บันเทิง

'รูดม่านเดอะวอยซ์ 4'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'รูดม่านเดอะวอยซ์ 4' : คอลัมน์ มายาวิชั่น โดย... เทพิตา

 
 
           ใช้เวลา 4 เดือนที่เคี่ยวข้นค้นหา เสียงจริง ตัวจริงของรายการประกวดร้องเพลงที่เน้นเสียงร้องเป็นหลัก เดอะ วอยซ์ ไทยแลนด์ ซีซั่น 4 ถึงวันนี้ได้ผู้ชนะแล้ว แต่ก่อนไปพูดถึงแชมป์ ไปดูภาพรวมของซีซั่น 4 กันก่อน
 
           ว่ากันด้วยเรื่อง โค้ช ประจำรายการก่อน ปีนี้ยังเหลือโค้ชเก่า 3 คน คือ “ก้อง” สหรัถ, เจนนิเฟอร์ คิ้ม และ โจอี้ บอย แต่ละคนยังทำหน้าที่ได้ตามมาตรฐานตัวเอง ส่วนคนที่มาแทน “แสตมป์” อภิวัชร์ คือ สิงโต นำโชค ซึ่งถ้าวัดจากเสียงคนดูถือว่าเสียงยังแตก บางคนชอบ บอกว่ามีสีสัน แต่บางคนยังติติงในหลายประเด็น อาจต้องให้เวลาเจ้าตัวพิสูจน์ฝีมือมากกว่า ถ้าซีซั่นหน้า เจ้าตัวยังได้ทำหน้าที่โค้ชอยู่
 
           ในส่วนโปรดักชั่น ยังเป็นจุดแข็งของรายการ เพราะสามารถทำคอนเสิร์ตแต่ละรอบออกมาได้ดี ไม่แพ้ เดอะ วอยซ์ ประเทศอื่นๆ และดูสร้างสรรค์และมีความเป็นมืออาชีพ แต่ที่น่าแปลกคือ ซีซั่นนี้อาจต่างจาก 3 ซีซั่นก่อน เพราะรอบ Blind Audition นั้นปกติ ทุกปีจะดูสนุก ดูลุ้น เข้มข้น แต่ปีนี้กลับค่อนข้างเทียบปีก่อนๆ ไม่ได้ แต่เมื่อรอบลึกๆ ขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Battle,  Knockout และ Live Show รายการดูสนุกขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ช่วงโค้งสุดท้ายรายการ กระแสตอบรับดีกว่าช่วงต้นมาก
 
           วกกลับไปที่ตำแหน่งแชมป์ เสียงจริง ตัวจริง ปีที่ 4 ตกเป็นของ “เบสท์” ทิฏฐินันท์ อ้นปาน จากทีม โค้ชโจอี้ บอย ที่ทำสำเร็จแล้วในการปั้นลูกทีมเป็นแชมป์ หลังจากเป็นโค้ชคนเดียวที่ยังไม่สามารถทำแชมป์ได้เลย ส่วนตำแหน่งรองชนะเลิศคือ “ไก่” อัญชุลีอร บัวแก้ว จากทีม “โค้ชก้อง”
 
           ผลที่ออกมาถือว่า พลิกล็อกเบาๆ เพราะเต็งหนึ่งในสายตาผู้ชมคนดู คงหนีไม่พ้น “ไก่” ที่พลังเสียงสุดยอดเป็นที่ประจักษ์ คู่ควรกับคอนเซ็ปต์รายการนี้ แต่การที่ “เบสท์” คว้าตำแหน่งชนะเลิศไปครองถือว่าไม่ได้น่าเกลียดอะไรมากนัก เพราจะว่าไปถ้านับถึงคุณภาพเสียง นอกจาก “ไก่” ที่ใครๆ ยกย่อง “เบสท์” ก็ถือเป็นหนึ่งในผู้แข่งขันที่มีพลังเสียงดี มากกว่านั้นเจ้าตัวยังโดดเด่นในเรื่องการเข้าถึงอารมณ์เพลง
 
           แต่เมื่อการตัดสินในรอบชิงชนะเลิศเน้นที่คะแนนโหวตล้วนๆ ผลออกมาเป็นเช่นนี้ เห็นทีทุกคนต้องยอมรับ แม้จะมีเสียงบ่นว่าไม่โดนใจอยู่บ้าง แต่ถ้าพูดกันแล้วทั้ง 4 คนในรอบชิงชนะเลิศ สามารถฝ่าฟันผู้แข่งขันมากมายกว่าจะมายืนจุดนี้ ถือว่าทุกคนคือ ผู้ชนะด้วยกันแล้วทั้งสิ้น
 
           แต่เหตุใด “ไก่” ตัวเต็งอันดับ 1 ถึงได้แพ้ให้ “เบสท์” อาจพอวิเคราะห์ได้ลักษณะนี้ กุญแจสำคัญสำหรับคนจะก้าวมายืนอยู่บนเวที เดอะ วอยซ์ นอกจากเสียงร้องที่ดี เห็นจะเป็นการเลือกเพลงในการขึ้นโชว์แต่ละรอบ เสียงดีแค่ไหน แต่ถ้าเลือกเพลงไม่ส่งหรือไม่โดนใจคนดูโอกาสเป็นผู้ชนะก็ยาก
 
           ย้อนกลับไปดูซีซั่น 3 ผู้ชนะอย่าง “หนุ่ม” สมศักดิ์ จากทีม “โค้ชคิ้ม” เป็นตัวอย่างที่เห็นชัด เพราะเจ้าตัวไม่ได้โดดเด่นเรื่องพลังเสียงร้องมากนัก แต่การได้โชว์รอบแสดงสดกับเพลง หลงตัวเอง ที่เน้นสนุกสนานเฮฮา กลับได้ใจคนดู นำไปสู่การโหวตและเป็นแชมป์ในที่สุด ในปีนี้ก็เช่นกัน “ไก่” ก็เกือบทำเช่นนั้นได้ เพราะรอบแสดงสด เจ้าตัวทำให้ทั่วประเทศกระหึ่มกับเพลง เจ็บนี้จำจนตาย ที่พลังเสียงและการแสดงออกในเพลงยอดเยี่ยมกระเทียมดอง จนกลายเป็นเต็ง 1 ทันที แต่รอบชิงชนะเลิศเพลงที่เจ้าตัวได้ร้องเป็นเพลงสากล I Who Have Nothing เรื่องพลังเสียงไม่มีใครปฏิเสธว่าสุดยอด แต่การร้องเพลงสากล อาจมีผลต่อคะแนนโหวตในแง่ที่ไม่สามารถเข้าถึงผู้ชมทั่วประเทศในวงกว้างได้ ย้อนกลับไปดูสถิติเวที เดอะ วอยซ์ ยังไม่มีนักร้องที่ร้องเพลงสากลในรอบชิงชนะเลิศแล้วคว้าแชมป์ได้เลย แม้จะเสียงดีแค่ไหน หากเทียบกับเพลงไทยสากลหรือเพลงลูกทุ่ง ซึ่ง “เบสท์” จะได้ตรงนี้มากกว่า เมื่อเลือกเพลงไทยสากลความหมายดี หัวใจขอมา ซึ่งอาจเข้าถึงและเรียกคะแนนโหวตจากคนดูได้ชัดเจนกว่า
 
           กระนั้นถ้าย้อนกลับไปวีกก่อน การเลือกเพลงให้ผู้ประกวดก็กลายเป็นประเด็นดราม่ามาแล้ว เมื่อ “ไข่มุก” รุ่งรัตน์ ตัวเต็งว่าจะเข้ารอบชิงชนะเลิศของทีมโค้ชโจอี้ เจ้าตัวดังจากเพลง ไสว่าสิบ่ถิ่มกัน แต่เมื่อถูกเลือกให้ร้องเพลงสากลก็ต้องชวดตกรอบไป จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั่วเมือง จน โจอี้ บอย ต้องออกมาขอโทษและยอมรับผิดว่าอาจเลือกเพลงผิด ก็ไม่รู้ว่าส่วนหนึ่งที่ “เบสท์” ได้เสียงโหวตจนคว้าตำแหน่งแชมป์ มีผลจากกระแสดราม่าของ โจอี้ บอย หรือไม่ อาจกลัว โจอี้ บอย เลิกทำรายการเหมือนเมื่อครั้งที่ “โค้ชแสตมป์” เลิกไป ซึ่งถ้ารายการนี้จะไม่มีโค้ชโจอี้ก็น่าเสียดายในแง่จะอดดูโชว์ดีๆ จากการสร้างสรรค์ของเจ้าตัว แต่เชื่อว่าการที่เจ้าตัวสามารถทำลูกทีมให้เป็นแชมป์สำเร็จครั้งนี้น่าจะลดแรงกดดัน และทำให้เจ้าตัวยังอยู่ในรายการในต่อไป
 
           จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ เห็นทีต้องจับตา เดอะ วอยซ์ ไทยแลนด์ ซีซั่น 5 ซึ่งมั่นใจว่าต้องกลับมาพบผู้ชมแน่นอนในปีหน้า ว่าจะมีอะไรมาให้ลุ้นและตื่นเต้นอีก...
 
.......................................
(หมายเหตุ 'รูดม่านเดอะวอยซ์ 4' : คอลัมน์ มายาวิชั่น โดย... เทพิตา)
logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ