คอลัมนิสต์

บ้านซ่งแย้โบสถ์ไม้และดอกเตอร์ลูกชาวนา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บ้านซ่งแย้โบสถ์ไม้และดอกเตอร์ลูกชาวนา : มนุษย์สองหน้า โดยแคน สาริกา

               30 เมษายน 2557 ข่าวเศร้าเดินทางมาถึงวัดอัครเทวดามีคาแอล ซ่งแย้ คือข่าว ดร.พีรพันธุ์ พาลุสุข ได้ถึงแก่อนิจกรรม ด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

               "เพจวัดอัครเทวดามีคาแอล ซ่งแย้" จึงแสดงความไว้อาลัยแก่ลูกของพระเจ้า

               "ประทานการพักผ่อนตลอดนิรันดร แก่เขาเถิดพระเจ้าข้า ขอให้เขาได้เห็นแสงสว่างตลอดกาลเทอญ ขอคำภาวนาอุทิศแด่ ยอห์น ดร.พีรพันธุ์ พาลุสุข รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ข้ารับใช้ด้วยเทอญ"

               เนื่องจาก ดร.พีรพันธุ์ พาลุสุข เป็นผู้สำคัญที่เป็นแรงผลักดัน ส่งเสริม ทำให้โบสถ์ไม้มหัศจรรย์ของชาวคริสต์บ้านซ่งแย้ ได้รับพัฒนาและก้าวหน้า จนทุกวันนี้ "โบสถ์ไม้วัดซ่งแย้" ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว UNSEEN in THAILAND ประเภทมุมมองใหม่สิ่งศักดิ์สิทธิ์  

               ปัจจุบัน โบสถ์ไม้แห่งคริสต์ศาสนา ที่บ้านซ่งแย้ ต.คำเตย อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร มีอายุครบ 100 ปีแล้ว  

               กำเนิดของโบสถ์ไม้บ้านซ่งแย้ เริ่มจากเมื่อปี 2451 หมู่บ้านที่ตั้งโบสถ์แห่งนี้มีชื่อว่า บ้านหนองซ่งแย้ (แปลว่าที่อยู่ของแย้) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางดงทึบ                                                
               ประวัติความเป็นมาเริ่มจาก ที่บ้านซ่งแย้ มีชาวบ้าน 5 ครอบครัวที่มาจากคนละทิศคนละทาง ได้อพยพเข้ามาอยู่ใหม่กับชาวบ้านที่อยู่ดั้งเดิม อยู่กันได้สักระยะหนึ่งก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นครอบครัวผีปอบ ถูกชาวบ้านกลุ้มรุมทำร้ายและระดมขับไล่ออกจากหมู่บ้าน ทำให้กลุ่ม 5 ครอบครัวเดือดร้อนอับจนหนทาง จึงเดินทางไปหาบาทหลวงฝรั่งเศส “เดชาแนล” และ ออมโบรซีโอ” ที่บ้านเซซ่ง ต.เชียงเพ็ง อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร ให้มาช่วยขับไล่ผีปอบที่สิงอยู่กับตนและครอบครัว ซึ่งบาทหลวงทั้งคู่ก็หาวิธีการมาช่วยขับไล่ผีปอบให้แก่ชาวบ้านจนเหตุการณ์สงบลง ทั้ง 5 ครอบครัวจึงเข้ารีตเป็นคริสเตียนนิกายโรมันคาทอลิก ต่อมาหมู่บ้านแห่งนี้จึงกลายเป็นประชาคมชาวคริสต์ 

               บาทหลวงทั้งสอง จึงได้สร้างวัดหนองซ่งแย้ขึ้นมา ในปี พ.ศ. 2452 โดยใช้ชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาลาตินว่า “วัดอัครเทวดามิคาแอล” ซึ่งเป็นชื่อของนักบุญคนสำคัญ โดยมีบาทหลวงเดชาแนลเป็นอธิการโบสถ์คนแรก

               อาคารโบสถ์คริสต์วัดซ่งแย้ ในระยะแรกนั้นสร้างเป็นกระต๊อบเล็กๆ ฝาขัดแตะให้บาทหลวงทั้งสองอยู่ พร้อมกับใช้เป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาควบคู่ไปในตัว

               จากโบสถ์ไม้หลังแรกเมื่อกว่า 100 ปี ได้มีการปรับปรุงพัฒนาเรื่อยมาเนื่องจากอายุการใช้งานของไม้ย่อมผุพังไปตามอายุ โบสถ์คริสต์ไม้หลังใหม่ เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ.2490 ได้ปรับปรุงให้มีช่องแสงประดับกระจกสีสวยงาม จนเสร็จสมบูรณ์และกระทำพิธีเสกวัดเมื่อปี พ.ศ.2497 จนปัจจุบันยังคงมีความโดดเด่นสวยงามแปลกตา 

               ประเทศไทยต้องสูญเสียทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพไปอีกหนึ่ง เมื่อ พีรพันธุ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อเช้าวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน

               ทั้งนี้ เหตุเกิดเมื่อเขาเกิดวูบและถูกหามส่งเข้าโรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ อย่างเร่งด่วน เพื่อเข้ารับการผ่าตัดอาการจากเส้นเลือดในสมองตีบ แม้ว่าการผ่าตัดจะเป็นไปด้วยดี แต่แล้วในช่วงดึกได้เกิดอาการแทรกซ้อน และเสียชีวิตในที่สุดด้วยวัย 68 ปี

               สำหรับประวัติความเป็นมา พีรพันธุ์ พาลุสุข นับว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถในระดับแถวหน้าคนหนึ่งของประเทศ

               กล่าวสำหรับชาวเมืองบั้งไฟโก้ พีรพันธุ์ เป็น ส.ส.ดอกเตอร์คนแรก และเป็นรัฐมนตรีคนแรกของยโสธร

               ในส่วนของประวัติทั่วไป พีรพันธุ์ พาลุสุข เกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2489 ที่ อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร เป็นบุตรของ บิน และห่ม พาลุสุข เป็นบุตรคนโตจากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 8 คน

               ในด้านการศึกษา เขาเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-2 ที่โรงเรียนบ้านซ่งแย้ แล้วย้ายไปเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3-4 ที่โรงเรียนซ่งแย้พิทยา ทั้งนี้ ตามข้อมูลระบุว่า บริเวณพื้นที่บ้านซ่งแย้นั้น ล้วนแต่เป็นชาวไทยอีสานที่ได้มาเข้ารีต ถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเกือบทั้งหมด จึงไม่แปลกใจที่ พีรพันธุ์ ในฐานะนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเด่นจะได้รับทุนของฝ่ายคริสตจักรไปศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวรธรรมพิทยาคาร ต.ท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร

               เมื่อเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา พีรพันธุ์ พาลุสุข สามารถสอบเข้าศึกษาต่อที่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ และสำเร็จการศึกษา ได้เกียรตินิยมอันดับ 2 ต่อมาจบปริญญาโท ที่ Diploma International Institute of Public Administration Paris ด้านการทูต โดยได้รับทุนจากรัฐบาลฝรั่งเศส และสำเร็จปริญญาเอก สาขากฎหมาย มหาวิทยาลัยปารีส

               หลังสำเร็จการศึกษา พีรพันธุ์ได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง ตั้งแต่ปี 2522-2525

               ต่อมาเส้นทางชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปจากแวดวงวิชาการ เมื่อเขาตัดสินใจลาออกจากราชการ เพื่อทำงานการเมือง โดยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งแรกในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2526 สังกัดพรรคชาติไทย โดยมีกลุ่มอาจารย์ชาวอีสานในมหาวิทยาลัยรามคำแหง นำโดย ผศ.เฉลิมชัย ผิวเรืองนนท์ ชาวยโสธรด้วยกัน และ รศ.ดร.พิชญ์ สมพอง แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง

               ต่อมาปี 2528 ส.ต.ท.ผอง เดชแสน ส.ส.ยโสธร พรรคกิจสังคม ถึงแก่กรรม พีรพันธุ์จึงลงเลือกตั้งซ่อมในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก และได้รับการเลือกตั้งติดต่อกันมาในปี 2529 อีกสมัย ก่อนย้ายไปสังกัดพรรคประชาชน ได้รับการเลือกตั้งปี 2531 อีกสมัย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ