'อัจฉริยะ' เชื่อหลักฐานคดีน้องชมพูพร้อม แค่รอเก็บเพิ่มก่อนออกหมายจับ

หลังจากที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุ เตรียมเดินทางไปที่ 'บ้านกกกอก' สัปดาห์หน้า เพื่อตรวจสอบคดีน้องชมพู่ ตามที่นายย์พล วิภา หรือ ลุงพล ร้องขอให้ไปช่วยคดี หลังมีกระแสข่าวว่าตำรวจอาจใช้เครื่องจับเท็จเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี เพื่อตัดสินใจว่าจะรับทำคดีนี้หรือไม่

วันที่ 22 มกราคม 2564) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า การนำเครื่องจับเท็จมาใช้ในการดำเนินคดี ตนเห็นว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งเพื่อนำมาประกอบในสำนวนคดีเท่านั้น เครื่องจับเท็จเป็นเพียงเครื่องมือประกอบการพิสูจน์คำให้การของพยานต่างๆ ว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด และส่วนตัวเชื่อว่าตำรวจยังมีพยานหลักฐานสำคัญอื่นที่ใช้ในการดำเนินคดีได้

แต่เหตุที่ตำรวจยังไม่ออกหมายจับใครในคดีนี้เชื่อว่า ตำรวจมีพยานหลักฐานเพียงพอเอาผิดผู้ต้องสงสัยได้แล้ว และหากจะออกหมายจับเวลานี้จริงก็สามารถทำได้ แต่ต้องการทำคดีนี้ให้รอบคอบ จึงต้องใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดให้ชัดเจนก่อน และเชื่อว่าที่กำหนดว่าจะสามารถออกหมายจับได้ไม่เกินในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นั้น ก็จะเป็นไปตามนั้นเช่นกัน

ส่วนการตั้งศาลพญานาคของลุงพล ส่วนตัวเห็นว่าเรื่องนี้อาจมีคนให้คำแนะนำ เพราะการตั้งศาลพญานาค อยู่ในข่ายเป็นการทำธุรกิจเชิงพาณิชย์ ที่สามารถสร้างรายได้ระยะยาวได้ ส่วนเรื่องเหล็กไหลที่บอกว่าได้รับมาจากพระอาจารย์คนหนึ่ง ก็เชื่อว่าไม่ใช่ของจริง จึงขอท้าให้นำไปตรวจพิสูจน์ที่กรมทรัพยากรธรณี 

นอกจากนี้ ช่วงบ่ายของวันนี้(22 มกราคม 2564) ผู้สื่อข่าวที่ถูกลุงพลแย่งไมโครโฟน และถูกทำร้ายร่างกายระหว่างการรอสัมภาษณ์ ในช่วงระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง เรื่องไม้ตะเคียน จะเข้าแจ้งความกับตำรวจในท้องที่เกิดเหตุเพิ่มเติมฐานพยายามชิงทรัพย์ ตามคำแนะนำของฝ่ายกฎหมาย

โดยยืนยันว่าแม้คดีทำร้ายร่างกายที่แจ้งความไปก่อนหน้านี้ ตำรวจจะอธิบายว่าเป็นคดีที่สามารถยอมความได้ และลุงพลก็ได้ออกแถลงขอโทษต่อเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แต่เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมายชัดเจน อีกทั้งไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า การออกมาพูดเพราะตั้งใจขอโทษจริงๆ หรือได้รับคำแนะนำให้แถลงการณ์เพื่อลดกระแสสังคม จึงเห็นควรต้องดำเนินการไปตามสิทธิของตนเองก่อน