ข่าว

ทนายจี้ตร.เพิ่มข้อหามือปืนยิงลูกรองสวป.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ทนายอนันต์ชัย" รุดช่วยคดีลูกชายรอง สวป. ถูกดักยิงดับหลังกลับจากงานหมอลำ เผยยิงผิดตัว เหตุต้องการยิงเพื่อนอีกคน ปัดเรื่องชู้สาว จี้ตร.เพิ่มข้อฆ่าโดยไตร่ตรองกับมือปืน

          จากกรณีคนร้ายดักยิงนายกฤษนัย อ่อนภูงา อายุ 17 ปี ลูกชายของ ร.ต.อ.ไพทูรย์ อ่อนภูงา รอง สวป.สภ.หัวโทน จ.ร้อยเอ็ด เหตุเกิดริมถนนคอนกรีตสายบ้านใหม่โพธิ์ชัย-บ้านหนองพังคี หมู่ที่ 10 ต.ห้วยหินลาด อ.สุวรรณภูมิ ช่วงเช้ามืดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จากนั้นนายอรรถพล เลิศพันธ์ อายุ 22 ปี มือปืน เข้ามอบตัวกับตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.หัวโทน ดำเนินการ เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น 

 

 

 

          ล่าสุดวันที่ 27 มีนาคม ภายหลัง ร.ต.อ.ไพฑูรย์ บิดาของผู้ตายได้ขอความช่วยเหลือทางคดีไปยัง นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เนื่องจากยังไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดีดังกล่าว จึงได้เดินทางมาดูจุดเกิดเหตุ 

          จากการตรวจสอบปรากฏว่าการยิงครั้งนี้เป็นการยิงผิดตัวโดยผู้ตายได้ถูกเพื่อนชักชวนไปหาผู้หญิงในงานหมอลำคืนวันเกิดเหตุ ระหว่างเดินทางกลับผู้ตายได้ซ้อนรถจักรยานยนต์ เป็นลักษณะซ้อนสาม  ขณะเดินทางกลับเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งมีคนร้ายดักรออยู่ก่อนแล้ว และคนร้ายได้บอกให้หยุดรถ แต่รถของผู้ตายไม่ได้หยุด คนร้ายจึงยิงไปโดน นายกฤษนัย เสียชีวิต

ทนายจี้ตร.เพิ่มข้อหามือปืนยิงลูกรองสวป.

          นายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า ตามรูปการณ์จากที่ได้คุยกับตำรวจ น่าจะเป็นการยิงผิดตัว ก็คือคนร้ายต้องการยิงเพื่อนของนายกฤษนัย ซึ่งนั่งอยู่ตรงกลาง แต่ลูกกระสุนปืนไปโดนนายกฤษนัยเสียชีวิต ซึ่งไม่ได้รู้เรื่องความขัดแย้งดังกล่าว และไม่ได้เป็นเรื่องชู้สาว ตามข่าวก่อนหน้านี้แต่อย่างใด เพียงแค่ไปเป็นเพื่อนเขาเท่านั้น ในเหตุการณ์นี้ ทางตำรวจได้แจ้งข้อหามาตรา 288 คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา กับคนร้ายเท่านั้น 

 

 

 

           “ผมจึงเดินทางมาพบ ท่านสารวัตรใหญ่ และพนักงานสอบสวน เพื่อให้แจ้งข้อหา 289 (4) เพิ่มเติม ก็คือ ฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นอกจากนี้ยังพบอีกว่า หลังจากคนร้ายได้รับการประกันตัว คนร้ายได้ไปอุปสมบทที่วัดแห่งหนึ่ง ก่อนหน้าที่คนร้ายจะก่อเหตุในครั้งนี้ คนร้ายยังมีคดียาเสพติด อยู่ที่ สภ.สุวรรณภูมิ ด้วย ซึ่งก็ได้รับการประกันตัว แล้วยังมาก่อเหตุอุกฉกรรจ์ในครั้งนี้อีก” นายอนันต์ชัย กล่าว 

          นายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่า วัดที่ได้ทำการบวชต้องรับผิดชอบ เพราะโดยหลักการหากเป็นผู้ต้องหา จำเลย ต้องคดี หรือต้องโทษ ตามกฏมหาเถรสมาคมนั้นห้ามบวช และจำเป็นจะต้องมีการรื้อคดีนี้ต่อไป ว่าพระรูปใดเป็นพระที่อุปฌา และวัดใด ส่วนเรื่องคดีความ ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าคนโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพิ่ม ภายใน 15 วัน และคนขับรถที่พาหลบหนีต้องเป็นตัวการร่วมไม่ใช่ผู้สนับสนุน

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ