สิ้นกวีเอก'อุชเชนี'มะเร็งคร่าชีวิตวัย97ปี

            เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม นางพิมพ์รวี วัฒนวรางกูร อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า  นางประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์)  ปีพ.ศ.2536 เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เมื่อเวลาประมาณ 13.15 น. วันที่ 7 พฤษภาคม ที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ สิริรวมอายุ 97 ปี ในการนี้จะมีพิธีสวดศพระหว่างวันที่ 7-11 พฤษภาคม  เวลา 19.30 น. ที่โบสถ์วัดพระมหาไถ่ ซอยร่วมฤดี แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ และกำหนดพิธีปลงศพวันที่ 12 พฤษภาคม เวลา 10.00 น. จากนั้นจะทำพิธีฝังส่งวิญญาณ ที่สุสานศานติคาม อ.สามพราน จ.นครปฐม 

 

            สวธ.จะดำเนินการมอบเงินสวัสดิการสำหรับศิลปินแห่งชาติที่เสียชีวิตเพื่อร่วมบำเพ็ญกุศล จำนวน 2 หมื่นบาท นอกจากนี้ยังมีเงินสนับสนุนการจัดทำหนังสือเพื่อเผยแพร่ผลงานเมื่อเสียชีวิตเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 1.5 แสนบาท

 

            นางพิมพ์รวี กล่าวต่อว่า นางประคิณเป็นกวี มีนามปากกาว่า “อุชเชนี” เกิดเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ.2462 เป็นกวีที่มีความเสนาะเพริศแพร้วของเสียง ลำนำ จังหวะในกวีนิพนธ์ ด้วยการนำวรรณศิลป์ตามขนบนิยมมาใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารสร้างสรรค์ กวีนิพนธ์ที่มุ่งสร้างสรรค์ชีวิตที่ดีงาม มุ่งให้ความหวัง ให้พลัง ปลอบประโลมให้ผู้อ่านมีกำลังใจต่อสู้ชีวิตมุ่งสร้างศรัทธาในพลังแห่งอุดมคติของมนุษย์ เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างโลกนี้ให้สงบ งดงาม กวีนิพนธ์ที่ปรากฏแสดงให้เห็นถึงความเป็นกวีผู้มีอัจฉริยภาพ ซึ่งใช้วรรณศิลป์เป็นเครื่องมือสู่สังคมด้วยการส่งสารที่ทรงพลัง สร้างแรงบันดาลใจแก่กวีรุ่นหลังต่อมา นางประคิณเป็นกวีผู้ใช้สมบัติวรรณศิลป์ คือความงามพริ้งพรายมาเป็นสื่ออันทรงพลังในการสร้างสรรค์แบบใหม่ ก่อให้เกิดคุณค่าอันยั่งยืนต่อสังคมไทย ซึ่งกวีใช้ลำนำภาษากวีอันมีลีลาอ่อนหวาน เสียดสีเยาะหยั่น หรือรุกเร้าให้เกิดพลังใจเข้มแข็ง แต่สารที่กวีสื่อนั้นจะคมชัด มั่นคงดุจอุดมการณ์ และศรัทธาของกวีที่มีต่อมนุษย์ จึงได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์) ในปีพ.ศ. 2536

 

            ด้าน พ.ต.ปานสรวง ชุมสาย ณ อยุธยา กล่าวว่า นางประคิณมีลูกทั้งหมด 3 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน ตนเป็นลูกชายคนแรก ส่วนคนสุดท้องเป็นน้องสาว คุณแม่เป็นที่รู้จักของทุกคน ทั้งนายถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ปีพ.ศ.2544 หรือนายประยอม ซองทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ.2548 ก็ให้การเคารพรักคุณแม่ เนื่องด้วยงานเขียนที่ใช้ภาษาสวยงามจนถือได้ว่าเป็นแม่แบบของกวี เช่น หนังสือขอบฟ้าขลิบทอง เป็นต้น