โลกย้ายพลังอำนาจมายังเอเชียไทยจะอยู่ตรงไหน(1) : มองมุมยุทธศาสตร์ โดยเรือรบ เมืองมั่น Facebook :Ruarob Joe Muangman
พูดกันมาได้สักระยะหนึ่งแล้วครับเรื่องนี้ เรื่อที่พลังอำนาจของโลกจะย้ายจากฝั่งยูโรแอตแลนติกมายังฝั่งอินโดแปซิฟิก พูดถึงกันตั้งแต่ช่วงที่จีนทะลุมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึงเลขสองหลักติดต่อกันกว่าสิบปี แต่ความจริงเชิงสถิติและปรากฏการณ์ประจักษ์ตาพึ่งเห็นกันไม่นานมานี้เอง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทางทหารแบบก้าวกระโดดของจีน การแรงไม่ตกแม้ที่อื่นเขาจะมีปัญหาทางเศรษฐกิจของอินเดีย แม้แต่ในอาเซียนอย่างอินโดนีเซียและพม่าก็มีแต่ผู้กล่าวขาน ทั้งนี้สวนทางกับโลกเก่าที่กำลงประสบปัญหามากมาย สหรัฐ ฯ ยังคงประสบปัญหาจากวิกฤตปี 2551 ไม่เลิก ยุโรปยิ่งเลวร้ายกว่า เมื่อสมทบเข้ากับกรณีไครเมียยิ่งไปกันใหญ่
เมื่อห้าร้อยปีก่อนที่ยุโรปยังไม่พ้นจากการถูกครอบงำของศาสนาจักร ยังป่าเถื่อนกินอาหารกึ่งสุกดิบ นึกว่าโลกแบน ส่วนอเมริกาหรือออสเตรเลียไม่ต้องพูดถึง ไม่นึกด้วยซ้ำว่ามีอยู่จริง เอเชียเจริญรุ่งเรืองแล้วนะครับ หลายนครมีประชากรเป็นล้าน จีน อินเดีย แม้แต่อยุธยาก็มีความเจริญก้าวหน้า โลกของบุรพทิศสุกใสสว่างอย่างยิ่ง แต่เป็นเพราะการปฏิวัติอุตสาหกรรมกับการรวมตัวเป็นรัฐชาติของยุโรป ทำให้ประเทศปัจฉิมทิศมีความสามารถมากขึ้นอย่างมหาศาล ในที่สุดก็ใช้พลังอันมหาศาลนั้นยึดเอเชียซึ่งเอาแต่ทะเลาะกันเองไว้ในอุ้งมือได้เกือบหมดเมื่อร้อยกว่าปีก่อน
วันนี้เอเชียกลับมาผงาดอีกแล้วครับ ไม่ใช่ในแง่ขอการย้อนกลับไปไล่กดหัวใครเป็นอาณานิคม แต่ในแง่ของการมีอิทธิพลอำนาจมากขึ้น อย่างที่ใคร ๆ ก็ใส่ใจและหันมาตั้งมาตรการรับมือร่วมกันกันเป็นยกใหญ่ ความจริงสัญญาณนี้เกือบเกิดขึ้นทีนึงแล้วเมื่อยุค 80 ซึ่งญี่ปุ่นเกิดมหัศจรรย์ทางเศรษฐกิจไล่ยึดธุรกิจอเมริกา ขณะที่เศรษฐกิจแขกก็ไล่ซื้อกิจการบริการในอังกฤษ แต่เมื่อหมดยุคสงครามเย็น โลกาภิวัตน์กำลังเบ่งบาน วัฒนธรรมอเมริกาขยายกระจายครอบงำทุกพื้นที่คนก็มองว่าโลกนี้ได้ตกเป็นของทุนนิยมประชาธิปไตยภายใต้ฝรั่งเป็นหัวหอกแน่แล้ว กว่าใครจะมาคัดง้างมหาอำนาจขั้วเดี่ยวคงอีกนานเป็นชาติ แต่นั่นด่วนสรุปเกินไปครับ
โลกาภิวัตน์เหมือนงูที่กินซะอ้วน แล้วพองขยายใหญ่จนหลุดมือผู้เลี้ยงคือสหรัฐ ฯ เทคโนโลยีแขนงใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกอย่างไอที ไบโอเทคโน หรือนาโนเทค นั้นทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลากหลายมหาศาล อเมริกาก็ไม่ใช่มหาอำนาจเดี่ยวที่กล้าใช้อำนาจไปกดให้ขั้วความเจริญอื่นตามใจตัวได้ ซึ่งต่างจากจักรวรรดิโรมัน ผลคือเกิดขั้วอำนาจใหม่ขึ้นมายุบยับในภูมิภาค และในวันนี้พวกเหล่านั้นไม่ใช่แค่อยากหรูอยู่แต่ในภูมิภาคของตัว ต่างจับกันเป็นพันธมิตรในระดับมหายุทธศาสตร์ ดำเนินบทบาทสร้างสรรค์ต่อรองในเวทีโลก หลายครั้งยับยั้งอำนาจของยุโปและอเมริกาเสียด้วย
เมื่อทอดตามองสภาวะแวดล้อมทางยุทธศาสตร์แล้ว ก็รู้สึกปลาบปลื้มยินดีว่าเอเชียแปซิฟิกของเรานี่มาแรงกว่าเป็น เหมาะจะเป็นศูนย์กลางอำนาจใหม่ของโลกจริง ๆ แต่เมื่อมองลึกลงไปอีกก็ให้ฉงนว่า ประเทศไทยยังมีอนาคตอีกไหมกับสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป สัปดาห์หน้าลงมาหาทางออกกันครับ
................
ข่าวที่เกี่ยวข้อง