ข่าว

รับร่าง "2 วีรบุรุษ" สมเกียรติ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ในหลวง-พระราชินี" เสียพระราชหฤทัยเหตุการณ์โคราช พระราชทานกำลังใจ ครอบครัวผู้สูญเสีย-เจ้าหน้าที่ รับร่าง "2 วีรบุรุษ" สมเกียรติ

 

               “ในหลวง-พระราชินี” เสียพระราชหฤทัยเหตุการณ์ที่โคราช พระราชทานกำลังใจ พร้อมโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์ไปเยี่ยมเยียนผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้สูญเสียทุกราย ตั้งโรงครัวพระราชทานสนับสนุนการทำงานเจ้าหน้าที่ ด้าน สตช.รับร่าง 2 วีรบุรุษอรินทราชสมเกียรติ ขณะที่รัฐบาลเร่งเยียวยาเหยื่อ-ผู้บาดเจ็บ ด้านเพื่อไทยจ่อตั้งกระทู้ถามสด-ญัตติตั้งกมธ.ศึกษาแนวทางป้องกัน ขณะที่ ตร.รวบ 2 หนุ่มโพสต์ขู่เลียนแบบ

 

อ่านข่าว สมเด็จพระสังฆราช ประทาน "กัปปิยภัณฑ์" ทายาท-ผู้บาดเจ็บ

 

               ความคืบหน้ากรณี จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา อายุ 32 ปี คลั่งกราดยิงในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และที่ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช ทำให้มีเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 30 ราย และได้รับบาดเจ็บ 58 ราย กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมเมื่อช่วงเช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมานั้น

 

               เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 10 กุมภาพันธ์ โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่วประเทศไทย ถ่ายทอดคำแถลง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แสดงความเสียพระราชหฤทัยต่อเหตุการณ์ที่จังหวัดนครราชสีมา

 

               ความว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แสดงความเสียพระราชหฤทัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 และพระราชทานกำลังใจให้แก่ครอบครัวผู้สูญเสียและเจ้าหน้าที่ทุกคน พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานรับศพผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และพระราชทานพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมและพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ 

 

               อีกทั้งยังโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้องคมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จากสำนักพระราชวัง และหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ เป็นผู้แทนพระองค์ไปเยี่ยมเยียนผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้สูญเสียทุกราย

 

               ตลอดจนการจัดตั้งโรงครัวพระราชทานเพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในการพิสูจน์หลักฐานและทำความสะอาดสถานที่ให้เรียบร้อยจนกว่าจะจบภารกิจ พร้อมกันนี้รับสั่งให้รัฐบาลดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนและเจ้าหน้าที่ด้วยความรวดเร็ว นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรชาวไทยทุกคน"

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อาคารธูปะเตมีย์ กองบิน 1 จ.นครราชสีมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายอำพน กิตติอำพน องคมนตรี เชิญตะกร้าสิ่งของพระราชทานและถุงพระราชทานมอบแก่ครอบครัว ร.ต.อ.ตระกูล ทาอาษา ผบ.หมวด (สบ 1) กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ. 

 

               และครอบครัว ด.ต.เพชรรัตน์ กำจัดภัย ผบ.หมู่ กองร้อยปฏิบัติการพิเศษที่ 2 กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย บก.สปพ. ที่เสียชีวิตจากการเข้าระงับเหตุกราดยิงที่โคราช จากนั้นนายอำพนได้เดินทางไปยัง รพ.มหาราชนครราชสีมา เพื่อเชิญแจกันดอกไม้และกระเช้าสิ่งของพระราชทานเข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่และประชาชน รวมจำนวน 8 ราย ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว

 

ทำบุญครั้งใหญ่-ตั้งศูนย์เยียวยา

 

               ขณะเดียวกันมีประชาชนจำนวนมากนำดอกไม้และสิ่งของไปวางเพื่อแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่หน้าห้างเทอร์มินอล 21 โคราช พร้อมกันนี้ นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า วันที่ 15 กุมภาพันธ์ทางจังหวัดจะจัดทำบุญครั้งใหญ่ ตักบาตรพระสงฆ์ 10,000 รูป และจัดกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ครั้งใหญ่ทั้งเมืองอีกครั้ง ทั้งนี้หลังจากนี้ไปจะต้องมีมาตรการป้องกันอันตรายอย่างเข้มงวด โดยจะนำไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันวางมาตรการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำอีกได้ในอนาคต

 

               ขณะเดียวกันได้มีการตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือเยียวยา ที่ห้องศูนย์ดำรงธรรมชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา และที่สโมสรร่วมเริงไชย ภายในค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 แล้ว ทั้ง 2 ศูนย์นี้ จะมีการรับเงินบริจาคเพื่อช่วยเหลือเยียวยาด้วย ขณะนี้ทางจังหวัดได้เปิดบัญชีรับบริจาคที่ธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดเซฟวัน ชื่อบัญชี “ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเทอร์มินอล 21 โดยจังหวัดนครราชสีมา” เลขที่บัญชี 678-9-97951-4

 

สตช.รับร่าง2วีรบุรุษสมเกียรติ

 

               ที่กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ข้าราชการตำรวจกองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย จำนวน 20 นาย ได้นำร่างวีรบุรุษอรินทราชผู้วายชนม์ 2 นาย ได้แก่ ร.ต.อ.ตระกูล และ ด.ต.เพชรรัตน์ จากกองบิน 1 นครราชสีมา ด้วยเครื่องบินคาซ่า มาถึงกองบิน 6 ดอนเมือง ทั้งนี้มีครอบครัวของตำรวจที่เสียชีวิต พร้อมผู้บังคับบัญชา ได้แก่ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแถวกองขบวนเกียรติยศกำลังพล 1 กองร้อย รอรับอย่างสมเกียรติ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า จากนั้นนำหีบบรรจุศพที่คลุมธงชาติไทยขึ้นรถตั้งขบวนรถเชิญศพไปยังวัดตรีทศเทพวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ

 

               ต่อมาเวลา 17.00 น. มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพผู้กล้าทั้งสองนาย หลังจากเสร็จสิ้นพิธี ญาติได้นำไปบำเพ็ญกุศลที่ภูมิลำเนา ดังนี้ ร.ต.อ.ตระกูล ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลที่ จ.เชียงราย ส่วน ด.ต.เพชรรัตน์ ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบึงทองหลาง กรุงเทพฯ

 

               สำหรับประวัติ ร.ต.อ.ตระกูล จบหลักสูตรการต่อต้านการก่อการร้าย (นเรศวร 261) รุ่นที่ 14 บก.สอ.บช.ตชด. หลักสูตรทำลายวัตถุระเบิด กองสรรพาวุธ รุ่น 13 และหลักสูตรการกระโดดร่มแบบกระตุกเอง บก.สอ.บช.ตชด. และ ด.ต.เพชรรัตน์ จบหลักสูตรนักเรียนนายสิบตำรวจ รุ่นที่ 1 หลักสูตรการต่อต้านการก่อการร้าย (นเรศวร 261) รุ่นที่ 12 หลักสูตรการทำลายวัตถุระเบิด ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รุ่นที่ 14 หลักสูตรการโดดร่มแบบกระตุกเอง 1/2562 และหลักสูตรกระโดดร่มกองทัพเรือ ปี 2562

 

               ทั้งนี้ ทาง บช.น.ได้เสนอพิจารณาเลื่อนขั้นสองวีรบุรุษ 7 ขั้น 5 ชั้นยศ กรณีปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามโจรผู้ร้ายจนได้รับอันตรายถึงเสียชีวิต ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการให้บำเหน็จความชอบ เป็นกรณีพิเศษ พ.ศ.2521 เป็นบำนาญพิเศษ คำนวณจากฐานเงินเดือนสุดท้าย และเงินช่วยเหลือจากกองทุนต่างๆ ด้วย

 

รัฐเร่งเยียวยาช่วยเหลือ11ก.พ.

 

               ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีคำสั่งด่วนให้ทุกหน่วยงานเร่งสำรวจสิทธิประโยชน์ เงินเยียวยาและความช่วยเหลือกรณีประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ทายาทและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบตามสิทธิที่พึงมีพึงได้อย่างเต็มที่ เบื้องต้น กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้สำรวจสิทธิ เงินเยียวยา ภายใต้ระเบียบแล้ว โดยจะรวบรวมความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงานภายในวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์นี้

 

               “รัฐบาลรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งและขอเป็นกำลังใจแก่คนไทยและพี่น้องชาวโคราชทุกคน ในช่วงเวลานี้ขอความร่วมมือจากสังคม สื่อมวลชน และประชาชน ร่วมกันเป็นพลังใจให้กันและกันเพื่อสร้างภูมิป้องกันให้สังคมต่อไป” นางนฤมลกล่าว

 

               ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีมีกระแสวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา ได้แสดงสัญลักษณ์มินิฮาร์ทว่าเป็นสิ่งไม่เหมาะสมนั้น ทางเพจเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ได้โพสต์เมื่อคืนวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ว่า “ผมรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ครั้งนี้เหมือนกับคนไทยทั้งประเทศ ผมขอร่วมไว้อาลัยต่อผู้สูญเสียพร้อมพี่น้องชาวโคราชและประชาชนคนไทยทุกคน 

 

               เราทุกคนเศร้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วันนี้ผมเองตั้งใจที่จะให้กำลังใจทุกคน จนบางครั้งการแสดงออกอาจทำให้หลายคนเข้าใจผิด หรือรู้สึกไม่สบายใจ แต่ผมขอพูดจากใจว่าในยามวิกฤติแบบนี้ ผมเชื่อว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ ผมจึงแสดงออกซึ่งการให้กำลังใจต่อกัน ผมเชื่อครับว่าเราจะก้าวผ่านฝันร้ายนี้ไปด้วยกันด้วยหัวใจที่เป็นหนึ่งครับ”

 

ครม.-ทำเนียบแต่งดำไว้ทุกข์

 

               แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) แจ้งถึงผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ของสำนักนายกรัฐมนตรี อาทิ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ทราบและขอความร่วมมือ โดยระบุว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือผู้บริหาร เพื่อนข้าราชการ และบุคลากร สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทุกคนร่วมกันแต่งชุดดำไว้ทุกข์ให้แก่ผู้เสียชีวิตในวันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อเป็นการไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตและเจ้าหน้าที่ที่เสียสละชีวิตจากเหตุการณ์ที่ จ.นครราชสีมา และเพื่อเป็นการแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย

 

               อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งรัฐมนตรีและข้าราชการขอให้แต่งชุดดำไว้ทุกข์เป็นเวลา 1 วัน ด้วยเสื้อผ้าไทยสีดำ เพื่อเป็นการไว้ทุกข์ในโอกาสเดียวกัน

 

               เช่นเดียวกับ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา (ส.ว.) ได้มีดำริให้ ส.ว.และข้าราชการร่วมไว้อาลัยต่อเหตุการณ์สูญเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนเป็นจำนวนมาก ที่ จ.นครราชสีมา โดยร่วมกันแต่งกายไว้อาลัยในชุดสีดำหรือโทนสีดำ ในการประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 18 วันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้

 

ผบ.ทบ.จ่อชี้แจงทุกปมประเด็น

 

               มีรายงานแจ้งว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เตรียมแถลงข่าวในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) ในเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ของกองทัพบก ที่ผู้บังคับบัญชาเคยสั่งการไปให้ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา สืบเนื่องจากกรณี จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ผู้บังคับหมู่ปืนเล็ก หมวดรักษาการณ์กองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ก่อเหตุปล้นอาวุธปืนและกระสุนจากป้อมรักษาการณ์ภายในหน่วย นำไปใช้ก่อเหตุร้ายเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก 

 

             ซึ่งก่อนหน้านั้นกองทัพบกได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทุกคนโดยทันทีที่เกิดเหตุ พล.อ.อภิรัชต์ สั่งการให้กองทัพภาคที่ 2 เข้าควบคุมสถานการณ์ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยให้ดูแลความปลอดภัยของประชาชนทุกคนเป็นสำคัญ รวมทั้งได้เดินทางไปร่วมแก้ไขสถานการณ์ในพื้นที่ด้วยตัวเอง โดย พล.อ.อภิรัชต์ พร้อมชี้แจงในทุกเรื่อง

 

กระทู้-ตั้งกมธ.ให้นายกฯชี้แจง

 

               ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าจำเป็นต้องถอดบทเรียนมาป้องกันในอนาคต เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดความรุนแรงหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการปล้นร้านทองหรือการใช้อาวุธสร้างความรุนแรงต่างๆ เราต้องถอดบทเรียนเพื่อให้มีมาตรการป้องกันและการสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนว่าจะมีชีวิตปกติสุขโดยไม่ถูกทำร้ายในที่สาธารณะอีกแล้ว รวมทั้งยังจะสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี 

 

               โดยในส่วนของพรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้านได้พูดคุยกับประธานวิปฝ่ายค้าน และเลขาธิการพรรคเพื่อไทยว่าเป็นเวลาที่ รัฐบาล ฝ่ายค้าน ข้าราชการ ประชาชน จะต้องร่วมแรงร่วมใจกันในการที่จะทำอย่างไรให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะจากอาวุธสงครามที่รุนแรง

 

               ดังนั้นพรรคจะตั้งกระทู้ถามและเสนอญัตติตั้งกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรงแบบนี้กับประชาชนในที่สาธารณะ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะเอาไปโจมตีใครแต่เป็นเวลาที่ต้องร่วมแรงกันหาวิธีการป้องกัน ดังนั้นรัฐสภาควรเปิดพื้นที่ให้รัฐบาลและฝ่ายค้านหารือกัน หาแนวทางดูแลความปลอดภัยในที่สาธารณะให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่า ส.ส.พรรคจะเสนอต่อประธานสภาในการประชุมสภาสัปดาห์หน้า

 

จี้มาตรการป้องกันเลียนแบบ

 

               ส่วนนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า อยากให้กองทัพได้ศึกษาบทเรียนและหาทางป้องกันและควบคุมการเข้าถึงและการใช้อาวุธร้ายแรง เพราะประชาชนจำนวนมากไม่เข้าใจว่า เหตุใดทหารผู้ก่อเหตุถึงได้มีอาวุธมากมายขนาดนี้ และจะป้องกันได้อย่างไรที่จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้จากการศึกษาบทเรียนจากต่างประเทศพบว่าการเกิดเหตุการณ์กราดยิงจนทำให้คนเสียชีวิตเป็นจำนวนมากในลักษณะนี้และมีโอกาสสูงที่จะเกิดการลอกเลียนแบบได้ซึ่งเกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ 

 

               แม้กระทั่งการกราดยิงในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย ในที่ทำงาน และในห้างสรรพสินค้า ดังนั้นรัฐบาลจะต้องเร่งสร้างมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก รวมถึงการดูแลสภาพจิตของประชาชนที่ได้รับผลกระทบเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา

 

               “เชื่อว่าปัจจัยที่ทำให้คนปกติสามารถกระทำการอันอุกอาจขนาดนี้ได้ ต้องเกิดมาจากความเครียดอย่างรุนแรง ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องหาทางแก้ไขไม่ให้ประชาชนเครียดกันมาก โดยเฉพาะความเครียดรุนแรงทางเศรษฐกิจ เพราะปีนี้เศรษฐกิจจะเลวร้ายยิ่งกว่าปีที่แล้ว และประชาชนจะยิ่งเครียดกันอย่างมาก” นายพิชัยกล่าว

 

รวบ2หนุ่มโพสต์ข่มขู่กราดยิง

 

               ส่วนกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เฮียอาร์ม มอเตอร์” โพสต์ข้อความในลักษณะข่มขู่จะลงมือกับห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในชัยภูมิแบบเดียวกับที่โคราช พร้อมโพสต์ภาพใส่เครื่องแบบทหารและมีอาวุธปืนจนสร้างความแตกตื่นแก่ประชาชนนั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ได้ติดตามเบาะแสจนทราบตัวมือโพสต์จึงได้เข้าควบคุมตัวชายคนดังกล่าวมาสอบสอน จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การสารภาพว่า ได้โพสต์เฟซบุ๊กลักษณะนั้นจริงหลังจากที่ดื่มสุราจนเมา โดยไม่ได้ตั้งใจจะลงมือทำจริง 

 

               ส่วนภาพที่ใส่เครื่องแบบทหารอ้างว่าเมื่อก่อนเป็นพลทหารสังกัดหนึ่งใน จ.นครราชสีมา แอบใส่ชุดของนายและนำมาโพสต์ ส่วนอาวุธปืนทางเจ้าหน้าที่ยังตรวจค้นว่ามีจริงหรือไม่ จากนั้นนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมตั้ง 3 ข้อหา คือความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ข่มขู่ให้คนอื่นตกใจกลัว และแต่งเครื่องแบบราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

               ขณะที่บริษัทผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ใน จ.ชัยภูมิ ซึ่งผู้ต้องหาทำงานอยู่ ได้ประกาศให้ผู้ต้องหาพ้นสภาพพนักงานของบริษัท โดยระบุว่าแสดงพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ ไม่เคารพต่อญาติผู้เสียชีวิตและขัดต่อหลักจริยธรรมและกฎระเบียบในการปฏิบัติงานของบริษัท อีกทั้งขอแสดงความเสียใจต่อการกระทำดังกล่าวและขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งอีกครั้งแก่ญาติผู้เสียชีวิต และทางบริษัทจะเพิ่มมาตรการในการตรวจสอบการรับพนักงานเข้าทำงานอย่างเข้มงวด

 

               วันเดียวกัน พ.ต.อ.ดร.พัทฐกร ศาสนะสุพินธ์ ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์รูปตัวเองแต่งกายด้วยกางเกงขายาวลายพราง เสื้อแขนยาวสีแดง แขนสีเทา ชุดคล้ายทหาร ยืนถืออาวุธปืน เขียนข้อความว่าโคราชก็เกิดแล้วต่อไปร้อยเอ็ดครับ จึงได้ตามจับกุม ทราบชื่อนายบอย (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี เป็นนักมวย ซึ่งเจ้าตัวรับสารภาพว่าที่เห็นนั้นเป็นของเล่นนำมาประกบกันให้เหมือนปืน

 

               ทั้งนี้ ผู้ต้องหาเป็นเยาวชนรับว่าทำไปด้วยความคึกคะนอง จึงอยากฝากเตือนประชาชนและผู้ปกครองให้เตือนบุตรหลาน เพราะทำให้ประชาชนตกใจกลัวและเป็นการซ้ำเติมญาติผู้สูญเสียที่ จ.นครราชสีมา อีกด้วย

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ