ข่าว

ฐานันดร5+:'ด้านมืด'ของ'สื่อใหม่'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รายงานพิเศษ : ฐานันดร 5+ จากสื่อกระแสหลัก ถึงนักข่าวพลเมือง ตอนที่ 5 'ด้านมืด'ของ 'สื่อใหม่' โดย กองบรรณาธิการ 'คม ชัด ลึก ออนไลน์'

          เหรียญมีสองด้านฉันใด เรื่องราวใด ๆ ก็ย่อมมีสองด้านฉันนั้น

          ใครบางคนอาจนึกถึง “ด้านดี” เมื่อตกหลุมรักอย่างหมดหัวใจ

          และใครบางคนที่ว่า ก็อาจเลือกที่จะมองข้ามหรือเมินเฉย ต่อ “ด้านร้าย” ที่มีอยู่จริง

          ทว่า ! ความจริงก็คือ ไม่มีใครสามารถปฏิเสธ ถึงการดำรงอยู่ของสิ่งสองสิ่ง ที่อยู่ตรงกันข้ามกัน แต่อยู่คู่กันอย่างแท้จริงไปได้

          ไม่มีข้อสรุปแบบ “คำตอบสำเร็จรูป” อย่างตายตัว

          มีก็เพียงการประมวลข้อมูลและข้อเท็จจริง นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน และอาจโยงใยไปถึงอนาคตอันใกล้ เพื่อให้เห็นถึงความมีอยู่และความเป็นไป

          เฉกเช่นเดียวกัน กับปรากฏการณ์ของ “สื่อใหม่”

          ในโลกที่เชื่อมโยงถึงกันด้วยเครือข่ายทางสังคม โดยเครื่องมือของโซเชียลมีเดีย

          เราใกล้กันมากขึ้น รับรู้ข้อมูลถึงกันเร็วขึ้น สื่อสารถึงกันได้ง่ายขึ้น

          และพร้อม ๆ กันนั้น เราก็อาจไม่รู้อะไรเลย ทั้งที่โลกถูกย่อให้ใกล้ตัวเรา แค่มือคลิกเท่านี้เอง

          ความจริงก็คือ “โซเชียลเน็ตเวิร์ค” และ “โซเชียลมีเดีย” ได้ย่อโลกจนเล็กลง แคบลง และใกล้ตัวเรากระทั่งสามารถรับรู้ทุกเรื่องราวได้อย่างง่ายดาย

          เรามีพื้นที่เขียนได้โดยไม่จำกัด

          เพื่อ “ส่งข่าว” และ “สื่อสาร” บนพื้นที่อันไม่จำกัดสู่สาธารณะ ที่พร้อมรับข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็ว

          “เราทุกคนเป็นนักข่าวได้”

          ในทุก ๆ พื้นที่ที่เราอยู่ ในทุก ๆ สิ่งที่เราเห็น ได้ยิน และพร้อมจะถ่ายทอดทั้งหมดที่ว่านั้นออกไป โดยเครื่องไม้เครื่องมือของการบันทึกที่ทันสมัย เพื่อแสดง “ข่าวสาร” ที่เราต้องการส่งออกไป

          เราทุกคนเป็น “นักข่าว” ได้ และเราทุกคนก็ “เป็นข่าว” ได้

          นี่เป็นพลังอันยิ่งใหญ่ ของเครือข่ายทางสังคม และเครื่องมือทันสมัยของ “โซเชียลมีเดีย”

          นี่เป็น “ด้านบวก” ของพลังอันยิ่งใหญ่

          ที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธ ถึงคุณูปการในด้านนี้

          กรณี “กล้อง CCTV” ในพื้นที่ กทม. อาจไม่มีใครระแคะระคายเลย ถ้าไม่มีกรณีการเปิดเผย “ภาพข่าว” และ “ข้อมูลข่าว” ผ่านเวบไซต์ชื่อดังอย่าง “พันทิพดอทคอม”

          ทั้งภาพและข้อมูลข่าวที่ว่า ถูกแชร์ต่อกันไปเป็นทอด ๆ ผ่านโซเชียลมีเดียหลายรูปแบบ กระทั่งปรากฏเป็นข่าวบนเวบไซต์ข่าว กระทั่งปรากฏเป็นข่าว ในสื่อกระแสหลักในเวลาต่อมา

          กรณี “กล้อง CCTV” จะไม่เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตเลย

          ถ้าไม่มี “นักข่าวพลเมือง” ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่มีอยู่จริงของ “กล้อง CCTV”

          กรณี “กล้อง CCTV” จะไม่มีใครรู้เรื่องใด ๆ เลย แม้กระทั่งสถานะของกล้องปลอมที่ไม่มีกล้อง ที่เรียกกันว่า “กล้องดัมมี่”

          แต่ กรณี “กล้อง CCTV” สามารถ “เป็นข่าว” ได้

          ก็เพราะการทำหน้าที่ ประหนึ่ง “นักข่าวพลเมือง” ในโลกอินเตอร์เน็ต ที่ทำให้ทุกคนเป็นนักข่าวได้อย่างเต็มภาคภูมิ

          นี่เป็น “ด้านดี” ของเครือข่ายสังคมและโซเชียลมีเดีย

          ปรากฏการณ์เช่นว่านี้ ไม่ได้มีเพียงแค่กรณีเดียว แต่อีกหลายกรณีก็เป็นที่กระจ่างชัด ถึง “ด้านดี” ที่เป็นอยู่และเป็นไป

          กรณี "มหาอุทกภัย" สำหรับประเทศไทย ในปี 2554 ก็เป็นรูปธรรมหนึ่ง

          กรณีการเปิดเผย “ภาพข่าว-คลิปข่าว” และ “ข้อมูลข่าว” ในหลายกรณี ที่สมควรต้องเผยแพร่และตรวจสอบด้านลึก ก็เป็นรูปธรรมหนึ่ง

          ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมา มีการ “แจ้งข่าว” ในลักษณะเช่นว่านี้มากมาย

          เช่นว่า กรณี คลิป ซี 7 ศุลกากร ที่กระทำการบ้องหู เจ้าหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพราะไม่พอใจการปฏิบัติหน้าที่

          เช่นว่า กรณีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แก่วงการศาสนา ทั้งกรณีพระภิกษุสงฆ์ แสดงพฤติกรรมตุ้งติ้ง เต้นโคโยตี้ แต่งหน้า โพสต์ท่า-เดินแบบ หรือกระทำอื่น ๆ อีกมากมาย อันเป็นที่เสื่อมเสียแก่พุทธศาสนา

          เช่นว่า กรณีภาพของนักเรียน-นักศึกษา เด็กและเยาวชน ที่กระทำการอันไม่เหมาะสมต่อวัยอันควร และต่อสถานะของระบบการศึกษาโดยภาพรวม

          เช่นว่า กรณีเหตุการณ์แปลก น่าทึ่ง และน่าสนใจในแง่ของความเป็นข่าว อย่างกรณี “คนแต่งผี” กับภาพชายหนุ่มในชุดทักซิโด้ ที่บรรจงสวมแหวนแต่งงาน ให้กับเจ้าสาวผู้ทอดร่างปราศจากลมหายใจ ซึ่งจุดประกายเรื่อง “รักแท้” จนถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง

          เช่นว่า กรณีที่เกี่ยวเนื่องกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนใน “โซเชียลเน็ตเวิร์ค” ที่แสดงผ่าน “โซเชียลมีเดีย” อย่างกรณีการรวมกลุ่ม เพื่อไปร่วมกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้กับสังคม

          เช่นว่า กรณีการนำเสนอ “ภาพข่าว” และ “ข้อมูลข่าว” ที่ควรต้องตั้งคำถามให้สาธารณะได้รับรู้

          เช่นว่า กรณีการขุดคุ้ย และขยายผลในแง่ของข้อมูลเชิงลึก เพื่อนำเสนอข้อสงสัย และข้อสังเกตบางประการต่อคนใน “ชุมชนออนไลน์” เพื่อเป็นฐานข้อมูลประกอบข่าว อย่างกรณีที่เกิดขึ้น กับการขุดคุยปูมหลัง ของ “ฝาแฝด” ผู้ก่อเหตุชกหน้า นักวิชาการจากกลุ่ม “นิติราษฎร์”

          เหล่านี้ เป็นรูปธรรมหนึ่ง ๆ ของ “ด้านดี-ด้านบวก” สำหรับ “โลกเสมือนจริง”

          ที่แสดงถึงพลังอันยิ่งใหญ่ ของเครือข่ายทางสังคม ผ่านเครื่องมือโซเชียลมีเดีย อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

          แต่ในด้านตรงข้าม ก็มีผลเช่นกัน

          เพราะต้องไม่ลืมว่า อีกด้านของ “ข้อมูลข่าวสาร” ก็คือ “อำนาจ”

          ซึ่งถ้าถูกนำไปใช้โดยวัตถุประสงค์ซ่อนเร้น และเพื่อหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ไม่ต่างกับการขยายผลร้าย ให้แพร่สะพัดในวงกว้างอย่างรวดเร็ว

          และอาจจะเกินความสามารถ ที่จะระงับยับยั้งป้องกันและเยียวยาได้อย่างทันท่วงทีเช่นกัน

          ความจริงของกรณี “ด้านมืด” มีปรากฏให้เห็นเป็นรูปธรรมในหลายกรณี

          นี่เป็นความจริงของพลังจากเครือข่ายทางสังคม ที่ส่งผ่านจากช่องทางของโซเชียลมีเดียในหลายรูปแบบ

          แน่นอนว่า เมื่อมีปฏิกริยาด้านบวก ก็ย่อมมีปฏิกริยาด้านลบ เป็นเส้นทางคู่ขนาน

          ความจริงก็คือ "ชุมชนเสมือนจริง" ไม่ต่างกับการย่อส่วนจาก "โลกจริง" ทั้งความคิด ความเชื่อ ความจริง ความลวง ความดี และความเลว

          ในด้านบวก "โซเชียลเน็ตเวิร์ค" ไม่ต่างจาก "ขุมอำนาจใหม่"

          ที่สามารถสร้างสรรค์ และเปลี่ยนแปลงสังคมโลก ให้ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า

          ทว่า ! ในด้านลบ "โซเชียลเน็ตเวิร์ค" ก็ไม่ต่างจาก "ขุมอำนาจใหม่" ที่สามารถจะทำลายทั้งบุคคลและสังคมโลก ให้ย่อยยับลงไปในชั่วพริบตา โดยไม่สามารถถามหาความรับผิดชอบจากใครได้

          โดยเฉพาะเมื่อสถานะของ "โลกเสมือนจริง" วางอยู่บนฐานของ "โลกจริง" ที่แห่ตามกระแส ในลักษณะของ "รสนิยมรวมหมู่" โดย "ความคิด-ความเชื่อ" และ "การพิพากษา" ไว้ก่อน

          "ข่าวลือ-ข่าวลวง" จาก "ความจงใจ" เพื่อหวังผลโดย "เจตนาซ่อนเร้น" เช่นที่เกิดขึ้นในปรากฏการณ์ "มหาอุทกภัย" เป็นรูปธรรมหนึ่ง

          "ข้อความ-ภาพนิ่ง-ภาพเคลื่อนไหว" ที่ถูกส่งขึ้นผ่านเครือข่าย โดยเข้าใจผิด และขาดการตรวจสอบ เป็นรูปธรรมหนึ่ง

          เช่นเดียวกับการส่งต่อโดยไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งที่ปรากฏข้อเท็จจริงแล้ว

          หรือการปรับแต่ง-ตัดต่อ แล้วเผยแพร่พร้อมกับส่งต่อ ก็เป็นอีกรูปธรรมหนึ่ง

          ความจริงก็คือ “โซเชียลเน็ตเวิร์ค” โดยกลไกของ “โซเชียลมีเดีย” เปิดพื้นที่กว้าง สำหรับสถานะของ “นักข่าวพลเมือง”

          เพื่อ “สื่อสารข้อมูลข่าว” โดยพลัง “อำนาจ” บนฐานของความเป็น “สื่อสารมวลชน”

          ทุกคนรู้ และทุกคนก็สามารถใช้พื้นที่ที่ว่านี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          ทั้งโดยสถานะของ “นักข่าวพลเมือง” และโดยสถานะของการเลือกชี้นำ ตาม “ความคิด-ความเชื่อ” อย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อนำสู่ “รสนิยมรวมหมู่” อย่างใดอย่างหนึ่ง และเพื่อผลลัพธ์อย่างใดอย่างหนึ่ง

          ที่ผ่านมา รูปธรรม “นักข่าวพลเมือง” ที่นำเสนอบนความขัดแย้งทางการเมือง ชัดเจนอย่างยิ่ง

          “โลกจริง” ดำเนินการ “เลือกข้าง” และ “โลกเสมือนจริง” ก็ดำเนินการ “เลือกข้าง” เช่นกัน

          ที่มากกว่านั้นก็คือ การ “เลือกข้าง” ยังถูกนำไป “ผลิตซ้ำ” และส่งต่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผ่านเครือข่ายโซเชียลมีเดีย เพื่อตอกย้ำความมีอยู่ ของสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงอย่างต่อเนื่อง

          นี่เป็นปรากฏการณ์ “ด้านมืด-ด้านเลวร้าย” ของโลกอินเตอร์เน็ต ที่เชื่อมโลกถึงกันอย่างไม่สิ้นสุด

          ที่สำคัญคือ ทุกคนต่างรับรู้ถึง “อำนาจ” อันทรงพลังที่ว่านี้

          และทุกคนที่รับรู้ ก็พร้อมที่จะรวมตัว เพื่อสำแดงพลังที่ว่านี้ โดยไม่มีขีดจำกัด และไม่ต้องรับผิดชอบ

          เช่นว่า กรณีการ “สร้างภาพ” หรือ “สร้างคลิป” ซึ่งไม่มีมูลความจริงตั้งแต่ต้น เพื่อปล่อยผ่านเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์ค และให้มีการแชร์กันต่อไป ในเครือข่ายโซเชียลมีเดีย

          เหมือนกรณี “ภาพถ่ายติดวิญญาณ” หรือกรณี “คลิปผีหน้าเมรุ” ที่ถูกจัดแต่งและทำขึ้น

          หรือกรณีการ “ตัดต่อภาพ-ภาพเคลื่อนไหว” จากข้อมูลเดิม แล้วแอบอ้างเป็นสถานการณ์ใหม่

          เพื่อให้ไปถึง “สื่อกระแสหลัก” ที่อาจนำไปเสนอและขยายผลให้ “เป็นข่าว”

          เช่นว่า กรณีการรวมตัวกัน เพื่อ “report” ฝ่ายตรงข้าม ให้หมดสภาพไปบนเครือข่ายเฟซบุ๊ค

          เช่นว่า กรณีการรวมตัวกัน ของกลุ่มที่ถูก “report” เพื่อแสดงปฏิกริยาตอบโต้ และเอาคืนภายใต้มาตรฐานเดียวกัน

          เช่นว่า การรวมกลุ่มและเปิด “เพจเฉพาะ” เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง

          นี่ยังไม่รวมถึงกรณี “ลัทธิล่าแม่มด”

          หรือกรณี "คำพิพากษาล่วงหน้า" เช่นกรณี "แพรวา" และในอีกหลายกรณีที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในหลายต่อหลายครั้ง

          ทั้งหมดนี้ เป็นบางรูปธรรม ที่ไม่ต่างจากภาพสะท้อน ของปฏิกริยาด้านลบ

          ที่แสดงถึงอานุภาพในการทำลายล้าง ของขุมพลัง "อำนาจใหม่" ที่ชื่อว่า "โซเชียลเน็ตเวิร์ค" โดยชองทางของ “โซเชียลมีเดีย” ในหลายรูปแบบ

          ทุกคนรู้และทุกวงการรู้ ถึงประสิทธิภาพอันยิ่งใหญ่ ของขุมพลังที่ว่านี้

          และทุกคน ทุกวงการ ต่างก็ใช้อย่างไม่มีขีดจำกัด และอาจไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบใด ๆ ไม่ว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่ก็ตาม

          เพราะนี่คือ “สื่อใหม่” ที่เราทุกคนต่างรู้เท่า ๆ กันว่า มีพลังล้นเหลือจริง ๆ ...

..........................

 

(หมายเหตุ : รายงานพิเศษ : ฐานันดร 5+ จากสื่อกระแสหลัก ถึงนักข่าวพลเมือง ตอนที่  5 'ด้านมืด'ของ 'สื่อใหม่' โดย กองบรรณาธิการ 'คม ชัด ลึก ออนไลน์'

 

ลิงก์ข่าวที่เกี่ยวข้อง

# รายงานพิเศษ : ฐานันดร 5+ จากสื่อกระแสหลัก ถึงนักข่าวพลเมือง ตอนที่ 1 'We the Media' โดย กองบรรณาธิการ 'คม ชัด ลึก ออนไลน์'

http://www.komchadluek.net/detail/20120804/136856/ฐานันดร5+:WetheMedia.html

# รายงานพิเศษ : ฐานันดร 5+ จากสื่อกระแสหลัก ถึงนักข่าวพลเมือง ตอนที่ 2 'ปรากฏการณ์นักข่าวพลเมือง' โดย กองบรรณาธิการ 'คม ชัด ลึก ออนไลน์'

http://www.komchadluek.net/detail/20120806/137009/ฐานันดร5+:ปรากฏการณ์นักข่าวพลเมือง.html

# รายงานพิเศษ : ฐานันดร 5+ จากสื่อกระแสหลัก ถึงนักข่าวพลเมือง ตอนที่ 3 'โลกที่ทุกคนเป็นนักข่าว ?' โดย กองบรรณาธิการ 'คม ชัด ลึก ออนไลน์'

http://www.komchadluek.net/detail/20120808/137152/ฐานันดร5+:โลกที่ทุกคนเป็นนักข่าว.html

# รายงานพิเศษ : ฐานันดร 5+ จากสื่อกระแสหลัก ถึงนักข่าวพลเมือง ตอนที่ 4 'อาณาเขตข่าว-พื้นที่ไม่จำกัด' โดย กองบรรณาธิการ 'คม ชัด ลึก ออนไลน์'

http://www.komchadluek.net/detail/20120809/137293/ฐานันดร5+:อาณาเขตข่าว-พื้นที่ไม่จำกัด.html)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ