Lifestyle

ณ แก่งกระจาน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ณ แก่งกระจาน : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง/ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์

               ชิค แอนด์ ชิล กันไป ในจ.เพชรบุรี จังหวัดไม่ไกลจากเมืองกรุงแห่งนี้ ยังมีดีที่ธรรมชาติที่สมบูรณ์ ว่ากันว่าถ้าพูดถึงป่าที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติมากที่สุดแห่งหนึ่งก็ไม่พ้นชื่อของ "ป่าแก่งกระจาน" เข้ามาแจมด้วยเสมอ ป่าที่ถูกรุกราน ป่าที่ถูกลักลอบล่าสัตว์ ป่าที่มีเรื่องลี้ลับ ป่าที่เครื่องบินตก ป่าที่เป็นกันชนชายแดน ก็ไม่พ้นชื่อของ "แก่งกระจาน" ไปได้

                ที่นี่ ไม่ใช่อุทยานแห่งชาติลำดับแรกของประเทศ แต่เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่มากที่สุด กว่า 1.8 ล้านไร่ หรือกว่า 2,914 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่อ.หนองหญ้าปล้องและแก่งกระจานของจ.เพชรบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเป็นป่าต้นน้ำ ของแม่น้ำเพชรบุรีและแม่น้ำปราณบุรี แถมด้วยลักษณะเด่นทางธรรมชาติ ทั้งทะเลสาบ น้ำตก ถ้ำ หน้าผาที่สวยงาม 

                ชื่อของป่าแก่งกระจานโด่งดังขึ้นจากข่าว ทั้งเฮลิคอปเตอร์ตกถึง 3 ครั้ง ในเวลาไล่เลี่ยกัน (ครั้งที่ 3 ตกในไร่ชาวบ้านแก่งกระจาน) รวมถึงการลักลอบล่าสัตว์ตามออเดอร์ด้วยอาวุธร้ายแรง ด้วยเพราะผืนป่าที่นี่มีความหลากหลายทั้งพืชและสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์ที่มีค่าหัว ทั้งช้าง เสือดาว เสือโคร่ง วัวแดง ไปจนถึงสัตว์กีบไซส์เล็กทั้งหลาย นกก็มีสารพัดชนิด

                 ป่าแก่งกระจาน อยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ที่เชื่อมต่อลงไปถึงเทือกเขาในภาคใต้ และเขตป่าของพม่าอีกด้วย เลยเป็นดินแดนที่มีสัตว์สองสัญชาติที่หากินข้ามประเทศไปมาได้ และยังมีป่าที่เป็นแหล่ง "ทาก" ชุกชุมอีกด้วย อย่างเช่นป่าห้วยแม่เสลียง หรือเส้นทางขึ้นยอดงะงัน-นิกยวกตอง ซึ่งถือเป็นยอดสูงสุดของผืนป่าแก่งกระจาน ที่ระดับความสูง 1,513 ม.จากระดับน้ำทะเลปานกลาง

                การเดินทางท่องเที่ยวป่าที่นี่ต้องติดต่อขออนุญาต และให้เจ้าหน้าที่นำทางเพื่อความปลอดภัย  แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนจะปิดการท่องเที่ยวเดินป่าและไม่ให้พักแรมที่บ้านกร่างและพะเนินทุ่ง 1 สิงหาคม - 31 ตุลาคมของทุกปี เพื่อความปลอดภัย และให้ธรรมชาติและสัตว์ป่าได้พักฟื้น

                สาธยายมาซะเยอะ แต่ใช่ว่าจะพาไปเดินเล่นชมป่านะคะ วันพักผ่อนสบายๆ ที่มีเวลาจำกัดแค่เสาร์-อาทิตย์ เลยขอไปนอนเล่นริมอ่างเก็บน้ำ บริเวณที่ทำการอุทยานฯ ก็พอ จริงๆ ที่นี่ก็มีบ้านพักไว้รองรับนักท่องเที่ยวทั้งหลังใหญ่ หลังเล็ก แถมอยู่ในทำเลประชิดริมอ่างเก็บน้ำด้านใน ต้องติดต่อจองล่วงหน้า ส่วนฉันพวกชอบกางเต็นท์ เลยขอไปกางนอนเล่นๆ ริมอ่างเก็บน้ำอีกด้านหนึ่ง

                หลังจับจองทำเลทอง ก็จัดแจงกางเต็นท์ ขนข้าวของลงมาตั้งหลักปักฐานเสร็จ ยังไม่เย็นมาก ก็เลยขับรถขึ้นย้อนไปทางสันเขื่อน ซึ่งก็ต้องขับรถกลับออกมาด้านนอก เลยสันเขื่อนที่เห็นริมทางก่อนเข้าไปที่ทำการอุทยานแห่งชาติไปก่อน เพราะทางนี้เป็นทางออกของรถที่ไปชมสันเขื่อน ด้วยเพราะถนนไม่กว้าง เขาเลยจัดทำเป็นทางวันเวย์ เพื่อความปลอดภัย

                จากสามแยกก่อนเข้ามาที่ทำการอุทยานฯ เราต้องขับรถเลยขึ้นไปทางที่มีป้ายบอกเป็นโซนบ้านพักเจ้าหน้าที่ และจุดชมวิวสันเขื่อน

                ยามบ่ายคล้อย เห็นอ่างเก็บน้ำนิ่งสงบ เมฆฝนตั้งเค้าไกลๆ เห็นหน้าหนาวแบบนี้ก็เถอะ วันดีคืนดีก็มีฝนได้ในยุคสมัยนี้ สันเขื่อนวันนี้มีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก ต่างจับจองมุมถ่ายรูปกันสนุกสนาน เห็นอ่างเก็บน้ำกว้างไกลกับเกาะแก่ง จนดูเหมือนเป็นทะเลสาบ

                แต่ในฤดูกาลนี้ มุมที่ดูอาทิตย์ตกงามๆ คงไม่ใช่สันเขื่อนแน่ๆ ต้องขับเลาะไปอีกด้าน จากสันเขื่อนขับรถไปเรื่อยๆ เหมือนวนไปตามขอบอ่างเก็บน้ำ ข้ามทางน้ำล้น ที่วันนี้แห้งสนิท เลาะไปตามเส้นทาง ก่อนจะไปโผล่อีกด้านของอ่างเก็บน้ำ 

                สายลมเย็นเอื่อยๆ ปะทะใบหน้า กับแสงสุดท้ายแห่งวันที่แผดแสงขึ้นจับท้องฟ้า ก่อนจะลับลาไปตามกาลเวลา ความมืดเข้ามาแทนที่ 

                ค่ำคืนนี้ มีดาวเต็มฟ้า แม้จะไม่มีฝนดาวตกให้ตื่นเต้น เหมือนวันศุกร์-เสาร์นี้ ที่มีฝนดาวตกเจมินิดส์ มาให้เห็นกันอีกระลอก แต่ว่ากันว่า การได้พูดคุยกันในบรรยากาศที่สงบๆ บรรยากาศของความเป็นมิตร ชีวิตก็ดูจะรื่นรมย์ และฝันดีตลอดคืน ยังดีที่คืนนี้นักท่องเที่ยวไม่เยอะ เต็นท์ไม่แยะ ไม่งั้นก็อาจจะต้องหนีความวุ่นวายไปนอนที่เกาะกลางน้ำ เช่นที่เกาะดอกไม้ ซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวไปนอนได้เช่นกัน แต่ต้องเช่าเรือชาวบ้านไป ติดต่อได้ที่ที่ทำการอุทยานฯ 

                เช้ามาอ้อยอิ่งอยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องเบิกตาด้วยกาแฟสดขมๆ ที่ตั้งเตาชง กับขนมปังเนยสดที่ซื้อติดรถมา จิบกาแฟไป มองสายน้ำที่พลิ้วไหวไปตามกระแสลมเอื่อยๆ ไป วันนี้อยากให้เป็นอีกวันที่หยุดนิ่ง หลังจากที่วิ่งวุ่นมาทั้งอาทิตย์ แต่แค่พอแสงสายๆ มาเยือน ก็เก็บข้าวของ ออกเดินทางสำรวจบริเวณรอบๆ ที่ทำการ ก่อนกลับ

                สะพานรัก เอ้ย สะพานเชือกที่แขวนโยงเชื่อมแผ่นดินใหญ่ ไปสู่เกาะกลางน้ำ ดูจะเป็นไฮไลท์ และเป็นหนึ่งในฉากภาพยนตร์วัยรุ่น จนเป็นที่ติดตาต้องใจจนอยากไปเยือน แล้วนั่งห้อยขาทำท่าเหมือนในหนังกะเขาบ้าง แต่ด้วยจรรยาบรรณของตากล้องเลยไม่มีตัวเองอยู่ในฉาก 555

                สะพานนี้ให้นักท่องเที่ยวเดินเล่นได้ แต่ไปได้แค่ราวๆ  40 เมตร จะมีป้ายห้ามไปต่อ อาจจะด้วยหลายๆ เหตุผล รวมถึงความปลอดภัยด้วยกระมัง

                "ถ้าเชือกขาดล่ะจะทำอย่างไร"  น้องถามขึ้นมา ฉันว่า "ก็จับสลิงข้างไว้ดิ แล้วสาวเข้าหาฝั่ง จะได้ไม่จมน้ำ ...ฮา"  แต่ไม่ต้องห่วงดูสภาพแล้ว ไม่ขาดง่ายๆ แน่ เดินเล่นถ่ายรูปกันได้พักใหญ่ ก็ต้องโบกมือลา 

                มาเมืองเพชร ใครๆ บอกว่า ของฝากก็ต้องเป็นขนมหวานขึ้นชื่อที่มีสารพัดยี่ห้อ แต่ฉันกลับอยากกินขนมตาล หรือไม่ก็น้ำตาลสด ขึ้นมาซะอย่างงั้น
 
...........................................

การเดินทาง : รถยนต์จากกรุงเทพฯ-เพชรบุรี ตามถนนพระราม 2 เลี้ยวเข้าทางอำเภอหนองหญ้าปล้อง (จากกรุงเทพฯ ลัดสุด) หรือจะเส้นทางเก่าแก่ คือเข้าทางแยกอำเภอท่ายาง ไปตามเส้นทาง อ.ท่ายาง-แก่งกระจาน ตามทางมีป้ายบอกทางไปเขื่อนแก่งกระจานอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน : 0-3245-9293

 

 ..........................................

(หลังฝน แก่งกระจาน : คอลัมน์ชวนเที่ยว : โดย...เรื่อง/ภาพ : นพพร วิจิตร์วงษ์)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ