"นกกระเรียนหัวมงกุฎดำ"รู้จักตัวเป็นๆที่"สวนสัตว์ดุสิต"

 ดังที่ กาญจนชัย แสนวงศ์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์ดุสิต ได้นำทั้งคู่ออกเปิดตัวต่อสื่อมวลชน พร้อมเชิญชวนให้ชาวกรุงได้มาร่วมชมความน่ารัก ชมลีลาอันสวยงาม โดดเด่น หลังได้ยืมตัวมาจากสวนสัตว์โคราช มาพักผ่อนที่สวนสัตว์ดุสิตเป็นเวลา 3 เดือนเต็ม โดยที่ทั้งคู่จะเดินทางกลับไปประจำการ ณ สวนสัตว์โคราชในราวกลางเดือนมกราคมปีหน้า

 "ทั้งคู่ตอนนี้อายุราว 4 ขวบเศษ เป็นเพศผู้และเพศเมีย เรานำมาไว้ที่สวนสัตว์ดุสิต เพื่อให้ทุกท่านได้รู้จักกับความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเจ้านกระเรียนคู่นี้ ว่าที่ไม่ธรรมดานั้นเป็นเพราะอะไร นอกเหนือจากเขากำลังกลายเป็นนกที่หายาก และใกล้สูญพันธุ์" ผอ.กาญจนชัย แจง เฉพาะความน่ารัก โดดเด่น อันเป็นสัญลักษณ์ ยิ่งบริเวณหัวของพวกเขาจะมีหงอนพู่เป็นเส้นตรงสีทองขึ้นเรียงเป็นแผงคล้ายมงกุฎ ตัดกับลำตัวที่มีขนาดใหญ่มีขนสีเทาดำ ขณะที่แก้มทั้งสองข้างเป็นสีแดงถูกแต่งแต้มสีขาวอยู่ด้านบน ส่วนนัยน์ตาสีแดงส่งให้ปากเรียวแหลมนั้นมีพลังสายตาที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

 "ธรรมชาติของเขาจะส่งเสียงร้องดังกังวาลไปทั่วในช่วงเช้าและเย็น ตอนกลางวันจะไม่ชอบส่งเสียงดัง เวลาส่วนใหญ่จะหมดไปกับการคุ้ยเขี่ยอาหารและพักผ่อน"

 อย่างไรก็ตาม ผอ.กาญจนชัย บอกว่า สถานภาพของนกกระเรียนชนิดนี้ สหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ (IUCN) จัดให้อยู่ใกล้ถูกคุกคาม อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าจะสูญพันธุ์ (CITES) จัดอยู่ในบัญชีหมายเลข 2 พบได้บริเวณที่ชุ่มน้ำ ทุ่งหญ้า ในตอนกลางของทวีปแอฟริกา ตั้งแต่บริเวณชายฝั่งแอตแลนติกของประเทศเซเนกัล แกมเบีย จนถึงประเทศซูดาน และเอธิโอเปีย

 "นิสัยที่โดดเด่นคือ เป็นสัตว์ไม่เปลี่ยนคู่ ไม่มีการแยกจากกัน บินไปไหนจะบินตามกันไป ถ้าคู่ของมันตายหรือได้รับอันตรายมันก็จะไม่ทิ้งกัน ...เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ พวกมันจะมีการเต้นรำเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม เป็นเรื่องของธรรมชาติที่สวยงาม"

 ส่วนธรรมชาติอย่างอื่น อาทิ การทำรัง การวางไข่ ของนกประเภทนี้จะมีวิถีชีวิตดำเนินไปอย่างไรนั้น ผอ.กาญจนชัย ฝากเชิญชวนให้ทุกท่านแวะไปเยี่ยมชมกันได้ในทุกวันเวลาราชการ เพราะสวนสัตว์จะเปิดให้ชมกันอย่างใกล้ชิด ณ ส่วนจัดแสดงสัตว์แอฟริกา