล่งข่าวคนเดิมระบุอีกว่า เมื่อย้อนกลับมาดูโครงการรถไฟไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบินโครงการนี้ ที่การรถไฟฯ และรัฐบาลยืนยันว่าเป็นโครงการสำคัญที่มีส่วนกระตุ้นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) จำเป็นจะต้องเดินหน้าโครงการต่อแม้จะเป็นรัฐบาลรักษาการก็ตาม
แต่ก็ต้องยอมรับว่าโครงการนี้ไม่ได้มีแค่รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินอย่างที่ทุกฝ่ายเข้าใจ แต่ยังผนวกเอาโครงการพัฒนาที่ดินสถานีรถไฟมักกะสัน มูลค่านับแสนล้านบาท และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงค์มูลค่า 2.5 หมื่นล้านบาทเข้ามาด้วยอีก การมอบหมายให้คณะกรรมการพิจารณาพิจารณาชี้ขาด จากปัจจัยชี้ขาดเพียงไม่กี่ข้อจึงอาจเกิดปัญขึ้นได้ในอนาคต
"หากพิจารณาเนื้อแท้ของโครงการไฮสปีดเทรนเชิ่อม3 สนามบินจะเห็นได้ว่า แต่ละโครงการมีความเป็นเอกเทศ จำเป็นต้องใช้คณะทำงานเจรจาชุดใหญ่แยกเด็ดขาดจากกันเพราะแต่ละโครงการต่างมีจุดประสงค์และเป้าพิจารณาออกจากกัน"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง