ข่าว

สติกเกอร์(ไม่)'กาก'ของ'กันต์ รตนาภรณ์'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สติกเกอร์ (ไม่)'กาก'ของ'กันต์ รตนาภรณ์' : คมคิดธุรกิจนิวเจน เรื่อง /ชาญยุทธ ปะวะขัง ภาพ /สมศักดิ์ เนตรทอง

             ยุคสังคมก้มหน้า คุยกันผ่านโปรแกรมแชทข้อความมากกว่าคำพูด จะแปลกอะไรหากบนหน้าต่างสนทนาดังกล่าวจะคลาคล่ำไปด้วยลูกเล่นเพื่อเพิ่มความสนุกและอรรถรสในการคุย และนั่นเองนำมาซึ่งการสร้างสรรค์สติกเกอร์สารพัดรูปแบบ โดยเฉพาะ “สติกเกอร์ไลน์” ที่ฮอตฮิตกันไปทั่วบ้านทั่วเมือง ทุกเพศทุกวัยใช้กันอย่างเอิกเกริก กลายเป็นโอกาสทองของคนอินเทรนด์ที่ไม่เคยหยุดคิดอย่าง “ท็อปกัน” กันต์ รตนาภรณ์ หนุ่มหัวไวด้านการออกแบบกราฟฟิก หยิบกระแสบนโลกโซเชียลมาแปลงเป็นเงินง่ายๆ ด้วยสมองและสองมือบนแป้นพิมพ์

             ทฤษฎีขั้นพื้นฐานของโลกธุรกิจส่วนใหญ่อุบัติขึ้นจากความชอบและถนัดในสิ่งที่จะทำ กันต์ รตนาภรณ์ ก็เช่นกันหลังจากบินข้ามน้ำข้ามทะเลไปสั่งสมความรู้ด้านกราฟฟิกดีไซน์ จากมหาวิทยาลัยนอร์ทอีสเทิร์น สหรัฐอเมริกา ก็กลับมาพร้อมความรู้แตกฉานด้านงานออกแบบ จะเรียกว่าร้อนวิชาก็คงไม่ผิดนักกับการตกผลึกความรู้เพราะหลังมองหาลู่ทางได้ไม่นานหนุ่มไฟแรงตัดสินใจเปิดบริษัทเล็กๆ รับงานออกแบบสินค้า บรรจุภัณฑ์ ตลอดจนชุดยูนิฟอร์ม หรืออะไรก็ตามสุดแต่ลูกค้าจะวางใจให้ออกไอเดีย ก่อนจะนึกสนุกด้วยการขออิงกระแสโลกโซเชียลหยิบเอาความชอบส่วนตัวมาสร้างสรรค์สติกเกอร์ไลน์คอนเซ็ปต์ “กาก”  

             “สมัยเด็กๆ ผมชอบวาด ชอบเขียน ชอบมอง อย่างการแต่งตัวใส่เสื้อแบบนี้ใส่กางเกงอะไร รองเท้าอะไร จับมาผสมกัน รู้สึกทำงานด้านนี้แล้วมีความสุข เราได้วาดรูปแล้วเพลิดเพลินจนสุดท้ายไปเรียนด้านออกแบบกราฟฟิกดีไซน์ รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เราเรียนไปด้วยมีความสุขไปด้วย จนกระทั่งจบมาทีแรกไม่ได้ตั้งใจมาทำงานนี้จริงๆ  ไม่คิดจะมีแบรนด์ มีโปรดักของตัวเอง เป็นการเดินทีละสเต็ปมากกว่า เริ่มจากทำบริษัทออกแบบก่อน แล้วพอมีโอกาสได้ทำโปรดักท์ให้ ปตท., โตโยต้า เลยรู้สึกว่าเราสามารถออกแบบโปรดักท์ได้นะ จนมาเปิดบริษัท โยโล แบรนด์ เป็นการต่อยอดธุรกิจ เอาวัสดุหนังที่เรามีอยู่แล้วมาต่อยอดเป็นเคสโทรศัพท์ แล้วก็มาถึงสติกเกอร์ไลน์ เริ่มจากความชอบส่วนตัวที่ว่าเราใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว รู้สึกว่ายังมีคำในสติกเกอร์อีกมากมายที่ยังไม่ตอบโจทย์ที่ผมต้องการ ผมต้องการให้สติกเกอร์ไลน์ออกมาในรูปแบบสนุก ไม่ซีเรียส แต่ก็ไม่น่ารักเกินไป ก็เลย เฮ้ย เราน่าจะทำสติกเกอร์ไลน์ของเราเองนะ ก็เลยพัฒนา ค่อยๆ ออกแบบ” หนุ่มหัวคิดทันสมัยวัย 28 ปี ลูกชายคนสุดท้องของ คุณพ่อปรีชา รตนาภรณ์ ข้าราชการกรมป่าไม้ และ คุณแม่ณัฐสุภา รตนาภรณ์ นักธุรกิจด้านประมง เล่าถึงความเป็นตัวตนก่อเกิดธุรกิจอย่างน่าสนใจ

             สิ่งหนึ่งที่เขาคิดอยู่ในหัวเสมอคือ โลกทุกวันนี้หมุนเร็วมาก การออกแบบก็ต้องวิ่งตามโลกให้ทัน อย่างการคุยไลน์เป็นอะไรที่ทุกคนชอบ เป็นช่องทางแรกๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว เป็นสีสันใหม่ๆ ให้การสนทนา ไลน์สติกเกอร์จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งไลน์ธุรกิจที่น่าสนุก ซึ่ง “กาก” เป็นศัพท์สแลงในหมู่วัยรุ่นที่นิยมใช้สื่อถึงการทำอะไรแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ใช้ในลักษณะทับถม ยียวน กวนประสาท แต่ในมุมของหนุ่มคนนี้เขาอยากใช้ในเชิงสนุกสนาน เป็นออฟฟิเชียล (ทางการ) สติกเกอร์ที่เขาสร้างสรรค์ด้วยตัวเองล้วนๆ ใช้เวลาพัฒนากว่า 2 เดือน นำเสนอผ่านหมาสามตัวแทนบุคลิกคนสามคน ถ่ายทอดคำพูดต่างๆ ที่บอกนิสัยตัวตนคนนั้นๆ พูดในสิ่งที่ตัวเองเป็น ซึ่งหลังจากทำออกมาปรากฏว่าได้ผลตอบรับดี และเป็นจุดเริ่มต้นให้ได้รับความไว้วางใจให้ออกแบบสติกเกอร์ไลน์ให้แก่แบรนด์อื่นๆ ตามมา

             กันต์ อธิบายถึงวิธีการสร้างสรรค์สติกเกอร์ไลน์ก่อนจะส่งขึ้นไปโลดแล่นบนโปรแกรมแชทให้เข้าใจง่ายๆ ว่า เมื่อออกแบบสติกเกอร์ได้แล้วขั้นตอนต่อมาเป็นเรื่องของเอกสารในการดำเนินการ โดยนำสติกเกอร์ไลน์ทั้ง 40 ตัวส่งไปให้บริษัทไลน์ที่ญี่ปุ่นพิจารณา จากนั้นรอการอนุมัติ เมื่อได้รับการอนุมัติแล้วก็จะส่งเข้าไปในสติกเกอร์ช็อป (ร้านสติกเกอร์ออนไลน์) กระบวนการไม่ยุ่งยากซับซ้อนมากนัก สำหรับรายได้นั้นมาจากคนที่เสียเงินเข้าไปโหลด มีการแบ่งรายได้ตามสัดส่วนระหว่างเจ้าของสติกเกอร์กับบริษัทไลน์

             "เราเสียค่าใช้จ่ายตามระบบของไลน์ ตัวเงินผมไม่อยากระบุ เพราะเป็นสัญญาในเอกสารของทางไลน์ เป็นเรื่องแล้วแต่คอนเนกชั่นของแต่ละคนที่ยื่นเข้าไปซึ่งแตกต่างกัน ส่วนตัวแค่อยากนำเสนอตัวการ์ตูนออกมาในมุมที่่ยังไม่เคยมีใครทำ เป็นการ์ตูนที่กากๆ จริงๆ ที่ไม่ห่วงสวย ไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์ที่ว่าต้องน่ารัก รู้สึกว่าคนยังหาสิ่งนี้ไม่เจอ ส่วนคำพูดที่มาพร้อมตัวการ์ตูนบางคำอาจมีซ้ำกับสติกเกอร์คนอื่นบ้าง แต่เพราะนั่นเป็นคำฮิตพื้นฐานที่ต้องคงไว้ เช่น โอเค ขอบคุณ บาย กู๊ดไนท์ ขอโทษ เป็นต้น หรือคำกระแสอย่าง เงิบ เอาที่สบายใจ เรามาถึงจุดนี้ได้ไง สวดยอด ลาตาย (เหนื่อยมากๆ) อะไรแบบนี้ แต่เราก็จะมีคำใหม่ที่เราคิดเองด้วย สรรหาคำที่คนมักพูดติดปาก คำอะไรที่คนอยากใช้ คำอะไรที่คนอยากพูด หน้าตาแบบไหนด้วย คือหน้าตามีการค้นคว้าจริงจังเลยว่าเวลารู้สึกแบบนี้จะแสดงสีหน้าอย่างไร ผมเป็นคนค่อนข้างชอบมอง ชอบศึกษาพฤติกรรมคนในสภาวะแวดล้อมต่างๆ อยู่แล้ว" หนุ่มผู้มีชื่อเล่นยาวกว่าชื่อตามบัตรประชาชน อธิบาย

             แม้จะมีสติกเกอร์ทั้งแบบดาวน์โหลดเสียเงินและฟรีออกมาให้คนใช้ได้เลือกมากมาย ทว่าเจ้าของ “3 กาก” ราคาค่าโหลดเพียง 99 เซน บอกว่า ได้วางแผนโปรโมทในแบบเฉพาะตัว โดยใช้วิธีให้คนทำท่าเลียนแบบสติกเกอร์ไลน์ 3 กากแล้วโพสต์ขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีของแจกของแถมเพื่อดึงความสนใจ อีกทั้งสร้างความเคลื่อนไหวให้สติกเกอร์ ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาด สามารถตรวจสอบได้จากแอ็กเคาน์ส่วนตัวว่ามียอดดาวน์โหลดเท่าไร และสามารถดูได้อีกว่าในกาก 40 ตัวนี้ตัวไหนถูกใช้มากน้อยแค่ไหน ไลน์แบบนี้ไม่มีวันหมดอายุ ไม่เหมือนกับแบบโหลดฟรีที่สัักพักก็จะหมดเวลา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสติกเกอร์ที่แบรนด์สินค้าจัดทำขึ้นมาเพื่อโฆษณาสินค้าหรือบริการ มีกำหนดระยะเวลาในการใช้งาน 2-3 เดือนเท่านั้น

             หลังจากสติกเกอร์ชุดแรกเริ่มเป็นที่รู้จักของเหล่านักแชท หนุ่มกันต์ เผยว่า ตอนนี้วางแผนคิดสติกเกอร์ชุดใหม่ไว้ในหัวแล้ว แต่จะเป็นรูปแบบไหนนั้นปัจจัยอยู่ที่สถานการณ์ข่าวสารบ้านเมืองหรือประเด็นที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ เป็นอย่างไร เพื่อที่ว่าจะสามารถดึงเทรนด์หรือคำพูดมาใช้ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา จะได้โดนใจคนที่ต้องการใช้

             เขามองว่าคนที่ทำธุรกิจปัจจุบันนี้คงต้องติดตามความเคลื่อนไหว ต้องไม่หยุดศึกษาและเรียนรู้สิ่งรอบตัว โลกหมุนและเปลี่ยนไปทุกวัน จากที่เมื่อก่อนทุกๆ ปีโลกจะเปลี่ยนไปทั้งเรื่องการตลาด โฆษณา หรือโปรดักท์ แต่เดี๋ยวนี้้ทุกๆ 2 เดือนก็เปลี่ยนแล้ว ไปเร็วมาก ถ้าคนทำธุรกิจไม่หมุนตาม ธุรกิจก็หยุดเดินไปด้วย

             “จริงๆ ผมเพิ่งมาได้จับธุรกิจบนโลกออนไลน์ โลกของการแชทมาเมื่อไม่นาน แต่แค่นี้ก็รู้สึกแล้วว่า ปัจจุบันคนต้องอยู่กับโลกออนไลน์แทบจะทุกชั่วโมง ตื่นมาปุ๊บจับโทรศัพท์ปั๊บ เช็กเมล เช็กไลน์ ติดตามข่าวสาร อย่างไลน์ไม่ใช่แค่คุยสื่อสารกันส่งงานส่งรูปผ่านแอฟตัวนี้ก็ได้ เปิดดูหรืออ่านได้ง่ายๆ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปแล้วในยุคนี้ เรียกว่าเป็นช่องทางการสนทนาที่คนใช้กันมากที่สุดก็ว่าได้  มากกว่าการโทรศัพท์หากันอีก เพราะฉะนั้นโอกาสธุรกิจลักษณะนี้จึงเป็นเพียงช่วงเริ่มต้น โลกโซเชียลยังไปได้อีกไกลมากๆ ยังมีพื้นที่อีกมากที่จะให้คนเข้ามาหยิบจับโอกาสทำเงิน ซึ่งไม่ใช่แค่การขายโปรดักท์แต่บางครั้งยังเป็นดิจิทัลมีเดียที่ซื้อขายได้ด้วย" นักธุรกิจคิดไกล เผยมุมมอง

             เพราะเหตุนี้ จึงมีกลุ่มนักออกแบบสติกเกอร์เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากมาย ทั้งในลักษณะบริษัทรับผลิตอย่างจริงจัง ทำสติกเกอร์ขายอย่างเดียว ยังมีในส่วนของศิลปินวาดภาพที่อยากจะมีสติกเกอร์เป็นของตัวเอง แต่สำหรับเขากลับมองว่าเป็นการแข่งขันกับตัวเองมากกว่า ว่าจะสามารถสร้างสรรค์ออกมาได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าหรือไม่ ตลาดยังเปิดกว้าง คงต้องทำการบ้านหนักพอสมควรว่าคาแรกเตอร์แบบไหนที่คนใช้จะชอบ คำพูดแบบไหนถึงจะโดนใจและยังไม่มีใครคิด ต้องเป็นการครีเอทอะไรใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำกับที่มีอยู่

             “ตอนนี้ผมรับออกแบบสติกเกอร์ไลน์ให้ 4 แบรนด์สินค้า ยังไม่ออกมาเลยเพราะเพิ่งทำหลังจากที่ 3 กากเป็นที่รู้จักแล้ว แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ คร่าวๆ เกี่ยวกับความสวยความงาม ฟิตเนส คลินิก และผลิตภัณฑ์มาสก์หน้า เราเป็นเหมือนคนจุดประกายไอเดีย จะดึงอะไรออกมาเป็นจุดเด่นของสินค้า ใช้คาแรกเตอร์ตัวการตูนแบบนี้แบบนั้นเพื่อส่งเสริมธุรกิจ เห็นออกมาเล่นๆ สนุกๆ จริงๆ รายละเอียดค่อนข้างมากกว่าจะเสร็จออกมาให้ใช้ได้ อย่าง 3 กาก แค่ดวงตาของแต่ละตัวก็คิดแล้วคิดอีก ต้องมองให้ทะลุว่าจะสื่อสารออกมาอย่างไร เปลี่ยนแปลงได้ตลอดถ้าเห็นว่ายังไม่โดน ยังไม่รวมการจัดวางคำพูดในภาพอีกนี่คือความยาก และยิ่งถ้าเป็นภาพเคลื่อนไหวและมีเสียงยิ่งยากเข้าไปอีก ใช้เวลาพัฒนาพอสมควร เราทำครบวงจรตั้งแต่ให้ไอเดีย ออกแบบ แก้ไข ส่งงานลูกค้า จริงๆ แล้วมันคือการออกแบบนี่เอง ผมเริ่มจากงานออกแบบไม่ว่าอะไรก็ตาม สุดท้ายการออกแบบกว้างขึ้นเข้าไปในแอพพลิเคชั่นต่างๆ บนโลกออนไลน์” กันต์ บอก

             ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสะท้อนมุมมองได้อย่างน่าสนใจว่า ธุรกิจนี้มีช่องทางเติบโตได้อีกจนไม่รู้จุดจบ เพราะทุกคนเข้าถึงโลกออนไลน์ ที่แน่ๆ รายได้จากสติกเกอร์ไลน์ถือว่าหอมหวาน เพราะต้นทุนต่ำมาก ลงทุนไอเดียและวิธีทำงานเล็กน้อย เมื่อสำเร็จทำเงินได้ก็เหมือนเป็นกำไรชีวิต

             "เราได้มีสติกเกอร์ของเรา ส่งให้คนอื่น ในหน้าตาที่อยากใช้ เป็นธุรกิจหนึ่งที่ไม่มีต้นทุนในการซ่อมบำรุงต่อเดือน เราออกแบบเสร็จแล้วส่งขึ้นระบบไม่ต้องทำอะไรต่อ รอให้มันขายด้วยตัวมันเอง ไม่มีปิดคอร์สประจำเดือน  ผมทำอินสตาแกรมให้ 3 กาก (three gag) ด้วยไว้สื่อสารกับแฟนคลับ ล่าสุดมีแคมเปญไฟท์ ฟอร์ ไทยแลนด์ก็เอาหมา 3 ตัวมาถือธงชาติแล้วร่วมโพสต์รณรงค์ คนก็เอาหมา 3 กากไปแชร์ตามอินสตาแกรม จริงๆ ผมไม่หวังฮาร์ดเซลมากนะ แต่ต้องการสร้างคาแรกเตอร์การ์ตูนนี้ไปเรื่อยๆ ให้เป็นตัวการ์ตูนติดตลาดใครๆ ก็รู้จักและชื่นชอบ" เจ้าของไอเดียอินเทรนด์ กล่าวพร้อมกับฝากแง่คิดสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากทำธุรกิจเป็นนายตัวเองด้วยว่า ธุรกิจบนโลกโซเชียลต้องหาเอกลักษณ์ตัวเองให้เจอ หาจุดเด่นและความชอบให้ได้ก่อน แล้วดูว่าสิ่งนั้นมีใครทำหรือยัง อย่าเอาความชอบที่เกิดจากสิ่งที่ตัวเองเสพหรือคนอื่นเห็นแล้วคิดว่้าดี เพราะแบบนั้นสักพักคงถึงทางตัน ต้องทำในสิ่งที่สนใจจริงๆ แล้วจะมีความสุข และจะไม่มีคำว่า “กาก” 


 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ