ผนึก5สถาบันการเงินช่วย"เอสเอ็มอี"เข้าถึงเทคโนฯ"หุ่นยนต์"สู่อุตสาหกรรม4.0
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในโลกอยู่ใยุค 4.0 ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความจำเป็นที่ต้องใช้หุ่นยนต์มาแทนแรงงานคนมากขึ้น จากข้อมูลที่สถาบันวิจัยแมคคินซีย์ โกลบอล ชี้ว่าคนทำงานประมาณ 400-800 ล้านคนบนโลกใบนี้จะต้องเปลี่ยนอาชีพภายในปี 2573 เพราะจะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีสมองกล(AI)
ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลสมาพันธ์หุ่นยนต์นานาชาติ (IFR) ที่ระบุว่า เมื่อปี 2559 มียอดจำหน่ายหุ่นยนต์ในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 ปี 2560 ที่ผ่านมามีการขายหุ่นยนต์ทั่วโลกได้กว่า 3 แสนตัว ซึ่ง 3 ใน 4 ของจำนวนนี้จำหน่ายใน 5 ประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี ส่วนประเทศกำลังพัฒนาก็ทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อหุ่นยนต์มาใช้ในอุตสาหกรรมภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไต้หวัน ไทย อินเดีย หรือเม็กซิโก
สอดรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลที่พยายามพัฒนาภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่เอสเอ็มอีไปจนถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หันมาใช้ระบบหุ่นยนต์แทนคนมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะอุบัติเหตุ ต้นทุนการผลิต ตลอดจนการควบคุมการผลิตสินค้าได้ตามต้องการ จึงไม่แปลกที่ “ยูนิ อาร์ค” (UNI ARC) ผู้นำและตัวแทนจำหน่ายหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ผนึกพันธมิตร 5 สถาบันการเงิน จัดสินเชื่อหุ่นยนต์แขนกล-ระบบอัตโนมัติ ดอกเบี้ยต่ำ หวังช่วยเอสเอ็มอีเข้าถึงเทคโนโลยียุค 4.0 เสริมศักยภาพภาคอุตสาหกรรม พร้อมลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน
“ปัจจุบันกลุ่มสมาร์ทแฟคตอรี่มีอยู่ประมาณ 1.4 แสนราย และกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอีอีก 5 แสนราย เป้าหมายหลักของเราให้สองกลุ่มนี้เข้าถึงหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่มีคุณภาพ ต้องการกระจายให้แพร่หลายไปสู่ทุกอุตสาหกรรม โดยผู้เข้าร่วมโครงการสามารถลงมือได้โดยที่ไม่กระทบสภาพคล่อง”
ธิติ วงศ์ธนาศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิ อาร์ค จำกัด กล่าวระหว่างเปิดแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ “5 YEARS UNI ARC 5 YEARS ROBOTPAYLITE FOR SMART FACTORIES & SMEs” ที่โรงแรมเรเนซองส์ สีลม โดยแบ่งแอพพลิเคชั่นหลักออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วยเทคโนโลยีการเชื่อมและตัด ซึ่งมีอุตสหากรรมที่เกี่ยวข้องในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแปรรูปเหล็ก อุตสาหกรรมยานยนต์ การผลิตเครื่องจักรกลต่างๆ เทคโนโลยีการหยิบจับและการจัดเรียง ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร ที่ใช้แรงงานคนทำแบบซ้ำๆ เดิมๆ และสุดท้ายเทคโนโลยีการเคลื่อนย้าย โดยแอพพลิเคชั่นเหล่านี้มีให้ผู้ประกอบการเลือกใช้มากกว่า 79 รูปแบบการผลิต
"บริษัทเล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อย หรือเอสเอ็มอี ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ผนึกกำลัง 5 สถาบันทางการเงินออกสินเชื่อพิเศษดอกเบี้ยต่ำ ภายใต้ชื่อโครงการ “5 YEARS UNI ARC 5 YEARS ROBOTPAYLITE FOR SMART FACTORIES & SMEs” เพื่อช่วยเหลือทุกภาคการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ ให้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ ที่เน้นดอกเบี้ยต่ำ ระยะเวลาการผ่อนชำระยาว เพื่อเพิ่มโอกาสในการพัฒนาสายการผลิต ผ่านการทำงานด้วย ระบบ [Application] และหุ่นยนต์อัตโนมัติ [Robot] เพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพในไลน์การผลิต"
สำหรับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการได้แก่ บริษัท บีโอที ลีส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท บีเอสแอล ลีสซิ่ง จำกัด บริษัท กรุงเทพแกรนด์แปซิฟิคลีส จำกัด(มหาชน) บริษัท ไทยโอริกซ์ ลีสซิ่ง จำกัด และบริษัท เอสเอ็มเอฟแอล ลีสซิ่ง(ประเทศไทย) จำกัด ทั้งนี้เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน สู่การลดต้นทุนในระยะยาว เป็นการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้นโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย มาเป็นตัวช่วยหลักในการเดินหน้าไลน์การผลิต
บอสใหญ่ยูนิ อาร์ค เผยต่อว่า นอกจากปัญหาด้านการแข่งขันในความชำนาญของการผลิตแล้ว ยังมีปัญหาด้านการเข้าถึงแหล่งเงินทุนส่งผลให้ไม่สามารถพัฒนาศักยภาพการผลิตได้เต็มที่ โดยยูนิ อาร์ค มีความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ที่มอบสินเชื่อระยะยาวเพื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะได้มีโอกาสเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย ลดปัญหาการผลิตต่างๆ ทั้งด้านขาดแคลนแรงงาน การจ้างงานต่อยอดการผลิต ลดต้นทุนในระยะยาวได้ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้มอบระยะเวลาในการผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี ในอัตราดอกเบี้ยระหว่าง 2-4% ซึ่งต่ำกว่าอัตราโดยทั่วไป
อย่างไรก็ตามโครงการ “5 YEARS UNI ARC 5 YEARS ROBOTPAYLITE FOR SMART FACTORIES & SMEs” นั้น พร้อมที่จะให้การสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อย หรือเอสเอ็มอี เข้าถึงแหล่งทุนในการซื้อหุ่นยนต์แขนกลและระบบอัตโนมัติเพื่อเป็นการติดอาวุธให้มีศักยภาพการแข่งขันที่ดีขึ้น ทั้งยังช่วยยกระดับผู้ประกอบการไทย ไปสู่การผลิตสินค้าที่มีความแม่นยำสูง ซึ่งยูนิ อาร์ค และสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ มองเห็นโอกาสในการจัดโครงการนี้จะสามารถส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อย หรือเอสเอ็มอี ได้ยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตของไทยในภาพรวมให้เพิ่มขีดการแข่งขันและช่วยส่งเสริมยอดขายของบริษัทให้เติบโตตามไปด้วย
ธิติ ย้ำด้วยว่า โครงการดังกล่าวนอกจากจะเป็นประโยชน์ด้านการลงทุนแล้ว ช่วยลดปัญหาด้านแรงงาน และเป็นการเสริมศักยภาพการผลิตในระยะยาว เช่น หุ่นยนต์แขนกล 1 ระบบ ทดแทนแรงงานได้ 5 คน หากต้องจ่ายค่าจ้างแรงงานรวม 5 หมื่นบาทต่อเดือน ดังนั้นการผ่อนจ่ายจะต้องไม่เกิน 5 หมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำแรงงาน 5 คนนี้ไปใช้ในส่วนอื่นที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าการผลิตได้มากขึ้น ส่วนระยะการผ่อนจ่ายยาวถึง 5 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากอายุการใช้งานของหุ่นยนต์อุตสาหกรรมจะมีอายุใช้งานประมาณ 10-12 ปี หากผ่อนหมดภายใน 5 ปี เวลาที่เหลืออีก 5-7 ปี ก็จะใช้ฟรีไม่มีต้นทุนแรงงานในส่วนนี้ มีเพียงค่าบำรุงรักษาตามระยะเวลาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยูนิ อาร์ค คาดว่าจะมีผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อยเข้าร่วมในโครงการไม่น้อยกว่า 300 ราย และคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการสามารถเข้ามาร่วมในโครงการได้ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 กันยายน 2561 เป็นต้นไป โดยเยี่ยมชมโครงการและแจ้งความจำนงได้ที่ www.robotpaylite.com หรือ Facebook: uniarc.ROBOTPAYLETE Line: @robotpaylite หรือ ติดต่อผ่านสายด่วน 091-159-8966 หรือ 02-349-5115, 02-762-0289 (5 สายอัตโนมัติ) โดยทีมวิศวกรของยูนิ อาร์ค จะดำเนินการนัดหมายเข้าหน้างาน เพื่อรับทราบความต้องการและประเมินว่ามีความจำเป็นจะต้องใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเข้าไปใช้ในจุดใดบ้าง โดยจะยึดตามความจำเป็นและคุ้มค่าต่อการลงทุนมากที่สุด
โดยคุณสมบัติของผู้ประกอบการขนาดกลางและรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการ 1.ต้องเป็นนิติบุคคลดำเนินกิจการมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี 2.ผลประกอบการปีล่าสุดมีกำไร 3.มียอดขายปีละ 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยมีเงินดาวน์ขั้นต่ำ 10% ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับ 2-4% อยู่ที่การพิจารณาของสถาบันการเงินซึ่งต่ำกว่าสถาบันการเงินทั่วไป
สำหรับบริษัท ยูนิ อาร์ค จำกัด ดำเนินกิจการในธุรกิจหุ่นยนต์มานานกว่า 15 ปี เป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นสำหรับ Industry 4.0 Platform เป็นผู้นำและตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์อุตสาหกรรม อะไหล่และอุปกรณ์ ผลิตภัณฑ์อุปกรณ์อัตโนมัติสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์เครื่องเชื่อม เครื่องตัด จากแบรนด์ผู้ผลิตชั้นนำระดับโลก อาทิ OTC Daihen / NACHI / OMRON / TRUMPF / NSSWT / ATLANTIC เป็นต้น
เปิดจุดเด่นสองผู้ผลิตหุ่นยนต์แขนกล
ฟูมิโยชิ คาวาฮาร่า ประธานบริษัท โอทีซี ไดเฮ็น เอเชีย(OTC Daihen Asia) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายหุ่นยนต์แขนกลมากว่า 20 ปี ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จแห่งวงการอุตสาหกรรมทั้งหลาย ดำเนินธุรกิจด้าน Welding & Mechatronic โดยมีฐานการผลิตอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร สินค้าคุณภาพจาก โอทีซี ไดเฮ็น เอเชีย ถูกส่งออกขายทั่วโลก เช่น อเมริกา ยุโรป และเอเชีย
“สำหรับโอทีซี จุดเด่นของเราคือสามารถใช้ได้ในทุกระบบและสำหรับผู้ที่ใช้หุ่นยนต์ครั้งแรกก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วด้วย” ประธานโอทีซี ไดเฮ็น กล่าว
ในขณะที่ อากิระ ทาการาจิมะ ผู้จัดการทั่วไปสายงานหุ่นยนต์ บริษัท นาชิเทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายหุ่นยนต์อันทรงประสิทธิภาพในหลากหลายประเภท มีความเชี่ยวชาญหุ่นยนต์ด้านการจัดการ ปัจจุบันในประเทศไทยมีหุ่นยนต์นาชิอยู่ประมาณ 3,000 ตัว โดยรุ่นที่ขายดีที่สุดในขณะนี้คือ รุ่นเอ็มแซท มีความโดดเด่นเรื่องความรวดเร็วในการผลิต
“เอ็มแซท เป็นหุ่นยนต์แขนกลรุ่นใหม่ล่าสุด จุดเด่นคือเคลื่อนที่เร็ว มีสายเคเบิลซ่อนอยู่ในแขนกล เพราะปกติสายเคเบิลจะอยู่ข้างนอก เมื่อมันถูกซ่อนไว้ข้างในจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นการป้องกันสายเคเบิลจากสิ่งกีดขวางรอบข้างด้วย” อากิระ ทาการาจิมะ กล่าวย้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง