ข่าว

ชาวไร่ยาสูบ โต้ คลัง-หมอประกิต หนุนภาษีบัตรทองซ้ำเติมรากหญ้า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชาวไร่ยาสูบ โต้ คลัง-หมอประกิต หนุนภาษีบัตรทองซ้ำเติมรากหญ้า

 

             จากข่าวที่รัฐบาลกำลังเสนอร่างพระราชบัญญัติจัดเก็บเงินสมทบเพื่อสนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการภาครัฐในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ... เพื่อเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในเร็ววันนี้ โดยกระทรวงการคลังระบุว่าได้เห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวไปแล้วในขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ ขณะที่นายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ จากมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่กล่าวว่าการเก็บเงินสมทบจากบุหรี่เป็นสิ่งที่สมควรทำและหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะซ้ำเติมชาวไร่ยาสูบนั้น 
 

         นายกฤษณ์ ผาทอง นายกสมาคมผู้บ่มผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าการแสดงความคิดเห็นดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่ากระทรวงการคลังและนพ.ประกิต ไม่ได้เห็นใจหัวอกเกษตรกรชาวไร่ยาสูบเลยแต่กลับจะซ้ำเติมพวกเราให้ลำบากมากขึ้นไปอีก “วันนี้ชาวไร่ยาสูบโดนตัดโควตาไป 50% ทำให้รายได้หดหายไปครึ่งหนึ่ง ขณะที่ยังคงต้องแบกภาระหนี้สินที่เกิดจากการลงทุนที่เกี่ยวข้อง ผ่อนรถ ผ่อนค่าเครื่องจักร เตาบ่ม ฯลฯ อยากเรียนถามกระทรวงการคลังและคุณหมอว่า หากอยู่ดีๆเงินเดือนของท่านหายไปครึ่งหนึ่ง ท่านจะบอกว่าเป็นเรื่องสมควรแล้วและหลีกเลี่ยงไม่ได้หรือไม่ เราหวังว่ารัฐบาลจะทบทวนเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน และได้ร้องเรียนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว ว่าขัดวินัยทางการเงินการคลังหรือไม่” 
           ขณะเดียวกัน นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย ให้ความเห็นว่า “การเก็บภาษีบัตรทองจากบุหรี่ที่จะทำให้ราคาบุหรี่พุ่งขึ้นไปอีกประมาณซองละ 30 บาทนั้น จะกระทบกับร้านค้าปลีกรายเล็กๆราว 4 แสนร้านแน่นอน โดยเฉพาะร้านตามต่างจังหวัดที่ต้องขายแข่งกับบุหรี่หนีภาษีอยู่แล้ว” นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตุว่า “ขณะที่บุหรี่ราคาแพงขึ้นแบบก้าวกระโดด นักสูบไทยก็หันไปหาซื้อยาเส้นมาทดแทนบุหรี่ได้ในราคาเพียงซองละ 10-12 บาท ซึ่งมีขายทั่วไปในร้านโชห่วยและได้รับความนิยมจากครึ่งหนึ่งของนักสูบไทย อีกทั้งยังสามารถหันไปซื้อบุหรี่ราคาถูกหนีภาษีซองละ 20-30 บาทแทนได้ด้วย ปราบกันไม่มีวันหมด”
      

       นางวราภรณ์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันภาระภาษีบุหรี่ในไทยถือว่าสูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ปัจจุบันบุหรี่ซองละ 60 บาท ต้องเสียภาษีทั้งหมด 47.15 บาท หรือเกือบร้อยละ 80 ของราคาขายปลีกแล้ว ซึ่งสูงกว่าในออสเตรเลียที่มีภาระภาษีบุหรี่ต่อซองเพียงร้อยละ 69 ของราคาขายปลีก “นโยบายภาษียาสูบต้องพิจารณาความเป็นจริงเรื่องสภาพเศรษฐกิจ กำลังซื้อ และพฤติกรรมผู้บริโภคในบริบทของประเทศไทย เพื่อลดผลกระทบต่อร้านค้าและเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ” นางวราภรณ์กล่าวทิ้งท้าย 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ