ข่าว

กระบี่กักตัว นทท.สาวจีนตรวจไวรัสโคโรนา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หญิงนครปฐมอาการดีขึ้น กระบี่กักตัว นทท.สาวจีนตรวจไวรัสโคโรนา จีนปิดอู่ฮั่น พบป่วย 500 ดับแล้ว 17

 

              เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563 มีรายงานว่า นพ.สามารถ ถิระศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม (สสจ.) ระบุว่า ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีเกิดโรคปอดอักเสบรุนแรงจากปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จัดระบบเฝ้าระวัง คัดกรองผู้ป่วย การดูแลติดตามรักษาอย่างเป็นระบบ ขอให้มั่นใจว่าสถานบริการและทุกโรงพยาบาลใน จ.นครปฐม มีการดำเนินการตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และได้ปฏิบัติตามข้อสั่งการให้มีการเฝ้าระวังทั้งในส่วนของตัวบุคลากรทางการแพทย์ในทุกระดับ ให้มีการป้องกันตนเอง และการป้องกันตัวผู้ป่วย และมีกระบวนการที่เข้มข้นในการเฝ้าระวัง คัดกรองผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงทุกคน

 

 

 

 

              สำหรับผู้ป่วยยืนยันโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 จากเมืองอู่ฮั่น รักษาตัวในห้องผู้ป่วยแยกโรคความดันลบ โรงพยาบาลนครปฐม เป็นหญิงไทยอายุ 73 ปี ติดเชื้อหลังจากเดินทางกลับมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ขณะนี้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น แต่เนื่องจากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวคือโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง จึงต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด และมีการติดตามดูแลญาติและผู้สัมผัสที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งส่งตัวอย่างตรวจ ซึ่งผลตรวจทุกคนไม่พบเชื้อดังกล่าว

 

 

 

              สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ว่า สื่อมวลชนของจีนทุกแห่งพร้อมใจเสนอรายงานว่านับตั้งแต่เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภทและทุกเส้นทางที่ออกจากเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย ในภาคกลางของจีน ได้ระงับให้บริการจนกว่าจะมีสั่งเปลี่ยนแปลง โดยประชากร 11 ล้านคนในพื้นที่เมืองอู่ฮั่นไม่ควรออกนอกเขตเมือง ยกเว้นมีกิจธุระจำเป็นเท่านั้น ซึ่งต้องมีการแสดงข้อมูลอย่างชัดเจนกับเจ้าหน้าที่ควบคุมด้วย ขณะเดียวกันเที่ยวบินและรถไฟที่มีกำหนดจะออกเดินทางจากอู่ฮั่นได้ถูกยกเลิกทั้งหมดเป็นการชั่วคราวเพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสชนิดใหม่

 

 

 

              ทั้งนี้ สื่อของรัฐบาลจีนยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เชื่อว่าเกิดจากเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 8 คน ที่มณฑลหูเป่ย ซึ่งมีการระบาดของโรครุนแรงที่สุด ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตในประเทศจีนเพิ่มขึ้นเป็น 17 คนแล้วจากเดิม 9 ราย ขณะที่จำนวนผู้ป่วยทั่วประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 540 คน โดยที่มณฑลหูเป่ยมณฑลเดียวมีผู้ป่วยถึง 444 คนตั้งแต่เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ในเมืองอู่ฮั่นซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของโรคได้ขอให้ผู้คนสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกไปตามร้านค้า สวนสาธารณะ และสถานที่อื่นๆ ที่ผู้คนมารวมตัวกัน ขณะที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีนขอให้คนที่อยู่ในเมืองอื่นไม่เข้าไปที่เมืองอู่ฮั่นและขอให้ผู้คนในเมืองอู่ฮั่นไม่ออกไปเมืองอื่น

 

 

 

              ด้านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในเมืองอู่ฮั่นประกาศว่าได้ระงับการเดินรถโดยสารรถไฟใต้ดิน และเรือโดยสารข้ามแม่น้ำแยงซีในเมืองอู่ฮั่น ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคและขอให้ประชาชนไม่เดินทางออกนอกเมืองเว้นเสียแต่ว่ามีธุระจำเป็น ขณะเดียวกันยิ่งวันหยุดตรุษจีนที่จะเริ่มในวันศุกร์ยิ่งใกล้เข้ามา ความกังวลที่ว่าโรคจะมีแพร่กระจายมากขึ้นก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

              ต่อมาสำนักข่าวต่างประเทศรายงานอีกว่า ทางการเมืองหวงกังในมณฑลหูเป่ย ระบุว่าวันนี้ (23 มกราคม) สถานีรถไฟในเมืองหวงกัง ซึ่งมีประชากร 7.5 ล้านคนและห่างจากเมืองอู่ฮั่น 70 กิโลเมตร จะระงับบริการไปจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติมตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนนี้เป็นต้นไป และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะตรวจตรายานพาหนะทุกประเภท ขณะที่บาร์และโรงภาพยนตร์จะถูกสั่งปิด ทั้งนี้การปิดเมืองแห่งที่ 2 ของจีนมีขึ้นก่อนถึงวันตรุษจีน ซึ่งชาวจีนหลายล้านคนจะออกเดินทางไปเยี่ยมญาติทั่วแผ่นดินใหญ่

 

 

 

              วันเดียวกันที่โรงพยาบาลกระบี่ ได้กักตัวรักษาผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อปอดอักเสบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เป็นหญิงชาวจีน โดย นพ.สุพจน์ ภูเก้าล้วน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระบี่ ได้นำไปตรวจสอบที่ห้องแยกโรคติดเชื้อสำหรับป้องกันการระบาดแล้ว

              นพ.สุพจน์ เปิดเผยว่า หญิงชาวจีนรายนี้ชื่อนางหลี ลุ่ย อี้ อายุ 35 ปี เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เมื่อคืนวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา โดยเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ จากนั้นเวลาประมาณ 22.00 น. ผู้ป่วยรู้สึกมีไข้จึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลวัฒนแพทย์อ่าวนาง ซึ่งโรงพยาบาลดังกล่าวได้ทำข้อตกลงไว้ว่าหากเป็นผู้ป่วยจากจีนในช่วงนี้ต้องเข้าสู่ระบบกักตัวจึงนำตัวส่งต่อมาที่โรงพยาบาลกระบี่ ทั้งนี้ หลังรับผู้ป่วยรายนี้ก็รีบนำเข้าห้องกักตัวรักษาโดยในช่วงแรกพบมีไข้อ่อนๆ เท่านั้น โดยมีแพทย์และพยาบาลคอยดูแลตลอดเวลา จนวันนี้พบว่าไม่มีไข้แต่เนื่องจากเป็นผู้ต้องสงสัยในโรคดังกล่าวจึงต้องดูอาการให้ครบ 24 ชั่วโมง หากไม่พบอาการเพิ่มเติมก็จะอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล

 

 

 

              ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่า เราควบคุมได้มาตลอด หลายอย่างดำเนินการมาล่วงหน้าแล้ว ไม่อย่างนั้นเราคงป้องกันไม่ได้อย่างนี้ ลองเปรียบเทียบดูที่จีน วันนี้เขาห้ามบุคคลออกจากเมืองอู่ฮั่นโดยเด็ดขาด ซึ่งเขาห้ามได้ ประเทศไทยห้ามได้ไหม มันต่างกันตรงนี้

              ด้าน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วานนี้ (22 มกราคม) มีการประชุมร่วมกับองค์การอนามัยโลกร่วมกับ 4 ประเทศ คือ ไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เพื่อหารือและดูสถานการณ์ทั่วไปของโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งจริงๆ แล้วประเทศไทยยกระดับการดูแลโดยคิดถึงโรคอุบัติใหม่ที่สามารถติดต่อจากคนสู่คนเอาไว้แต่แรกจึงวางมาตรการสูงสุดตั้งแต่ต้นและตั้งแต่สัปดาห์แรกของปี และล่าสุดตอนนี้ยกระดับบัญชาการระดับกรมเป็นระดับกระทรวงแล้ว ดังนั้นทุกแห่งต้องตื่นตัวเปิดศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัด

 

 

 

              ต่อข้อถามทางการจีนประกาศห้ามคนจีนในเมืองอู่ฮั่นเดินทางออกนอกพื้นที่รวมทั้งไม่ให้คนจากพื้นที่อื่นเข้าไปยังเมืองอู่ฮั่น นพ.สุขุม กล่าวว่า คิดว่าผลกระทบกับไทยไม่มีอะไรเพราะโรคนี้ไม่ได้เกิดที่ประเทศไทย แต่กระทบประเทศจีน การที่เขาจำกัดการเคลื่อนไหวก็น่าจะเป็นผลดีแก่เรา อย่างไรก็ตามแม้จะมีการจำกัดการเดินทางจากเมืองอู่ฮั่นแล้ว เรายังต้องจับตาทั้งหมดว่ามีใครที่มีประวัติว่าเคยไปเมืองอู่ฮั่นหรือไม่ แต่ไม่ได้จำกัดการเดินทาง ถ้าเมื่อไหร่ที่มีการระบาดจากคนในเมืองอื่นๆ โดยที่ไม่มีประวัติเดินทางไปที่เมืองอู่ฮั่นมาก่อนอาจจะต้องมาพิจารณาติดตามด้วย

              “ส่วนที่มีข้อกังวลว่าจะกระทบต่อรายได้การท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนของไทยนั้น มองว่าเรื่องรายได้ไม่สำคัญเท่าสุขภาพของประชาชน ถ้ามีคนไทยเจ็บป่วย หรือเสียชีวิตจากโรคนี้ก็ยิ่งลำบาก วันนี้เราพยายามกักกันเต็มที่” ปลัดสาธารณสุขกล่าว และว่า ที่เราเจอคนไข้ 4 รายในประเทศไทยก็เป็นคนไข้ที่มาจากเมืองอู่ฮั่นทั้งสิ้น และการตรวจคนใกล้ชิดผู้ป่วยไม่พบว่ามีการติดเชื้อแต่อย่างใด

 

 

 

              นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุม กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศไทยที่ทางการจีนจำกัดการเดินทางเพื่อควบคุมการแพร่เชื้อไวรัส อย่างไรก็ตามองค์การอนามัยโลกยังไม่ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศแต่มีการประชุมและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

              ขณะที่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมี ส.ส. พรรคการเมืองหนึ่งกล่าวในที่ประชุมสภาในทำนองว่ารัฐบาลไม่ใส่ใจเรื่องไวรัสโคโรนาไม่เห็นทำอะไร ว่ากล่าวเช่นนี้ไม่ได้ เพราะเราทำ 100 เปอร์เซ็นต์ มีมาตรการคุมเข้มขั้นสูงสุด เตรียมบุคลากร ห้องแล็บ อุปกรณ์ ห้องแยกโรค และระบบการส่งต่อ ซึ่งทำทุกอย่างถูกต้องตามหลักการควบคุมป้องกันโรคจึงขอให้นักการเมืองทุกฝ่ายอย่าเอาเรื่องนี้มาโจมตีกันเพราะนี่ไม่ใช่วาระทางการเมือง

 

 

 

              “เราทำงานกันอย่างเข้มข้นแต่ยอมรับว่ามีความยากลำบากจึงเสนอให้กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศยกระดับโรคนี้เป็นโรคติดต่ออันตราย เพราะยากลำบากในการคัดกรองที่สนามบิน ที่ทำตามมาตรา 39 ของ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ซึ่งหากคนที่ถูกกักตัวเพราะมีไข้ อาจจะไม่พอใจขอไม่เข้าระบบได้ เพราะคิดว่าแค่มีไข้ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่หากมีการยกระดับจะทำให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจตามกฎหมายมาตรา 40 ในการที่แนะนำตรวจสอบและให้อยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม ซึ่งจะปฏิเสธไม่ได้ และจะทำให้การท่าอากาศยานจัดกำลังคนเข้ามาร่วมปฏิบัติหน้าที่คัดกรองอย่างเต็มที่” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ