รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โฆษกประจำบช.น. ยืนยันตำรวจสลายกลุ่ม"ผู้ชุมนุม" วานนี้เป็นไปตามหลักสากลทั่วโลกยอมรับ พร้อมเตรียมถกแผนรับมือม็อบเสาร์นี้
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล โฆษกประจำบช.น. เปิดเผยความคืบหน้าภาพรวมของการชุมนุม คาร์ม็อบวานนี้ ว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ชุมนุมในพื้นที่รวมถึงจังหวัดนนทบุรี รวม 10 ราย และจับกุมได้เมื่อคืนอีก 1 ราย
ทั้งหมดถูกคุมตัวไปไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จังหวัดปทุมธานี และที่ห้องควบคุมผู้ต้องหากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กรุงเทพมหานคร
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบปากคำ หากแล้วเสร็จก็จะนำตัวไปส่งฟ้องต่อศาลทันที หากไม่ทันก็เบื่อนไปในวันพรุ่งนี้
โดยทั้งหมดกระทำความผิดเข้าข่ายตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บโรคติดต่อ พ.ร.บ.จราจรทางบก ส่วนข้อกฎหมายอื่น ๆ อีกอยู่ระหว่างการพิจารณา
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า สำหรับเจ้าหน้าที่เมื่อวานนี้ได้รับบาดเจ็บรวม 13 นาย ถูกขว้างปาสิ่งของของประทัดจากกลุ่มผู้ชุมนุม รวมถึงการปะทะระหว่างการผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่
ทั้งนี้ยืนยันว่าตำรวจปฏิบัติงานไปตามขั้นตอนและยุทธวิธีในระดับสากลซึ่งเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก
"ซึ่งจากภาพคลิปวีดีโอและภาพนิ่งตำรวจมีหลักฐานยืนยันด้วยว่ากลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำการยั่วยุทำลายทรัพย์สินของราชการและลุกลามเข้ามาในพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ก่อน จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามขั้นตอน" พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
พล.ต.ต.ปิยะ เปิดเผยในส่วนของการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า รูปแบบของกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวานนี้ เป็นการรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุมหลายกลุ่มหรือที่เรียกว่าแม่น้ำหลายสาย ประกอบด้วย
- กลุ่มผู้ชุมนุมจากจังหวัดนนทบุรี
- นครปฐม
- กรุงเทพฯเขตมีนบุรี
- และจุดอื่น ๆ ทั่วกรุงเทพฯ
ที่จะเคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่การชุมนุมที่นัดหมายไว้
ทั้งนี้ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมถือว่ามีความผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลและจะติดตามดำเนินคดีออกหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลังซึ่งต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง
สำหรับกรณีมีการเผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่กองร้อยควบคุมฝูงชนใช้อาวุธปืนลูกซองจ่อศีรษะผู้ชุมนุมที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์บนถนนวิภาวดีรังสิต
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ลักษณะดังกล่าวเป็นรูปแบบทางยุทธวิธีที่เรียกว่า cover and contact ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ต่างประเทศใช้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพียงการตักเตือนผู้ชุมนุมให้กลับเคหะสถาน
โดยลักษณะก็ต้องปฏิบัติไปตามยุทธวิธี คือระหว่างที่มีเจ้าหน้าที่ไปเจรจา พูดคุยก็ต้องมีอีกคนคอยคุมกันอยู่แล้ว เนื่องจากสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมกระจายตัวออกจากพื้นที่ และเจ้าหน้าที่เห็นว่าผู้ชุมนุมบางคนอาจเป็นภัยคุกคามหรืออาจเกิดอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ได้
พล.ต.ต.ปิยะ ยังบอกอีกว่า อาวุธปืนที่ใช้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลมีการติดสติ๊กเกอร์เป็นสัญลักษณ์ให้เห็นชัดเจนว่ากระสุนที่ใช้เป็นกระสุนยาง และเหตุการณ์ในภาพดังกล่าวไม่ได้มีการยิงผู้ชุมนุมที่ปรากฏในภาพ แต่ได้ทำการตักเตือนและไล่ให้ออกนอกพื้นที่
"มองว่าลักษณะที่เกิดขึ้นในภาพไม่ได้เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เพราะสถานการณ์ในขณะนั้นค่อนข้างเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ควบคุมสถานการณ์เนื่องจากก่อนหน้านั้นมีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นจากกลุ่มผู้ชุมนุม" พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
สำหรับกรณีที่ผู้ชุมนุมอ้างว่ามีการใช้กระสุนจริง
พล.ต.ต.ปิยะ ยืนยันว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้กำชับและตรวจสอบห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปควบคุมสถานการณ์นำอาวุธชนิดอื่นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลกำหนดเข้าไปใช้ในการปฏิบัติงานเด็ดขาด นอกจากก๊าซน้ำตา อาวุธปืนลูกซองกระสุนยาง ปืนยิงตะข่ายควบคุมตัว และโล่กระบอง
ส่วนการควบคุมการชุมนุมในวันเสาร์ที่จะถึงนี้
พล.ต.ต.ปิยะ บอกว่า อยู่ระหว่างการหารือเพื่อหาแนวทางการป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีกส่วนจะใช้รูปแบบและยุทธวิธีใดนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้เพราะอยู่ระหว่างการหารือกันของแต่ละฝ่าย
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปิยะ ขอเตือนผู้ชุมนุมว่า ขณะนี้ประเทศบอบช้ำมากพอแล้วอย่าได้ซ้ำเติมอีกเลย อย่างกรณีเมื่อวานนี้ที่ผู้ชุมนุมมีการปิดถนนวิภาวดี ซึ่งบนถนนเส้นดังกล่าวมีโรงพยาบาลหลายแห่งทำให้รถพยาบาล และรถของบุคลากรทางการแพทย์ไม่สามารถปฏิบัติภาระกิจได้สะดวก จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้เวลาในการเคลียร์พื้นที่
"ส่วนการดำเนินคดีสำหรับผู้ชุมนุมที่เดินทางมาร่วมชุมนุมและถูกดำเนินคดีในหลายครั้ง ต่างกรรมต่างวาระ ศาลสามารถที่จะเพิ่มโทษได้ในแต่ละครั้งแต่ละฐานความผิด ด้วยเช่นกัน" พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง